มายากลยุทธ์ดับไฟใต้!! แปรศาสตราเป็นแพรพรรณ

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

มายากลยุทธ์ดับไฟใต้!! แปรศาสตราเป็นแพรพรรณ


สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ รอง ผกก.ป.สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พร้อมตำรวจอีก 2 นาย คือ "เหยื่อ" สถานการณ์ ที่ต้องพลีชีพในหน้าที่ ให้กับ "กับระเบิด" บนถนนจากฝีมือของ "อาร์เคเค" ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่า สถานการณ์ การก่อการร้าย ยังไม่ลดความ รุนแรงลง หลังจากการลงนาม เปิดพื้นที่พูดคุยสันติภาพ ระหว่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กับ นายฮัสซัน ตอยิบ ตัวแทนของขบวนการกู้ชาติปัตตานี หรือ "บีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต" เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

เพราะความชัดเจนของการเปิดพื้นที่พูดคุยสันติภาพ ระหว่าง สมช.กับ บีอาร์เอ็น มีเกิดขึ้นได้ต้องหลังจากวันที่ 28 มีนาคม 2556 ซึ่งจะมีการพูดคุยหลังจากทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งคณะกรรมการฝ่ายละ 15 คน เพื่อกำหนดกรอบในการ พูดคุย เพื่อลดการก่อความรุนแรง และการแสวงหาแนวทางสันติภาพ ที่ต้องมีการพบกันครึ่งทาง ระหว่าง สมช.กับ บีอาร์เอ็น โดยคณะกรรมการทั้ง 2 ฝ่าย จะเป็นผู้ที่มีบทบาทในการกำหนดแนว ทางของการพูดคุยเพื่อให้ยุติการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น

ความจริงที่ต้องยอมรับกันทุกฝ่าย ก็คือ หลังการลงนามของทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดสภาวะ "ฝุ่นตลบ" เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในฝ่ายของรัฐบาล เนื่องจากมีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นสู่สาธารณะ ในขณะที่ฝ่ายเห็นด้วย ต่างเชื่อว่าการลงนามสองฝ่ายในครั้งนี้เป็นข่าวดี และถูกต้อง เพราะการยุติสงครามความขัด แย้ง ไม่สามารถจบลงกับการใช้กำลัง และ การใช้อาวุธเข้าประหัตประหารกัน

ในขณะที่ฝ่ายเห็นต่าง กลัวว่า การลงนาม 2 ฝ่าย ที่เกิดขึ้น เป็นการยกระดับของโจรก่อการร้าย ให้เป็นขบวน การแบ่งแยกดินแดน มีพื้นที่เคลื่อนไหว เรียกร้อง ต่อเวทีของสหประชาชาติและขององค์ประชุมมุสลิมโลก หรือ โอไอซี และหากเป็นเช่นนั้น ในอนาคตจะมีประเทศที่สามเข้ามาแทรกแซงกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงในการที่จะทำให้ปัญหาทั้งหมดบานปลายถึงขั้นต้องเสียดินแดน ซึ่งความเห็นด้วยและเห็นต่างของทั้งสองฝ่าย ต่างต้องรับฟัง เพราะเป็นความ คิดเห็นที่หวังดีต่อประเทศชาติด้วยกัน

ดังนั้น รัฐบาล โดย สมช. จะต้อง ดำเนินการ พูดคุย หรือ เจรจา ในรอบที่ 2 ในวันที่ 28 มีนาคม ด้วยความสุขุม รอบคอบ และต้องไม่เร่งด่วน จนเกิดความเสียหายขึ้น

รวมทั้งสิ่งสำคัญที่สุดทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องอดทนต่อขบวนการ พูดคุยสันติภาพ เนื่องจากกลุ่มผู้ขัดแย้งและเห็นต่างกับรัฐไทย ไม่เพียงแต่ขบวนการ "บีอาร์เอ็น" ฝ่ายเดียว แต่มีรวมทั้งหมดถึง 9 กลุ่มด้วยกัน ซึ่งหลายกลุ่มเป็นเพียงผู้นำทางจิตวิญญาณ เป็นผู้นำทางความคิด หลายกลุ่มกองกำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่ เมื่อมีการเปิดโอกาสให้มีการพูดคุย หรือ เจรจา เพื่อหาทางออก ทุกกลุ่มจึงต้องการเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งจะเป็นปัญหาหนักของ "บีอาร์เอ็น" ในการบริหารจัดการ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ที่ไม่สู้จะมี "เอกภาพ" มากนัก รวมทั้งการเจรจา กับกลุ่มติดอาวุธกลุ่มต่างๆ ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เรียกตนเองว่า "นักรบฟาตอนี" ที่อาจจะไม่ยอมรับการชี้นำของบีอาร์เอ็นในครั้งนี้

ส่วนปัญหาที่กลายเป็นอุปสรรคภาย ในของเราเอง คือความขัดแย้งภายใน ทั้งทางการเมือง และทางความคิดของ "สำนักคิด" ต่างๆ จนทำให้การลงนามเปิดพื้นที่พูดคุยเพื่อสันติภาพ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข่าวดีนั้น เมื่อมาถึงวันนี้ ข่าวดีที่เกิดขึ้น กลายเป็นข่าวร้ายในทันที ที่มีข่าว ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือเป็น ลวง ว่า "บีอาร์เอ็น" มีธง ในการเจรจา เพื่อต่อรองกับ สมช. แล้ว นั้นคือรัฐบาลต้องให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ เป็นรองนายก รัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เพื่อรับผิดชอบในการเจรจาสองฝ่าย และการเจรจาเพื่อหาทางออก มีการเสนอทางออกจาก "บีอาร์เอ็น" ว่า จะต้องให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปกครองในรูปแบบของ "ปัตตานีมหานคร" หรือเป็น "เขตปกครองพิเศษ"

นั่นคือ ข่าว ที่ยังไม่มีใครยืนยันว่า เป็นข่าวจริงหรือข่าวลวง แต่พลันที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทำให้คนจำนวนไม่น้อย ห่วงใย ไม่เห็นด้วยกับการลงนามเปิดพื้นที่พูดคุยที่ผ่านมา และให้ยกเลิกการไปพูดคุยในวันที่ 28 มีนาคม เพื่อเชื่อในข่าวดังกล่าว รวมทั้งเห็นว่า บีอาร์เอ็น รวมทั้งผู้นำประเทศ มาเลเซีย มีธง หรือ จุดมุ่งหมายที่ต้องการ ก่อนที่จะมีการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหายุติความ รุนแรง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ โดยเฉพาะคำว่า "เขตปกครองพิเศษ" และ "มหานครปัตตานี" หรือ "ปัตตานีมหานคร" นั้น เป็นเหมือน "ปิศาจ" ที่ผู้คนจำนวนมากในประเทศนี้ยังรับไม่ได้ ดังนั้นเมื่อมีภาพของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งเป็นเจ้าของ "โมเดล" มหานครปัตตานี ยิ่งทำให้เสียงของฝ่ายต่อต้านกระหึ่มยิ่งขึ้น ทั้งที่ข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องเขตปกครองพิเศษ และเรื่องมหานครปัตตานี ยังเป็นเรื่องไกลตัว และโอกาสที่จะเป็นไปได้ยังห่างไกลยิ่ง

รวมทั้งข่าวจากหน่วยข่าวความมั่นคง ที่ถูกปล่อยออกมาว่า ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ กลุ่ม "นักรบฟาตอนี" ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่ไม่เห็นด้วยกับการลงนาม พูดคุยสันติภาพ มีการประชุมในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อกำหนดแนวทางการต่อสู้ด้วยการใช้ความรุนแรง มีการเตรียมกำลัง "เปอร์มูดอ บารู" จำนวน 400 คน เพื่อก่อความไม่สงบใน เดือนเมษายนนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่า ไม่เห็นด้วย และไม่อยู่ภายในการชี้นำ ของ "บีอาร์เอ็น"

แต่...สุดท้ายแล้ว ไม่ว่า ปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้น จะทำให้ข่าวดีเรื่อง การลงนามสองฝ่าย เพื่อเปิดพื้นที่พูดคุย เปลี่ยนจาก "ศัตรู" มาเป็น "มิตร" ลงน้อยลง จนอาจกลายเป็นความหวาดระแวง ของคนในประเทศ แต่ขบวนการพูดคุย สันติภาพ ระหว่าง สมช.และ บีอาร์เอ็น จะต้องดำเนินต่อไป เพราะแนวทางการ แก้ปัญหาความไม่สงบ หรือการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยืดเยื้อยาวนาน สิ้นเปลืองงบประมาณ จำนวนมหาศาล รวมทั้งสูญเสียชีวิตและ ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นทุกปี จะต้องหาทางยุติ ก่อนที่จะมีการสูญเสียมากกว่านี้

ดังนั้น ทุกฝ่ายทุกภาคส่วนต้องอดทน ต้องให้โอกาสคณะทำงานทั้งสอง ฝ่าย ในการพูดคุยหรือเจรจาต่อรองในข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้น อย่ามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทางเลวร้าย จนทำให้การหา ทางออกจาก "ไฟสงคราม" ของจังหวัด ชายแดนภาคใต้เต็มไปด้วย "กับดัก" เพราะสุดท้ายแล้ว หลังวันที่ 28 มีนาคม ถ้าไฟใต้ยังลุกโชน ความรุนแรงยังไม่ลด แสดงว่า ฮัสซัน ตอยิบ ไม่มีศักยภาพ และเมื่อถึงเวลานั้น สมช. จะได้ยกเลิก การลงนามเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ในเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล 6 รัฐบาล ได้ใช้ นโยบาย อันหลากหลาย ในการดับไฟใต้ ซึ่งล้มเหลวแล้ว ล้มเหลวอีก ถ้าการเปิดพื้นที่ พูดคุย "แปรศาสตรา เป็นแพรพรรณ" ครั้งนี้ล้มเหลวอีก รัฐบาลก็อาจจะแค่เสียหน้าเท่านั้นเอง


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ