ธุรกิจเกื้อหนุนกัน ทำให้เงินต่อเงิน "เอ๊ะ -พงศ์จักร พิษฐานพร"

วันจันทร์ที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2556

ธุรกิจเกื้อหนุนกัน ทำให้เงินต่อเงิน


เรื่องของการออมเงินนั้น ควรเริ่มจากมีเท่าไร ก็ใช้ให้เหลือเก็บออมบ้าง ไม่ใช่ใช้ทั้งหมด ต้องพยายามไม่สร้างหนี้ เพราะในปัจจุบันการสร้างหนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมาก มีสิ่งของล่อใจมากมาย ทั้งเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ของบัตรเครดิต ทำให้หลายคนลืมนึกถึงภาระต่างๆ ที่จะตามมา ส่งผลให้เราอยู่กับความเสี่ยงตลอดเวลา

"เอ๊ะ" พงศ์จักร พิษฐานพร มือเบส วงละอองฟอง และเป็นเจ้าของธุรกิจอีกหลายอย่าง ทั้งบริษัทออกแบบตกแต่งภาย ใน บริษัทนำเข้าไฟตกแต่งบ้าน ร้านอาหาร รีสอร์ต และล่าสุดกับธุรกิจบ้านคอนเทน เนอร์ ด้วยแนวความคิดที่ว่า ธุรกิจเกื้อหนุน กันทำให้ "เงินต่อเงิน"

เอ๊ะเล่าว่า เงินที่ได้จากการทำงาน ผมจะแบ่งเป็นเงินสดเก็บไว้ ประมาณ 30% ลงทุนในหุ้น และพันธบัตรต่างๆ ประมาณ 50% และอีก 20% เป็นค่าใช้จ่าย

สำหรับเงินสดที่เก็บไว้ผมก็นำมาลงทุนในธุรกิจต่างๆ เพราะผมคิดว่าเราควรใช้เงินต่อเงิน ผมจึงได้ทำธุรกิจหลายอย่าง พยายามทำธุรกิจให้เกื้อกูลซึ่งกันและกัน เช่น ธุรกิจออกแบบตกแต่งภายใน ตกแต่งให้ธุรกิจ ร้านอาหารและรีสอร์ต ให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงิน เพราะคิดว่าถ้าเราเก็บเงินไว้เฉยๆ ไม่ได้เอาเงินไปต่อยอดทำอะไร ก็ได้แค่กินดอกเบี้ยไป ซึ่งปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าอัตราดอกเบี้ย ถ้าเราไม่มีการลงทุนหรือหาช่องทางต่อยอด เงิน เงินที่เรามีอยู่นั้นก็จะค่อยๆ หมดไป

นอกจากนี้ ก็มีการลงทุนในพันธบัตร และหุ้น ซึ่งการลงทุนในหุ้นนั้นผมจะเน้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ส่วนผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนต่างๆ ก็จะนำมาซื้อที่ดินเก็บไว้ เพราะผมคิดว่า จำนวนคนมีมากขึ้น แต่ที่ดินไม่เพิ่มขึ้น โลกเรามีคนเกิดขึ้นทุกวัน แต่ที่ดินมันไม่งอก การที่เรามีที่ดินเก็บไว้มันคือทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกวัน ต่อให้ที่ดินผืนนั้นอยู่ในป่าก็ตามอีก 10 ปีข้างหน้า ป่าอาจจะเป็นเมืองก็ได้ ที่สำคัญโลกเราเจริญเร็วมาก เราจะเห็นความเจริญรอบตัวมากมาย ทำให้ผมเก็บส่วนนี้ไว้ค่อนข้างเยอะ

เอ๊ะ บอกต่อว่า เงินอาจจะเป็นปัจจัย ที่สำคัญในการใช้ชีวิต แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นคนที่สปอยล์ตัวเอง ว่าจะต้องกินข้าวแพงๆ หรือต้องใช้ของแพงๆ ก็จะไม่มีปัญหาชีวิตเราเกิดมาหนึ่งชีวิต จะตายเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่วันที่เราอยู่ เรามีความสามารถที่จะทำอะไรได้ ก็ทำให้เต็มที่ ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบทำงานได้ใช้ความสามารถที่มี ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องมีเงินเก็บมหาศาล แค่เก็บไว้แค่พออยู่ได้ ไม่เดือดร้อนใคร และได้ทำงานที่เรารัก และมีความสุข ซึ่งจริงๆ แล้วก็ขึ้นอยู่ กับความชอบของแต่ละคน แต่สำหรับผมแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

"ผมมีอาชีพนักดนตรีเป็นอาชีพหลักแต่เป็นรายได้เสริม ส่วนการทำธุรกิจ ต่างๆ เป็นอาชีพเสริมแต่ทำรายได้หลักให้ได้ เพราะการทำงานในวงการบันเทิงจะอยู่ได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง ถ้ามีโอกาสก็กอบโกยให้เต็มที่ แล้วก็ต้องคิดเผื่อต่อว่าเราจะต้องทำอะไรต่อไป เพราะเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งเราก็ต้องหาความมั่นคงให้กับตัวเอง อาชีพศิลปินนักดนตรี ยิ่งแก่ งานยิ่งน้อย แต่ถ้าเป็นดีไซเนอร์ เป็นนักออกแบบ ยิ่งแก่ค่าจ้างยิ่งสูง ซึ่งผมโชคดีที่ผมเป็นทั้งสองอย่าง"

เอ๊ะ ฝากข้อคิดทิ้งท้ายไว้ว่า การมีเงินหมื่นล้านถ้าไม่มีความสุข เงินที่มีก็ซื้อความสุขไม่ได้ การออมจริงๆ ผมว่าออมเท่าไรก็ได้ที่พอจะทำให้มีความสุข อยากมีเงินมากก็ออมมาก แต่ต้องออมอย่างมีความสุข ไม่ใช่ว่าเห็นใครมี แล้วเราต้องมีแบบคนอื่น เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ แต่ละคนจึงมีการออมที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้อง ตอบโจทย์ตัวเองให้ได้ว่า เราต้องการอะไร แล้วมีความสุขหรือไม่ที่ได้ทำในสิ่งนั้น

เรื่องของการลงทุน ถ้าเรารักและทำในสิ่งที่เราตั้งใจ วันหนึ่งเราจะผ่านอุปสรรคไปได้ ถ้าเราลงทุนอะไรก็ตามแล้วเราทุ่มเทกับมัน เชื่อว่าต้องมีวันที่จะประสบความสำเร็จ การทำธุรกิจก็เหมือน การเลี้ยงลูก เราเลี้ยงลูกถึง 3 ขวบแล้วปล่อยให้ลูกดูแลตัวเองก็คงไม่ได้ เราก็ต้องดูแลลูกจนโต ธุรกิจก็เช่นเดียวกัน เราสร้างมันขึ้นมาเราก็ต้องเข้าไปดูแลให้เติบโตอย่างมั่นคง


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ