นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Brother ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีแนวโน้มลดการใช้กระดาษ รวมถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจ โดยอ้างอิงจากรายงานของ Gartner ภาพรวมตลาด IT ในประเทศไทยปี 2567 มีการเติบโตอยู่ที่ 5.8% สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ท่ามกลางบริบทดังกล่าว Brother สามารถสร้างการเติบโตภาพรวมได้ถึง 9% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดเกือบ 2 เท่า และทำสถิติยอดขายรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มใหม่ ๆ ในทั้ง 7 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกน เครื่องพิมพ์ฉลาก จักรปัก เครื่องเสียงภายใต้แบรนด์ BMB เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล และเครื่องพิมพ์ฉลากดิจิทัลระบบ UV อิงค์เจ็ทความละเอียดสูงภายใต้แบรนด์ Domino สำหรับปี 2568 Brother จะมุ่งเน้นการปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับทิศทางตลาดและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์ทันสมัย พร้อมเทคโนโลยีและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล โดยยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตตามเป้าหมาย ตลอดจนส่งมอบคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ตามปรัชญา “At your side”
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เผยวิสัยทัศน์ปี 2568 ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Brother แตกต่างคือความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมหลายภาคธุรกิจ รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย ทำให้มั่นใจว่า Brother ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้แม้เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอก แต่ยังคงเห็นโอกาสจากกำลังซื้อของภาคประชาชนและภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ภาคค้าปลีกค้าส่ง ธุรกิจเพื่อสุขภาพ โรงพยาบาล การศึกษา และการผลิต รวมถึงงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ดังนั้น ภายใต้กลยุทธ์ “Brother All” ในปีนี้จึงเดินเกมรุกด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ครบวงจร ทั้ง เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกน เครื่องพิมพ์ฉลาก จักรปัก เครื่องเสียงภายใต้แบรนด์ BMB เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล และเครื่องพิมพ์ฉลากดิจิทัลระบบ UV อิงค์เจ็ทความละเอียดสูงภายใต้แบรนด์ Domino เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกกลุ่ม พร้อมตั้งเป้าขยายธุรกิจเติบโตไม่ต่ำกว่า 7% ภายในปีนี้ พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำต่อเนื่องด้วยการ รักษาตำแหน่งอันดับ 1 ในหลากหลายหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์จากปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ (Printing Business)
• อันดับ 1 เครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาวดำ (45%)
• อันดับ 1 เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันขาวดำ (55%)
• อันดับ 1 เครื่องพิมพ์เลเซอร์สี (51%)
• อันดับ 1 เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันสี (45%)
• อันดับ 1 เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท A3 ทั่วโลกต่อเนื่อง 17 ปีซ้อน
กลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจภาคขยาย (Business Expansion)
• อันดับ 1 จักรปักสำหรับ SME
• อันดับ 1 จักรเย็บผ้าภายในบ้าน
• อันดับ 1 เครื่องพิมพ์ฉลาก P-touch
• อันดับ 1 เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล Direct-to-Garment GTX
ในขณะด้านกลยุทธ์การขายและการสื่อสาร Brother มุ่งเน้นการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ทุกตัวเข้ากับทุกช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อสร้าง Channel Synergy และเดินหน้าไปสู่การสร้าง Omni Channel อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการเชื่อมโยงทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ พร้อมการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียในหลายแพลตฟอร์ม เช่น Facebook, Instagram, YouTube, TikTok, Line OA, และ X รวมถึงการใช้กลยุทธ์ SEO & SEM และ Lead Generation เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม นอกจากนี้ยังมีการใช้สื่อ Out Of Home และ Digital Signage เพื่อเสริมสร้างการรับรู้ อีกทั้งในปี 2568 ยังเตรียมเปิดตัว E-Commerce และ Loyalty Program เพื่อสร้างการสื่อสารที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดตามแนวทาง “At your side” ของ Brother อย่างแท้จริง “เราไม่ได้แค่อยู่เคียงข้างลูกค้า แต่เดินหน้าไปพร้อมกับทุกธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายกิตติพงศ์ กล่าวเสริม
นางสาวรัสสิญากร ตัณฑวณิชย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาปี 2565 – 2567 Brother ประสบความสำเร็จในการยกระดับบริการหลังการขายผ่านกลยุทธ์ที่ได้มุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากกลยุทธ์ 4C (Customer ,Channel ,Convenience and Community) ที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายของลูกค้า การขยายช่องทางบริการ และสร้างชุมชนผู้ใช้ให้แข็งแกร่ง ต่อมาได้พัฒนาเป็น S5 (Standard, Satisfaction, Superior Services, System and Sustainability) ซึ่งยกระดับมาตรฐานบริการให้มีความล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า รวมทั้งกลยุทธ์ 5 Keywords (Standardization, Specialization, Digitization, Modernization and Sustainability) ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานการบริการ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยให้บริการสะดวกและทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ Brother สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า เพิ่มความภักดี และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจล่าสุดเพื่อเป็นการต่อยอดความแข็งแกร่งในการบริการลูกค้าของ Brother จึงได้วางกลยุทธ์ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2568 – 2570 ภายใต้ "CoSE" หรือ Center of Service Excellence ที่มุ่งเน้น 4 ด้านหลัก ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพการบริการ (Service Quality Assurance) ด้วยมาตรฐาน ISO 18295-1 รวมถึงมาตรฐานด้านการให้บริการและการตรวจสอบครบทุกด้าน (BSQA) ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาการซ่อมผลิตภัณฑ์ วิธีการตอบปัญหา รวมถึงคุณสมบัติของผู้ให้บริการ การให้บริการทั้งในและนอกสถานที่ ตลอดจนทักษะความเชี่ยวชาญในการให้บริการแบบมืออาชีพ รวมถึงยังมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม (Digitalization & Innovation) โดยเสริมสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัล รวมถึงการบูรณาการ AI และแชทบอท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าให้ครอบคลุมและทันสมัย อีกด้านสำคัญคือการสร้างความผูกพันกับลูกค้า (Customer Engagement) ซึ่ง Brother จะมุ่งเน้นโปรแกรมเชิงรุกที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า เพื่อเพิ่มความภักดีและการรักษาฐานลูกค้าให้แข็งแกร่ง ส่วนสุดท้ายคือการสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ที่จะเน้นการเติบโตทางธุรกิจและการขยายบริการ รวมถึงการมีส่วนร่วมกับสังคม ชุมชน และการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกแง่มุม”