สืบเนื่องจากรถโดยสารสองชั้น เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนบ่อยครั้ง โดยข้อมูลล่าสุด ณ ปี 2568 ของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) พบ มีรถโดยสาร 2 ชั้น มีรถจดทะเบียน 7,300 คัน เกิดอุบัติเหตุ 107 เคส มีผู้เสียชีวิต 24 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตต่อรถจดทะเบียน 10,000 คัน เท่ากับ 32.9. จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นว่ารถบัส 2ชั้น มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ มากกว่ารถโดยสารชั้นเดียวถึง 7 เท่าและมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต สูงกว่าถึง 10 เท่า1 มี.ค. 2568 ส่งผลให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก ตระหนักถึงความสำคัญมาตรการด้านความปลอดภัยสูงสุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินรถโดยสารสองชั้น ป้องกันการเกิดความเสี่ยงอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน จึงได้ร่วมกับกรมทางหลวงดำเนินการกำหนดเส้นทางจุดเสี่ยง (Zoning) ห้ามรถโดยสารสองชั้น เข้าใช้เส้นทางจุดเสี่ยงที่มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา มีมติยืนยันห้ามรถโดยสารสองชั้น (มาตรฐาน 4) เดินรถในทางหลวงหมายเลข 304 ช่วงสี่แยกบินทร์บุรี - วังน้ำเขียว เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูงและมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ขบ. ได้ผ่อนผันการบังคับใช้ห้ามรถโดยสารสองชั้นเดินรถใน 6 เส้นทาง ออกไปเป็นเวลา 180 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ประกอบด้วย 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า – พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ – แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่ – ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์ – โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ – อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และ 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว – อุทยานแห่งชาติดอยภูคา เนื่องจากปัจจุบัน สภาพกายภาพของถนนเหล่านี้ ได้มีการปรับปรุง โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งกรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เช่น มีการเพิ่มความกว้างของไหล่ทาง รวมถึงสภาพผิดถนนต่างๆ
“ผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้น ที่จะทำการเดินรถใน 6 เส้นทางจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขกรมการขนส่งทางบกอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็น การนำรถโดยสารสองชั้นทุกคันเข้าตรวจสภาพที่กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อตรวจความพร้อมของตัวรถในการใช้งาน โดยเฉพาะตรวจการทำงานของระบบลมเบรก ซึ่งเป็นระบบที่สำคัญในการขับรถในพื้นที่ที่มีความลาดชัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและผู้โดยสารเกิดความมั่นใจในการเดินทาง รวมทั้งให้พนักงานขับรถเข้ารับการอบรมผ่านระบบ e – learning 2 ชั่วโมง หลักสูตร การขับรถขนาดใหญ่บนเส้นทางลาดชัน และที่สำคัญ พนักงานขับรถต้องใช้ความเร็วตามป้ายจำกัดความเร็ว ที่มีอยู่ในตลอดเส้นทางอย่างเข้มงวด “อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าว
ทั้งนี้ การห้ามรถโดยสารสองชั้นเดินรถในบางเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูง ต่อการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวของความปลอดภัย ที่กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้ร่วมกันถอดบทเรียน เพื่อใช้เป็นเกราะป้องกัน และช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งจะเป็นบทบาทของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชน เข้ามาร่วมมือกัน ส่งเสริม ขับเคลื่อน ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อความปลอดภัย และประโยชน์ ของผู้ใช้บริการรถสาธารณะ และรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถประเภท 30 ) จริงจังในอนาคต