เทรนด์ท่องเที่ยวสุขภาพโต 120% มูลค่ารวมกว่า 4.3 แสนพันล้านบาท และมีโอกาสขยายตัวอีกมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่ใช้จ่ายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 23% แนะนำผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม เน้นความคิดสร้างสรรค์ ชูกลยุทธ์ดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน
นายสุนัย วชิรวราการ นายกสมาคมสปาไทย กล่าวถึง การเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่กำลังเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกว่า เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพถือเป็นผลบวกต่อธุรกิจสปา รวมถึงธุรกิจบริการด้านสุขภาพและธุรกิจบริการด้านการแพทย์ของไทยอย่างมาก เนื่องจากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีคำจำกัดความที่กว้างและเกี่ยวข้องกับการดูสุขภาพในทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกัน ส่งเสริม ดูแล รักษา รวมถึงสร้างความผ่อนคลายให้กับนักท่องเที่ยวและผู้มาใช้บริการ
ข้อมูลล่าสุดจากสถาบันโกลบอลเวลเนส (Global Wellness Institute หรือ GWI) ฉบับรายงานเฉพาะประเทศไทย เผยว่ามูลค่ารวมสินค้าและบริการเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพมีมูลค่าอยู่ที่ 40.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 1.42 ล้านล้านบาท อยู่ในอันดับ 24 ของโลก จาก 218 ประเทศ เป็นอันดับที่ 9 ของเอเชียแปซิฟิก โดยการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมาเป็นอันดับหนึ่งมูลค่ารวม 12.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 431.41 พันล้านบาท เป็นอันดับที่ 15 ของโลกซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายในกิจกรรมและบริการด้านสุขภาพ เฉลี่ยในไทยประมาณ 1,735 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 60,650.60 บาทต่อทริป ส่วนของธุรกิจสปามีการเติบโตอยู่ที่ 9.4% มูลค่ารวม 1.598 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 55.93 พันล้านบาท โดยสปาทางการแพทย์ (Medical Spa) เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 22%
หากมองจากข้อมูลดังกล่าว ผนวกกับศักยภาพและความสามารถของผู้ประกอบการไทย การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพถือว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นผู้ประกอบการต้องยกระดับการให้บริการ พัฒนาการบริการใหม่ๆ ให้ครอบคลุมและหลากหลายขึ้น ซึ่งบริการด้านสุขภาพที่มีแนวโน้มดี อาทิ สปาทางการแพทย์ (Medical Spa) ที่ให้บริการบำบัดและดูแลสุขภาพแบบผสมผสานด้านการแพทย์ โดยบุคลากรทางการแพทย์ การบริการด้านสุขภาวะทางจิต (Mental Wellness) การช่วยบำบัดด้านการนอนหลับ การดูแลสุขภาพด้วยอาหาร อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ บริการด้านการแช่น้ำพุร้อน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เกิดความสนใจ มีการใช้จ่าย และอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น ส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจและยั่งยืนมากกว่าการแข่งขันด้านราคา
สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากที่สุด คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวอายุ 25-34 ปี ซึ่งคนกลุ่มนี้นอกจากจะสนใจในเรื่องสุขภาพแล้ว ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้วย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความใส่ใจนี้ โดยปรับปรุงการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งจะเป็นแต้มต่อให้กับธุรกิจในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ได้