“กรมการขนส่งทางบก” แนะนำใส่หมวกกันน็อก ขับขี่มอเตอร์ไซค์ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ช่วยขับเคลื่อนไทยสู่เป้าหมายลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากร ในปี 2570
ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบก ได้รณรงค์ส่งเสริมให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และคนซ้อน ต้องสวมหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อก เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน อันนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งจากข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนน พบว่า การขับขี่จักรยานยนต์ เป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งมีพฤติกรรมการขับขี่ที่ประมาท อยู่ในวัยคึกคะนอง ไม่เคารพกฎจราจร และไม่สวมหมวกนิรภัย ประกอบกับข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขพบว่า สถิติจำนวนผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์แล้วเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เกินกว่าครึ่งหนึ่ง หรือ 50% เสียชีวิตจากการไม่สวมหมวกนิรภัย เพราะไม่มีอะไรป้องกัน เนื่องจากศีรษะเป็นสิ่งที่เปราะบางค่อนข้างสูง ถ้ารถจักรยานยนต์ล้มแล้วศีรษะกระแทกกับพื้นถนนหรือฟุตบาทเกิดการบาดเจ็บและสูญเสียทันที
กรมการขนส่งทางบก เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ สร้างพฤติกรรมและค่านิยมความปลอดภัยใหม่ โดยให้การสวมหมวกนิรภัยเป็นเป้าหมายสำคัญ และ “กรมการขนส่งทางบก” กระทรวงคมนาคม เป็นหนึ่งหน่วยงานที่มีภารกิจในการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรภายในปี 2570 และเสริมสร้างแนวคิดด้านความปลอดภัยทางถนนที่เหมาะสม โดยกำหนดมาตรการองค์กรด้านความปลอดภัยทางถนน เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565 เป็นต้นมา เพื่อให้บุคลากรของหน่วยงานทุกคนปฏิบัติตามกฎจราจรและกฎหมายอย่างเคร่งครัด มุ่งเน้นพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ผ่านมาตรการหลักที่สำคัญ เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กรและขยายผลไปยังสังคม ไม่ว่าจะเป็น การสวมหมวกนิรภัย ขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ และการจัดทำพื้นที่สวมหมวกนิรภัย 100% ในสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้กรมการขนส่งทางบก ยังได้ขยายผลดำเนินมาตรการองค์กรด้านความปลอดภัยทางถนนไปยังภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยจัดทำบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือ เพื่อดำเนินการตามมาตรการองค์กรด้านความปลอดภัยทางถนน ร่วมกับสถานศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ ตั้งแต่ปี 2565 เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนภายในองค์กร โดยเฉพาะครู อาจารย์ และบุคลากรต้องเป็นตัวอย่างด้านความปลอดภัยทางถนน เน้นเรื่องการสวมหมวกนิรภัย เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้มองเห็นและปฏิบัติตาม รวมทั้งจัดอบรมปลูกฝังวินัยและสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการขับรถจักรยานยนต์ที่ถูกต้องตามกฎจราจรให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนของนักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดความปลอดภัยทางถนนในอนาคต
ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบก มีศูนย์รวมข้อมูลการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย “ขับขี่ปลอดภัย by DLT” ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในชื่อ “ขับขี่ปลอดภัย by DLT” เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงและร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในพื้นที่การเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนน สามารถค้นหาข้อมูลด้านความปลอดภัยทางถนน ดาวน์โหลดสื่อ และมีส่วนร่วมกับการรณรงค์ป้องกันลดอุบัติเหตุทางถนนผ่านการดำเนินกิจกรรมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ “ขับขี่ปลอดภัย by DLT” ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ Facebook Youtube LineOA TikTok และ X ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน และมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนน ตลอดจนดำเนินการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อให้ประชาชนเกิดการรับรู้ จนไปสู่การมีพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัยอีกด้วย
ซึ่งสอดคล้องกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ตำรวจทั่วประเทศจะเริ่มกวดขันจับปรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัยอย่างเข้มงวด ด้วยอัตราโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท ที่สำคัญหากคนซ้อนไม่ใส่หมวก คนขับจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า!
ด้าน มุมมองนักวิชาการ ดร.สุเมธ องกิตติกุล รองประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า การบังคับใช้กฎหมายสวมหมวกนิรภัยกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และคนซ้อนที่เข้มข้นขึ้นถือเป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก เนื่องจากหมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ต้องมีและต้องสวมใส่ เพราะถ้าไม่สวมใส่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีอัตราการเสียชีวิตของคนไม่สวมหมวกนิรภัยสูงขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ
อย่างไรก็ดี มาตรการนี้แม้ว่าจะไม่ถูกใจนักขับบนท้องถนนทั้งหลาย แต่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนลดอัตราการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ จึงได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายๆ ที่มุ่งหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัย เพื่อสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนของประเทศไทยอย่างยั่งยืน