Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ถอดรหัส..เมษาฯ ร้อน ไข รธน. "68-190" ภาวะฉุกเฉิน "รัฐบาลปู"
ถอดรหัส..เมษาฯ ร้อน ไข รธน. "68-190" ภาวะฉุกเฉิน "รัฐบาลปู"
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
สถานการณ์ทางการเมือง เมื่อผ่านเข้าสู่ห้วงเมษายนที่อุณหภูมิเริ่มจะพลุ่งพล่านไปทุกขณะ...เพราะมีหลายปัจจัย และ มากด้วยเงื่อนไข ที่ไปเร้าอารมณ์แรงๆ ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง
รูดม่านขึ้นโดย... "มหากาพย์เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท" เพื่อพลิกโฉมประเทศ ซึ่งการลงมติใน "วาระแรก" ฉลุยผ่านตาม "เงื่อนไขฝักถั่ว" ที่ยกโหวตกันท่วมสภา ตามติดมาด้วย "วาระร้อน" ในปมแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา รวมไปถึง การแก้ทั้งฉบับ ที่ยังค้างคาอยู่ใน "วาระ 3" ลากยาวถึงคิว "นิรโทษกรรม" และกฎหมายปรองดอง นอกจากนั้น ยังคง มีคดีพิพาท "ประสาทพระวิหาร" ที่รอการแถลงปิดคดีในศาลโลกในช่วงสงกรานต์นี้
ทั้งหมดทั้งปวง เป็นปมร้อนๆ ที่ถูก มัดรวมไว้ในห้วงเมษาทมิฬ...โดยแต่ละประเด็นก็ถือเป็น "เงื่อนไข" ที่แฝงไว้ด้วยความขัดแย้งในบ้านเมือง ยิ่งทำให้หลายฝ่ายจินตภาพไปไกลสุดกู่... เร่งเร้าบรรยากาศในเดือนแห่งมหาสงกรานต์ให้ร้อนลุ่มยิ่งขึ้น จนบดบังเงื่อนไขแห่งความเป็นจริงของสถานการณ์
ในทางกลับกัน เมื่อแตกประเด็นออกไปเป็นเรื่องๆ ก็จะพบว่า เงื่อนไขที่ว่าร้อน มันกลับไม่ร้อนเท่าที่สังคมไทยหวาดผวา!!!
โดยเฉพาะการเดินหน้า พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลเตรียมกู้มาพลิกโฉมประเทศ ผุดโครงสร้างพื้นฐานด้านลอจิสติกส์ แม้จะใช้เม็ดเงินมหาศาล และถูกชี้ว่าเป็นการก่อหนี้ระยะยาว เพิ่มหนี้สาธารณะของประเทศ ถึง 54 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นตัวเลขสุ่มเสี่ยงที่ขีดเส้นไว้ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ จนเป็นที่มาของข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านมืออาชีพอย่าง "ประชาธิปัตย์" ที่ลั่นวิวาทะแดกดันรัฐบาลว่า...กู้รอบนี้คนไทยต้องเป็นหนี้ไปอีก 50 ปี
จึงกลายเป็นเงื่อนไขให้ พ.ร.บ. เงินกู้ฉบับนี้...ร้อนขึ้นมาทันตาในยามที่อยู่ในสภา กระนั้นการลงมติในวาระแรก ก็ผ่านไปได้ฉลุย ซึ่งหากมองในแง่ข้อเท็จจริง ไม่นับรวมเงื่อนไขเรื่องเสียงข้างมากในสภา ก็ต้องไปว่ากันถึง "วาระ 3" กว่าที่ "ฝ่ายค้าน" รวมไปถึง ส.ว.ที่จะสามารถใช้สิทธิ์ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ..
จุดแตกหักในเงื่อนปมเหล่านี้ ย่อมจะล่วงเลยไปอีกนาน
ขณะเดียวกัน "การเมืองนอกสภา" ยังดูอึมครึมและน่าวิตกยิ่งกว่าการอภิปรายในเวทีสภามากนัก เพราะมีทั้งการรุกไล่อย่างหนักของเครือข่ายจ้องล้มรัฐบาล และกลุ่มวุฒิสมาชิกในซีก "ส.ว.ลากตั้ง" ที่อาศัยมุกเดิมๆ คือปล่อยให้ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ตีความในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ "มาตรา 68" ในมิติล้มระบบการปกครอง และร้องขอให้ศาลสั่ง "คุ้มครองชั่วคราว" การลงมติออกไปก่อน
ซึ่งก็เป็นไปตามเกมที่ "ตุลาการรัฐธรรมนูญ" ได้มีมติเสียงข้างมาก 3-2 ให้รับเรื่องไปวินิจฉัยตามกระบวนการ
แต่ก็มิได้ "เหนือคาดหมาย" เพราะการที่ "พรรคเพื่อไทย" แบะท่าแก้ไข มาตรา 68 ย่อมทำให้เกิดแรงกระเพื่อมจากฝ่ายที่ไม่เอาด้วย เพราะมาตรา 68 ถือเป็นก้างขวางคอ ที่มีผลต่อการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ในวาระที่ 3
ที่ว่าจัดกันหนัก หรือเล่นกันแรงนั้น แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่น่าวังเวงใจอย่างที่หลายคนคิด เนื่องจาก "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีคำสั่งรับคำร้องตามมาตรา 68 แต่ยกคำขอคุ้มครองชั่วคราว ในกรณีฉุกเฉิน เพราะไม่ปรากฏมูลอันเป็น เหตุฉุกเฉิน ทำให้การพิจารณาในสภาฯ สามารถดำเนินการต่อไปได้
ทุกอย่างยังไปต่อได้!!! แต่ถ้ามอง ภาพในมิติทางการเมือง ก็ดูเหมือนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ดูจะไม่ใช่เป้าหลัก ในการสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลของฝ่ายค้าน หรือจะ ถือว่าเป็นเป้าหลอกก็ว่าได้ เพราะเป้าจริงนั้น ล้วนผูกโยงมัดรวมไปถึง มาตรา 190 ซึ่งแม้แต่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็มีความพยายามแก้รัฐธรรมนูญ มาตรานี้ เพื่อเปิดทางในการทำสนธิสัญญา กับต่างประเทศโดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา
ยิ่งในยุคนี้ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย เกาะกุมอำนาจรัฐเอาไว้ ย่อมต้อง หาทางเดินหน้าเต็มสูบ เพราะมันยึดโยง ไปถึงพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่หากประชาธิปัตย์และฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล...สกัดไว้ไม่อยู่ เงื่อนไขในมาตรา 190 ก็ยังสามารถเข้าไปทัดทาน การใช้เงินกู้ก้อนมหาศาลนี้ได้ เพราะเมื่อเป็นงบประมาณที่จะนำมาพัฒนาใน เชิงโครงสร้างหลักของประเทศ มันย่อม เกิดการเจรจา และเกิดการทำสนธิสัญญา ขึ้นมาแน่นอน
และที่สำคัญ มาตรา 190 ยังเกี่ยวเนื่องไปถึงกรณีข้อพิพาทไทย-เขมร ในพื้นที่ทับซ้อนรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งการวิวาทะในประเด็นอันละเอียดอ่อน ในมาตรานี้ น่าจะสร้างความสั่นคลอน ต่อเสถียรภาพรัฐบาลได้มากกว่า และเผอิญมีการประโคมข่าวว่าจะมีการพิจารณาเรื่องปราสาทพระวิหารในห้วง เมษาร้อน ก็ยิ่งทำให้เรื่องทั้ง 2 เรื่อง... กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
แต่หากลึกลงไปในรายละเอียด คำตัดสินของศาลโลกจะยังไม่ตกผลึกในเร็ววันนี้ เพราะนัดที่กำลังจะมาถึงจะ เป็นการแถลงของฝ่ายกัมพูชา และคิวต่อไปถึงจะเป็นการแถลงของฝั่งไทย และกว่าคำตัดสินจะตกผลึกก็ปาเข้าไปเดือนพฤศจิกายนแล้ว...มันจึงทำให้เรื่องที่น่าจะร้อน จึงไม่ร้อนถึง "จุดพีค"
หลังจากนั้นก็คงมีความพยายามทำทุกอย่างให้สถานการณ์เข้าสู่โหมดความวุ่นวาย และคงสามารถถอดความได้จาก "รหัสแดง" และ "รหัสเหลือง" ที่จะออกมาเต็มท้องถนน สร้างบรรยากาศอันเขม็งเกลียวที่จะสามารถ พลิกโฉมสถานการณ์ไปได้ทุกหน้า
หรือถ้าโยงไปในประเด็นนิรโทษกรรม ที่ระยะหลังพรรคเพื่อไทย ถูกมองว่า ตีตัวออกห่าง "คนเสื้อแดง" ซึ่งอาจจะเกิดปรากฏการณ์มวลชนถดถอย ล่าสุดก็มีข่าวแว่วมาจากวอร์รูมเพื่อไทย ว่าในระหว่างที่ขับเคลื่อน พ.ร.บ. นิรโทษกรรมในสภา ก็จะมีการเรียกขวัญมวลชน ด้วยการให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จัดการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในทุกวันที่ 10 ของเดือน
ว่ากันว่า ในวอร์รูมพรรคเพื่อไทย มีการเสนอให้ผู้ชุมนุมสวมหน้ากากรูปหน้าของคนเสื้อแดงที่ถูกจองจำอยู่ในคุก เพื่อเป็นการชุมนุมในเชิงสัญลักษณ์ ที่ในทางจิตวิทยาสามารถหลอมรวมคนเสื้อแดงให้กลับมาเป็นเนื้อเดียวกันได้ ซึ่งก็เท่ากับว่าเพื่อไทย จะสามารถคุมมวลชนได้ต่อไป โดยไม่มีอาการแตกแถว กระทั่งนำพารัฐบาลฝ่าจุดเสี่ยงไปได้
เช่นเดียวกับเกมเตะสกัดของฝ่ายต่อต้าน ก็คงไม่หยุดแค่คิวที่กลุ่ม 40 ส.ว.ร้องขอตัวช่วยอย่างศาลรัฐธรรมนูญในการชะลอการเดินหน้า มาตรา 68
แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นราย มาตราจะยังเดินต่อไปได้ แต่โดยรวมแล้ว "ตะปูเรือใบ" ที่ถูกวางทิ้งไว้สกัดคิวแก้รัฐธรรมนูญ...ย่อมมีอยู่อีกหลายด่าน
ตามคิวถัดไป "สุริยะใส กตะศิลา" แกนนำขาใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ และผู้ประสานงานกลุ่มกรีน แบะท่าว่า... เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในปมที่มาของ ส.ว. ที่อาจทำให้กลไกของรัฐสภาเอนเอียง
ส่วนใน มาตรา 68 หากทำการแก้ไข ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นการตัดสิทธิของประชาชน เพราะอำนาจในการยื่น ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความเป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่อัยการสูงสุด
ขณะที่ฝ่ายจองกฐินรัฐบาล ก็เริ่มยิงออกมาเป็นชุด...ตะแคงข้างพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ฉบับหน้าแหลม ฟันดำแบบเต็มกำลัง เพราะถือเป็นเดิมพันสูงบนกระดานแห่งอำนาจ...!!!
หวังว่าจะมีทางออกให้กับประเทศ... ล้วนเป็นอารมณ์ผ่านถ้อยคำของ "นายกฯ ปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้ย้ำหัวตะปูถึงกฎหมายที่เป็นประชาธิปไตย มีความเป็นธรรม เป็นไปตามหลักนิติธรรม การแก้ไขโดย ในแนวทางสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็ไปไม่ได้ และรัฐบาลก็หันมาแก้รายมาตราแล้ว
แปลความได้ว่า...อย่าทำให้กระบวนการตามวิถีประชาธิปไตยเข้าสู่ "ทางตัน" ...?!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ