NEDA ปักธงสร้างมูลค่าข้ามพรมแดน หนุนเศรษฐกิจภูมิภาคเติบโตอย่างยั่งยืน เดินหน้าระดมทุนพันธบัตรเพื่อสังคม-เปิดทางเอกชนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมไทยสู่เพื่อนบ้านผ่านยุทธศาสตร์ Synergy

สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ NEDA ประกาศจุดยืนและยุทธศาสตร์ใหม่ขององค์กรในการขับเคลื่อนบทบาทเชิงรุกผ่านแนวคิด “พลังร่วม (Synergy)” มุ่งสู่การเป็นกลไกหลักในการสร้าง “มูลค่าข้ามพรมแดน (Cross-Border Value Creation)” ที่ยั่งยืนทั้งในมิติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าขยายผลประโยชน์ร่วมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS) และภูมิภาคใกล้เคียงให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

2 ทศวรรษแห่งบทบาทสำคัญ: ODA ไทยสู่ภูมิภาค

นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ NEDA กล่าวว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา NEDA ได้ดำเนินภารกิจให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (Official Development Assistance: ODA) รวมกว่า 103 โครงการ ใน 7 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ภูฏาน ศรีลังกา และติมอร์-เลสเต ด้วยวงเงินสนับสนุนสะสมกว่า 24,226.33 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการความร่วมมือทางการเงินและทางวิชาการจำนวน 55 โครงการ และโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้ (Capacity Building) อีก 48 โครงการ

NEDA ไม่ได้จำกัดบทบาทเพียงการจัดหาแหล่งเงินทุน แต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และการเชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในภูมิภาค

เปิดทิศทางใหม่ “Cross-Border Value Creation” เดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์ 20 ปี

NEDA ได้ประกาศก้าวย่างใหม่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ระยะกลาง ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2569–2573) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์องค์กร 20 ปี (พ.ศ. 2564–2583) โดยกำหนดเป้าหมายการสร้างมูลค่าข้ามพรมแดนใน 3 มิติหลัก ได้แก่
    1.    Cross-Border Economic Enhancement: ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยใช้ความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนเป็นกลไก
    2.    Cross-Border Social Return Initiative: สร้างผลตอบแทนทางสังคมผ่านโครงการด้านสุขภาพ การศึกษา ระบบน้ำดื่มสะอาด และโอกาสในการเข้าถึงบริการพื้นฐาน
    3.    Cross-Border Environment Impact Reduction: สนับสนุนโครงการที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

โดยแนวทางทั้งหมดนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญ อาทิ สุขภาพที่ดี (SDG 3), น้ำสะอาด (SDG 6), เมืองยั่งยืน (SDG 11), และ Climate Action (SDG 13)

เจาะ 4 ประเทศเป้าหมาย: โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง

NEDA ให้ความสำคัญกับ 4 ประเทศหลัก ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และติมอร์-เลสเต ซึ่งมีโครงการที่กำลังดำเนินการและเตรียมเปิดตัวใหม่ อาทิ
    •    กัมพูชา: ปรับปรุงถนน NR67, NR68, NR57 และการพัฒนาด่านสตึงบท II รวมถึงโครงการ Livable, Resilient and Water Secure Cities
    •    ลาว: สะพานมิตรภาพแห่งที่ 5, ถนน R12, และโครงการประปาแห่งที่ 2 เชื่อมโยงเขตเมือง-ชนบท
    •    เมียนมา: โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าในย่างกุ้ง เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน
    •    ติมอร์-เลสเต: โครงการศูนย์อนามัยแม่และเด็ก BEmONC ร่วมกับ UNFPA

เพิ่มทางเลือกทางการเงิน – ออก Social Bond ไตรมาส 3 – ดัน PPP – Blended Finance

ในด้านการเงินเพื่อการพัฒนา NEDA เตรียมออก พันธบัตรเพื่อสังคม (Social Bond) ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการที่ส่งผลเชิงสังคมโดยตรง พร้อมขยายแนวทางการลงทุนผ่าน สกุลเงินหลัก เช่น USD และ EUR เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินโครงการในประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดกับไทย

อีกทั้งยังเดินหน้าผลักดันการร่วมทุนกับภาคเอกชนในรูปแบบ Public-Private Partnership (PPP) และ Blended Finance โดยมุ่งให้เอกชนมีบทบาทมากขึ้นในโครงการของรัฐที่ส่งผลดีต่อประชาชน ลดภาระงบประมาณภาครัฐ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

เตรียมองค์กรสู่อนาคต : คน-ระบบ-เทคโนโลยี

ด้านการพัฒนาองค์กร NEDA วางแผนยกระดับศักยภาพภายใน ผ่าน 4 แนวทางหลัก ได้แก่
    •    การพัฒนาทักษะบุคลากรตามแนวทาง Competency-Based HR
    •    การลดขั้นตอนงานเพื่อเพิ่มความคล่องตัว
    •    การใช้ AI และระบบดิจิทัล เข้ามาช่วยลดงานซ้ำซ้อน
    •    การวางระบบติดตามและประเมินผลโครงการแบบมีส่วนร่วมและโปร่งใส

NEDA : พลังเงียบที่เชื่อมอนาคตภูมิภาค

บทบาทของ NEDA แม้ไม่อยู่ในกระแสข่าวรายวัน แต่เป็นพลังเงียบที่สร้างผลลัพธ์ระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจชายแดน และภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกลายเป็น “สนามโอกาสใหม่” สำหรับการลงทุนและความร่วมมือไทย-เพื่อนบ้าน

“NEDA ไม่ได้แค่เชื่อมถนน เชื่อมสะพาน แต่เรากำลังเชื่อมอนาคต เชื่อมโอกาส และเชื่อมใจของผู้คนในภูมิภาคนี้เข้าด้วยกัน”
นายพีรเมศร์ กล่าวทิ้งท้าย