นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท เคพีเอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด (KPN) โดยร่วมกันจัดตั้งบริษัทย่อยที่มีชื่อว่า บริษัท ดับบลิวเอชเอ เคพีเอ็น อะไลแอนซ์ จำกัด โดย WHA ถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 65% และกลุ่ม KPN โดยนายกฤษณ์ ณรงค์เดช ประธานกลุ่มบริษัท (KPN) สัดส่วนประมาณ 35%

สำหรับบริษัทย่อยดังกล่าว จะเข้าทำสัญญาเช่าพื้นที่ดินของกลุ่ม KPN บนพื้นที่ 176 ไร่ บริเวณบางนา-ตราด กม. 23 เป็นระยะเวลา 30 ปี เพื่อนำมาพัฒนา ที่ดินให้เป็นคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า ระดับพรีเมี่ยม ที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ในลักษณะ Total Solutions ตามมาตรฐาน สากล ได้มากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจาก WHA เป็นผู้นำด้าน Built to Suit คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานระดับพรีเมี่ยม ที่เน้นให้ความสำคัญในเรื่องของยุทธศาสตร์ ทำเล ที่ตั้งของลูกค้า เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการระบบ โลจิติกส์ ตรงตามความต้องการของลูกค้า ได้มากที่สุด

ส่วนรูปแบบการดำเนินงานนั้น จะไม่แตกต่างจากการดำเนินธุรกิจปกติ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ WHA ในการพัฒนาโครงการ โดยกลุ่ม KPN มีความตั้งใจที่จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมทุน นอกเหนือจากการเป็นเจ้าของที่ดินให้เช่า โดยมองถึงศักยภาพของโครงการ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพื้นที่ดินอีกด้วย ซึ่งการร่วมมือดังกล่าวจะส่งผลดีทางธุรกิจกับทั้ง 2 ฝ่าย

"เมื่อนับรวมพื้นที่ดิน 176 ไร่ ที่จะเช่าจากกลุ่ม KPN จะทำให้กลุ่มบริษัท WHA มีพื้นที่เช่าและพื้นที่รอการพัฒนาบริเวณบางนา-ตราด เป็นจำนวนพื้นที่ทั้งหมด 710,000 ตารางเมตร ดังนั้น จาก ตัวเลขดังกล่าว จะเห็นได้ว่า กลุ่มบริษัท WHA มีคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า บริเวณบางนา ตราด มากที่สุด ในบรรดา ผู้ประกอบการ Warehouse" นายแพทย์สมยศ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่า WHA จะได้เป็นผู้ดำเนินการผลิตไฟฟ้าจากพลังงาน แสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟ) ราว 20 เมกะวัตต์ โดยจะใช้พื้นที่หลังคาของโกดังสินค้าของบริษัทราว 2 แสนตารางเมตร และคาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปีนี้ ใช้งบลงทุนประมาณ 1.5-2 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนเพิ่มให้งบลงทุนรวมในปีนี้แตะ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวม 8 พันล้านบาท โดยในส่วนของเงินลงทุนนั้น จะมาจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งบริษัทได้ออกไปแล้ว 2.9 พันล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 4 นี้ บริษัท จะมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ WHAPF ซึ่งเป็นการขยายกองทุนเดิมอีก 4.4-4.7 พันล้านบาท ส่งผลให้กองทุน WHAPF มีขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 10,000 ล้านบาท

"มั่นใจว่าว่าบริษัทจะได้เป็นผู้ดำเนินการโซลาร์รูฟ 20 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย อีกทั้งยังยังได้ยื่นเพิ่มเติมอีกหากจะมีการเปิดให้ประมูลเพิ่ม โดย 20 เมกะวัตต์ดังกล่าว บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัทพันธมิตรในการเข้ายื่นครั้งนี้ ซึ่งรายได้จากโซลาร์รูฟจะอยู่ที่ประมาณ 9-10 ล้านบาทต่อ 1 เมกะวัตต์ โดยในปีหน้าหากมีการให้ยื่นขอทำโซลาร์รูฟอีก บริษัทก็จะยื่นประมูลอย่างต่อเนื่อง เพราะมีพื้นที่หลังคาจากคลังสินค้าของบริษัทกว่า 1 ล้านตารางเมตร ยังไม่รวมกับอีก 2 แสนตารางเมตร ที่เพิ่งจะร่วมทุนกับ KPN ไป ซึ่งส่วนนั้นก็จะช่วยให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาอีก" นายแพทย์ สมยศ กล่าว