บรรยากาศทางการเมืองเริ่มเดือดปุด!! สงครามรอบใหม่กำลังถูก "เขย่า" แรงขึ้นไปทุกขณะ...เมื่อฝ่าย แพ้เดิมพันในศึกชิงเมืองหลวง อย่างพรรคเพื่อไทย เริ่มสยายปีก... กระชับอำนาจ เพื่อตั้งรับเงื่อนไขโค่นล้มรัฐบาล นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ฝ่ายตรงข้ามได้พยายามล็อกเป้ากระสุนตกโหมใส่อยู่เป็นระลอกๆ

จึงเป็นสถานการณ์ที่เขม็งเกลียวสุดหยั่งถึง...

ในอีกด้านหนึ่ง คือความพยายาม ยิ่งยวดสำหรับการคอนโทรลเกมในค่ายเพื่อไทย ภายใต้บัญชาการของ "คนไกลบ้าน" ที่เล็งผลเลิศในกระดานการเมืองห้วงเมษาทมิฬ...ที่ขยับเข้ามาใกล้

นัยยะแห่งสัญญาณทางไกลของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ในฐานะ "ผู้นำเงา" ย่อมทำให้เกิดแรงกระเพื่อมขึ้นภายในพรรคเพื่อไทย

การสไกป์เข้าไปกลางวงประชุมทีมยุทธศาสตร์พรรคถึง 2 ครั้ง 2 ครา ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ

ไฮไลต์จึงอยู่ที่การกระตุกแนว ทางการขับเคลื่อนรัฐนาวาและพรรคเพื่อไทยนับจากนี้ไป ซึ่งแปลความได้ว่า...ต้องเข้มข้นและแข็งกร้าวมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเป็นฝ่ายตั้งรับและยอมอ่อนข้อให้ชนชั้นสูงมากเกินไป ซึ่งผลลัพธ์คือการสูญเสียฐานมวลชน "เสื้อแดง" ที่เคยเป็นผนังทองแดง.. กำแพงเหล็ก ของรัฐบาลยี่ห้อเพื่อไทย

ขณะที่การคอนโทรล ส.ส.ในพรรค ก็ดูแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และไร้ซึ่งเอกภาพ แม้แต่เหล่าเสนาบดี ที่ควรจะเป็น "กันชน" ให้กับรัฐบาลก็ดีแต่ปากกล้าขาสั่น ปล่อยให้ "พรรคประชาธิปัตย์" ใช้ความเชี่ยวกรากทาง การเมืองตีกินอยู่ฝ่ายเดียว

ประเด็นหลักที่ "นายใหญ่" ส่งสัญญาณมา คือต้องเร่งกระบวนการนิรโทษกรรม มุ่งช่วยเหลือแนวร่วม "คนเสื้อแดง" ที่ถูกขังลืมอยู่ในเรือนจำ เพื่อดึงมวลชน กลับคืนมาก่อน และกำชับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้เตรียมลง พื้นที่...เช็กความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งอยู่ตลอดเวลา

การที่ "นายใหญ่" ลงมากระชับเกมเอง ย่อมบ่งชี้ถึงระดับสถานการณ์ไม่ปกติแน่ๆ

ประเมินความเคลื่อนไหวในช็อต การเร่งเกมในทุกประเด็นร้อน ตามหมากที่รัฐบาล และพรรคเพื่อไทยกดปุ่มเดินหน้า

ยิ่งในความเคลื่อนไหวล่าสุด ที่รูดม่านด้วยการสับขาหลอก ของ "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เจ้าแม่ภาคเหนือ ที่บีบให้เด็กในคาถา สับหลีก เพื่อเปิดทางให้ลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เชียงใหม่ หลังพ้นโทษเว้นวรรคทาง การเมือง 5 ปี

การส่ง "เจ้าแม่วังบัวบาน" ลงเลือกตั้งซ่อม กลับมีนัยยะซ้อนนัยยะว่า... เพราะไม่ใช่แค่การส่งคนที่มีบารมีพอ เข้าไปคุมเกมในสภา แต่ยังเตรียมพร้อมเข้ามาเป็นอะไหล่ หรือ "นายกฯ สำรอง" หาก "ยิ่งลักษณ์" ต้องมีอันเป็นไปด้วยอุบัติเหตุทางการเมือง ตามเงื่อนไขที่ "องค์กรอิสระ" เล็งเช็กบิล คดีล่อแหลมที่ตั้งแท่นอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะ แค่ชี้ว่า "เข้าข่ายความผิด" ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว

หากเทียบพิกัด ในฐานะเป้านิ่ง ที่น่าจะโดนโจมตีทางการเมืองมากที่สุด ระหว่าง "ยิ่งลักษณ์" กับ "เยาวภา" ก็ต้องยอมรับว่าฝ่ายหลังอยู่ในสภาพที่สุ่มเสี่ยงยิ่งกว่า ด้วยเหตุที่มีแผล และชนักติดหลังอยู่หลายประเด็น

แต่กระนั้น "เยาวภา" ก็จำเป็นยิ่งยวดที่จะเข้าไปกระชับเกมในสภา... ประคองหลังช่วย "น้องสาว" ให้อยู่รอดจนครบเทอมให้ได้ ซึ่งเท่ากับว่า "วังบัวบาน" จะสามารถทวงคืนอำนาจ การต่อรองภายในพรรคกลับมาไว้ในมือ เหมือนที่เคยเป็นในยุค "ไทยรักไทย" ...เรืองอำนาจ

ขณะที่ศึกในยังคุกรุ่น... ศึกนอก ก็รอเชิดฉิ่งภายใต้องศาการเมืองเดือดให้ห้วงเดือนเมษายนนี้ เพราะมีอยู่หลายเรื่อง ที่อาจทำให้รัฐบาล ถูกหักเข้ากลางลำโคน

ธงการเมืองของรัฐบาลเพื่อไทย เริ่มจะเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งคิวของร่างนิรโทษกรรมหลายฉบับ ที่เตรียมปล่อยเข้าสู่วาระการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร และเผือกร้อนที่ตามมาในช่วงเวลาไม่ห่างกัน คือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกแช่แข็งอยู่ในการโหวตวาระ 3Ž

ซึ่งนอกจากปฏิทินการเมืองในห้วงเมษาการเมืองระอุแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปมร้อนที่จะทำให้การเมืองไทยทะลักองศาเดือด ก็คือ นัดชี้ชะตา "คดีปราสาทพระวิหาร" ที่จะมีบทสรุปจากศาลโลก โดยมีการแถลงด้วยวาจาครั้งสุดท้ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์...แม้ในเบื้องต้นจะประเมินกันแล้วว่า ไม่เจ๊า...ก็เจ๊ง แต่หากพลาดท่าเสียทีฝ่ายกัมพูชา ก็แน่นอนว่า กระแสโค่นล้มรัฐบาล ยิ่งจะถูกปลุกเร้าขึ้นอย่างรุนแรง

เร้าอารมณ์ด้วยถ้อยแถลงของ "พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร" เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ได้ประเมินสถานการณ์ร้อนทางการเมืองในห้วงนี้ว่า.. การเสนอกฎหมายหลายฉบับเข้าสภาฯ อาจก่อให้เกิดการเห็นต่าง จนทำให้เกิดการยกระดับความขัดแย้งได้ ขณะที่ประเด็นผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง นั้นก็ยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากยังไม่ตกผลึกซึ่งอยู่ในชั้นความ เห็น ดังนั้นโอกาสที่กฎหมายดังกล่าวจะไม่เข้าสู่สภาฯ ก็เป็นไปได้สูง

แต่แนวโน้มจากความเห็นของ "พล.ท.ภราดร" ก็วิเคราะห์อย่างตรงประเด็นว่า กฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้ คงยังไม่เดินหน้า...

ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยัง ได้วิเคราะห์ถึงเงื่อนไข ที่อาจทำให้เกิดสถานการณ์ร้อนแรงขึ้น...พร้อมชี้ว่า ตอนนี้มีกฎหมายที่เสนออยู่ในสภาฯ 3 ถึง 4 ฉบับ กอปรกับสถานการณ์เดือน เมษายนที่จะต้องมีการพิจารณาเรื่อง "เขาพระวิหาร" ก็อาจเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดการชักจูงให้เกิดความไม่เข้าใจได้...โดยเชื่อว่าการชุมนุมจะมีในระดับหนึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมามีกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่เชื่อมั่นว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงสามารถดูแลได้ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศก็เร่งชี้แจง แต่เชื่อว่ารัฐบาลได้ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา คงเข้าใจบรรยากาศและจังหวะในการนำเสนอ เหนืออื่นใด "พล.ท.ภราดร" ได้ย้ำหัวตะปูในเงื่อนไขปรองดองว่า...ด้วยบรรยากาศขณะนี้คง ต้องชะลอไปก่อน

...!!!

รหัสการเมืองในห้วงเมษาทมิฬ... ได้ถูกเร้าจังหวะถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเด็นการรับมือ "องค์กรอิสระ" ที่เป็นของแสลงมาโดยตลอด รวมถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่ส่อ แววแท้ง..ก่อนได้ทำคลอด ตลอดจนเงื่อนประเด็นล่อแหลม ในทางการเมือง ที่ทำให้รัฐบาลเพื่อไทย และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องคอยรับมือศึกรอบด้านที่รุมเร้าเข้ามาอยู่ตลอดเวลา

เช่นที่ว่านี้ การคัมแบ็กของ "ทักษิณ" เพื่อเข้าไปจัดระเบียบอำนาจรอบใหม่ หรือแม้แต่ "อะไหล่สำรอง" อย่าง "เยาวภา" ที่เข้ามาเล่นบทนางพญา ... ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการชิงไหวชิงพริบบนกระดานการเมืองในขุมข่ายอำนาจแห่งอาณาจักรชินฯ

ทั้งหมดทั้งปวง เป็นการเร้าจังหวะ "รุก" ...เพื่อตั้งรับ!!!