เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2568 “รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม” รองศาตราจารย์ด้านวิศวกรรมเครื่องกล ผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็วรถ 1 ในจำเลยคดีเปลี่ยนเเปลงความเร็ว คดีบอส อยู่วิทยา ที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนกรณีตกเป็นจำเลยสังคมว่า ตนเป็นจำเลยที่ 7 ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปเอี่ยวช่วยคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ศาลยกฟ้องคดีนี้เนื่องจากในคำพิพากษามีการระบุพูดถึงประเด็นที่มีการเอา ดร.เฮอร์แมน สเตฟานส์ (Dr.Hermann Steffan) ผู้คิดและพัฒนาชอฟต์แวร์ PC-CRASH ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์จำลองการเกิดอุบัติเหตุมาประมาณ 30 ปี มีการขายใบอนุญาตไปกว่า 7,000 ใบ มีผู้ใช้มากกว่า 13,000 คนทั่วโลก และเป็นซอฟต์แวร์ที่นิยมใช้มากที่สุดในโลก มาขึ้นเบิกความในศาลไทย ซึ่งศาลมองว่า การคิดหรือการวิเคราะห์ของรายงานการเกิดอุบัติเหตุมีหลายวิธีการ เช่น
1.คำนวณความเร็วจากหน้ากล้อง CCTV ใช้หลักพื้นฐานการคำนวณความเร็วใช้สูตรคำนวณของหลัก ฟิสิกส์ซึ่งเป็นสากลทั่วโลกสูตรเดียว คือ ระยะทางหารด้วยระยะเวลา
2.ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์การย้อนรอยอุบัติเหตุ (ขั้นสูงขึ้น) หรือประมวลในซอฟต์แวร์ PC-CRASH สามารถทวนสอบและตรวจสอบหลักฐานข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุ
3.ทดสอบเชิงประจักษ์ หรือการย้อนรอยอุบัติเหตุ ด้วยการทดสอบการชนจริงของรถยนต์กับรถจักรยานยนต์คันรุ่นเดียวกัน เพื่อเปรียบเทียบการยุบและตำแหน่งการกระแทกของศีรษะบนกระจกรถเปรียบเทียบกับข้อมูลอุบัติเหตุจริง (จากการทดสอบจริงอย่างละเอียดถ้าชนด้วยความเร็วแบบนั้น โดยใช้การทดสอบเทียบจากของจริงอย่างละเอียด จุดกระเด็นหรือตกกระทบบนกระจก ผู้เสียชีวิตจะต้องอยู่สูงกว่านั้น)
โดยใช้ทั้ง 3 วิธีการในการทดสอบเพื่อหาความเร็วของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในคดีนี้ ซึ่งคิดคำนวณความเร็วของรถทางวิทยาศาสตร์ตามหลักเหตุผลและหลักสากล สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางไต่สวน ดร.เฮอร์แมน สเตฟานส์ โดยใช้แนวทางวิธีการ หรือทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ในการพิสูจน์เหตุการณ์
รศ.ดร.สายประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมคิดว่าสังคมส่วนใหญ่ยังไม่รับรู้อย่างลึกซึ้งถึงกระบวนการต่างๆ ของวิชาการว่าทำกันอย่างไร ในแวดวงผมส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับต่างชาติ ทุกอย่างต้องอยู่ในมาตรฐานของวิธีการและตัวเลข ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถวิเคราะห์ได้
ชีวิตของผมหลังจากถูกข้อกล่าวหาค่อนข้างใช้ชีวิตลำบากมาก เพราะแม้แต่คนใกล้ชิดก็คิดว่าผมเปลี่ยนแปลงความเร็วที่เกิดขึ้น หรือญาติพี่น้องก็ยังตามกระแสสังคมไป แต่หากย้อนกลับไปผมก็ยังคงจะให้คำแนะนำจากเหตุการณ์นี้ แต่คงทำได้เพียงให้คำแนะนำ คงไม่เอาตัวเข้าไปยุ่งมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาจัดการไป อาชีพผมเป็นอาจารย์ เวลาคนมาถาม ผมก็ช่วย ใครขอร้องอะไรมาเราก็ช่วยไป แต่ที่ผ่านมาผมกลายเป็นจำเลยสังคม ซึ่งก็ต้องยอมรับสภาพและรอเวลาให้ความจริงปรากฏขึ้น
ผลสรุปสุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏขึ้น ความเท็จทุกสิ่งอย่างย่อมสูญสลายไป เพราะผมคือคนที่ให้เหตุผลในทางวิชาการใกล้เคียงกับหลักสากลมากที่สุด”