เอียน ดิ ทูลลิโอ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า ปีนี้ทางบริษัทได้ทำการพัฒนาการของแบรนด์ครั้งสำคัญ สู่การเป็นแบรนด์ที่มุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าโดยตรง ด้วยการรีแบรนด์ (New brand identity) สร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้กับ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ซึ่งสิ่งแรกที่ผู้ใช้บริการจะได้เห็นคือภาพลักษณ์ใหม่ที่สดใสของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ หัวลูกศรภายในตัวอักษร ‘M’ ในโลโก้ใหม่เป็นสัญลักษณ์ของทิศทางและการนำทาง ชี้ไปสู่การค้นพบ การเชื่อมต่อ และการผจญภัย พร้อมทั้งสะท้อนบทบาทของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในการสร้างสรรค์เส้นทางแห่งประสบการณ์ที่มีความหมายสำหรับแขกผู้เข้าพักอัตลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ยังเสริมด้วย สีสัน ฟอนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และสไตล์ภาพถ่ายที่สะดุดตา โดยอัตลักษณ์ใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากแก่นแท้ของแบรนด์ภายใต้แนวคิด "What Matters Most" หรือ "สิ่งที่สำคัญที่สุด" ซึ่งเป็นใจความหลักที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ให้สอดคล้องกับความต้องการและความปรารถนาของลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และทีมงานทุกคน
สำหรับแนวคิดหลักในการปรับโฉมหน้าแบรนด์ใหม่นี้ คือการมอบสิ่งสำคัญที่สุดให้กับแขก ทีมงาน นักลงทุน เจ้าของโรงแรม และพันธมิตรทางธุรกิจ กลยุทธ์ในการรวมโรงแรมในเครือทั้ง 8 แบรนด์ของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ซึ่งได้แก่ อนันตรา (Anantara) อวานี (Avani) เอเลวาน่า คอลเลคชั่น (Elewana Collection) เอ็นเอช (NH) เอ็นเอช คอลเลคชั่น (NH Collection) นาว (nhow) โอ๊คส์ (Oaks) และ ทิโวลี (Tivoli) รวมถึงประสบการณ์การเดินทางอื่น ๆ มาไว้ภายใต้แบรนด์หลักซึ่งก็คือ ไมเนอร์ โฮเทลส์ จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และความโดดเด่นของกลุ่มโรงแรมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในสายตาของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แม้จะมีการปรับโฉมหน้าแบรนด์หลัก แต่โรงแรมในเครือแต่ละแบรนด์จะยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวเดิมเอาไว้ ซึ่งรวมถึงเว็บไซต์และกลยุทธ์ทางการตลาดของตนเอง ขณะเดียวกัน แบรนด์เหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาแบรนด์หลัก ไมเนอร์ โฮเทลส์ ควบคู่ไปด้วย การพัฒนาในครั้งนี้ยังมาพร้อมกับการปรับโครงสร้างแบรนด์ โดยจัดกลุ่มโรงแรมออกเป็นสามระดับ ได้แก่ ลักชัวรี (Luxury) พรีเมียม (Premium) และ เซเลกต์ (Select) เพื่อช่วยให้แขกสามารถเลือกโรงแรมที่เหมาะกับความต้องการของตนเองได้อย่างตรงจุด ทางกลุ่มยังมีแผนขยายพอร์ตโฟลิโอแบรนด์โรงแรมเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งแขกผู้เข้าพักและเจ้าของโรงแรม โดยมีแผนจะเปิดตัวโรงแรมแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 2-3 แบรนด์ภายในปีนี้ โดยคาดว่าปีนี้เราจะมีโรงแรมทั้งหมดจำนวน 100 แห่ง หรือ 101 แห่ง
“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของกลุ่มธุรกิจโรงแรมระดับโลก ซึ่งเป็นการปูทางการขยายพอร์ตโฟลิโอโรงแรมเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 300 แห่ง ภายในปี 2570 อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดจากการเข้าซื้อกิจการ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป (NH Hotel Group) ในปี 2561 ซึ่งปัจจุบันดำเนินงานภายใต้ชื่อ Minor Hotels Europe & Americas ที่เป็นส่วนช่วยขยายขอบเขตธุรกิจของกลุ่มให้เติบโตขึ้นถึงสามเท่าบนเวทีโลก”
ผู้บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวต่อว่า อีกทั้งเรายังได้ปรับโฉมหน้าเว็บไซต์ minorhotels.com โดยเปลี่ยนจากเดิมที่เน้นข้อมูลองค์กรและการพัฒนา มาเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคโดยเฉพาะ โดยจะเป็นครั้งแรกที่แขกสามารถจองที่พักจากโรงแรมในเครือกว่า 560 แห่ง รวมถึงค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ได้ครบจบภายในเว็บไซต์เดียว นอกจากนี้ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังได้เปิดตัวแอปพลิเคชันมือถือใหม่ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่รวมทุกแบรนด์ในเครือเข้าไว้ด้วยกัน แทนแอปพลิเคชันแยกตามแบรนด์โรงแรม โดยนักเดินทางสามารถใช้แอป Minor Hotels เพื่อทำการจอง จัดการการจอง ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางต่าง ๆ รวมถึงติดต่อทีมโรงแรมและขอรับบริการต่าง ๆ ระหว่างการเข้าพักผ่านแอปพลิเคชันเดียวอีกด้วย โดยทางกลุ่ม ยังจะพัฒนาฟังก์ชันการใช้งานและเพิ่มความเป็นส่วนตัวบนเว็บไซต์ MinorHotels.com และแอปพลิเคชัน Minor Hotels ที่รวมห้องอาหาร สปา และเวลเนส ไว้ด้วยกันกับห้องพักในที่เดียว โดยนำความชอบและข้อเสนอแนะจากลูกค้ามาใช้ในการพัฒนาเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นลูกค้าจะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์มดิจิทัล และมือถือ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการตลาด ช่องทางการขาย และการสื่อสารภายในโรงแรมในเครือ นอกจากนี้ ไมเนอร์ โฮเทลส์ โฉมใหม่ยังจะปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้นผ่านการสื่อสารและโฆษณาแบบหลายแบรนด์ ซึ่งใช้พลังของแบรนด์โรงแรมในเครือเพื่อเสริมสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์หลัก
ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มลูกค้า B2B ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ Minor PRO สำหรับกลุ่มลูกค้า B2B ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ บริการ และการสื่อสารทั้งหมดสำหรับธุรกิจ นักวางแผนอีเวนต์ และตัวแทนท่องเที่ยว โดยเป็นการรวมแพลตฟอร์มเดิมของแต่ละแบรนด์ เช่น NH PRO, Anantara Journeys และ Oaks Professionals ไว้ในที่เดียว เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มมืออาชีพเพื่อมอบประสบการณ์ที่สะดวกยิ่งขึ้น
อนึ่ง การพัฒนาแบรนด์ครั้งนี้นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของบริษัทย้อนกลับไปในปี 2521 (1978) เมื่อ วิลเลียม อี. ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งบริษํท ได้เข้าซื้อกิจการโรงแรม Royal Garden Resort ในพัทยา จากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน ไมเนอร์ โฮเทลส์ ได้เติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านธุรกิจโรงแรม ด้วยโรงแรมในเครือมากกว่า 560 แห่งใน 58 ประเทศ การเติบโตของบริษัทขับเคลื่อนผ่านการขยายแบรนด์ระดับลักชัวรีอย่าง อนันตรา (Anantara) และแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมอย่าง อวานี (Avani) รวมถึงการเข้าซื้อกิจการโรงแรม เอเลวาน่า คอลเลคชั่น (Elewana Collection) โอ๊คส์ (Oaks) ทิโวลี (Tivoli) และ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป (NH Hotel Group) ซึ่งประกอบด้วย เอ็นเอช (NH) เอ็นเอช คอลเลคชั่น (NH Collection) และ นาว (nhow)