Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ฝ่าด่านตุลาการ "ล้มอำนาจ" เหนือนิติบัญญัติ?!!
ฝ่าด่านตุลาการ "ล้มอำนาจ" เหนือนิติบัญญัติ?!!
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
เกมเตะสกัด "รัฐบาล" ทวี ความเข้มข้นไปทุกขณะ ตามมุก เดิมของ "ฝ่ายโค่นล้ม" ที่พยายาม ในทุกวิถีทางเพื่อมุ่งขัดขวางกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ถูกนิยาม ว่า...ไม่เป็น ประชาธิปไตย
ด่านแรกดำเนินไปโดยศาลรัฐธรรมนูญที่ได้ลงมติ 3 ต่อ 2 ให้รับคำร้องของ "กลุ่ม 40 ส.ว." ให้ชะลอการเดินหน้า มาตรา 68 ด้วยหมายเหตุที่ว่า ...ส่อผิดรัฐธรรมนูญและขัดหลักการประชาธิปไตย ทำให้กลายเป็นเผือกร้อนทางทางการเมืองที่ถูกโยนเข้าใส่รัฐบาล และกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง รวม 312 คน จนทอดยอดไปถึงคิวยุบ 6 พรรคการเมือง ที่เข้าชื่อในกระบวนการ "โละทิ้ง" รัฐธรรมนูญฉบับหน้าแหลมฟันดำ
เหล่านี้ ล้วนเป็นฉากสงครามทางกฎหมายที่ "ฝ่ายโค่นล้ม" ได้ยืมมือ "องค์กรอิสระ" รุมกินโต๊ะรัฐบาลและแนวร่วมจนแทบงอมพระราม หวังแตะ เบรก...สกัดเหลี่ยมคูของฝ่ายเสียงข้างมากในสภา!!!
ถึงแม้เวลานี้ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา จะยังเดินต่อไปได้ตามเงื่อนไขฝักถั่ว ที่มีเสียงข้างมาก เป็น ตัวแปร ในการฉลุยผ่านร่างกฎหมาย แต่โดยรวมแล้ว "ตะปูเรือใบ" ที่ถูกวางทิ้งไว้สกัดคิวแก้รัฐธรรมนูญย่อมมีอยู่อีกหลายด่าน
ยิ่งทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังลูกผีลูกคน...
ขณะที่ "ฝ่ายชี้นำกระแส" ในขั้วรัฐบาลอย่าง "เดอะอ๋อย" จาตุรนต์ ฉายแสง ก็ออกมาวิพากษ์ "ศาลรัฐธรรมนูญ" อย่างเผ็ดร้อน หลังลงมติด้วยเสียง 3 ต่อ 2 รับคำร้องกลุ่ม 40 ส.ว.ไว้พิจารณา
"...ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความไม่อยู่ กับร่องกับรอย และสุกเอาเผากินของศาล รัฐธรรมนูญให้เห็นชัดยิ่งขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันก็ยิ่งเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า มีความ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 เพื่อลดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้มาก้าวก่ายแทรกแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นอำนาจของรัฐสภา"
แม้มีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยตั้งท่าจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า การแก้ไขมาตรานี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็ต้องสู้กันด้วย เหตุด้วยผล เมื่อแก้ไขมาตรานี้เสร็จมีความ เป็นไปได้มากที่ที่ประชุมรัฐสภาจะโหวตลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อให้ ส.ส.ร.เข้ามายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งถ้าไม่โหวตวาระ 3 ตามมา การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รายมาตรา ครั้งนี้เกือบไร้ประโยชน์ เพราะรัฐธรรมนูญ ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ทางด้าน ผศ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ประธานหลักสูตรรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ย้ำหัวตะปูในประเด็นเหล่านี้ว่า ...ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจที่สำคัญยิ่ง ประชาชน เพียง 1 คนก็สามารถทำให้ศาลรัฐธรรมนูญ เริ่มกระบวนการตรวจสอบได้ ตรงนี้อาจนำ ไปสู่ความยุ่งยากในอนาคต โดยสิ่งที่หวั่นเกรงคือ ภาพที่เสมือนเป็นผู้พิทักษ์ประชาธิปไตย แต่สุดท้ายอาจกลับกลายเป็นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจอยู่เหนือฝ่ายนิติบัญญัติ กรณีนี้น่าเป็นห่วง เพราะเพียง แค่รับคำร้องไว้พิจารณา ก็สามารถทำให้เป็นปัญหาทางการเมืองได้ เมื่อครั้งร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291 วาระ 3 ก็เคยรับตีความมาตรา 68 แล้วเช่นกัน
ล่าสุด คนที่ไปยื่นร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความมาตรา 68 นั้น มีเจตนา 2 ประการ คือ 1.ต้องการยุติการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่กำลังดำเนินอยู่ในสภา ด้วยการขออำนาจศาลคุ้มครองชั่วคราว และ 2.พยายามจะบอก ว่าการแก้ไขมาตรา 68 นั้น เป็นการตัดสิทธิประชาชนที่จะยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในส่วนของมาตรการนี้ ก็ได้สะท้อนออกมาว่า ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นรายมาตราหรือทั้งฉบับก็ตาม
"ศาลจะวินิจฉัยอย่างไรคงไม่สามารถ คาดเดาได้ แต่พอคาดการณ์ได้ว่าเรื่องน่า จะยาว ระหว่างนี้คงไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น จนกว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราจะผ่านมาจนถึงวาระ 3 เพื่อที่จะบอกได้ว่าเห็นเหตุของการกระทำที่เข้าข่ายตามคำร้อง และหากมีการวินิจฉัยว่าห้ามลงมติ วาระ 3 เนื่องจากเป็นการตัดสิทธิประชาชน ระบบการเมืองไทยก็จะตกอยู่ภายใต้อำนาจ ศาลอย่างสมบูรณ์"
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เกิดปัญหาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 รัฐบาลควรทำให้ เห็นว่า กระบวนการแก้ไขต้องไม่จำกัด อยู่ แค่สภา แต่ควรเปิดพื้นที่ทางสังคมในการให้ความรู้ อภิปรายถกเถียงกันอย่างกว้าง ขวางตามพื้นที่สาธารณะและเป็นรูปธรรม ปลายปีที่แล้วรัฐบาลเคยประกาศว่าจะทำ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็น อย่าลืมว่ากว่าที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ที่มีความเป็นประชาธิปไตยจะเกิดขึ้น ต้องใช้เวลากว่า 5 ปีในการเปิดพื้นที่สาธารณะให้เกิดการถกเถียง
"ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะต้องไม่กำหนดยุทธศาสตร์ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไว้เพียงแค่ในสภา และไม่ต้องรอให้เกิดสถานการณ์มาบีบคั้นรัฐบาลก่อน ถึงจะเดินหน้าได้ มิเช่นนั้นการเมืองไทยจะตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปอีกนาน"
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์ ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า.. รัฐธรรมนูญปี 50 ทำให้ มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ ส.ว.สรรหา ซึ่งทั้ง 2 องค์กรก็ไม่ได้ยึดโยงอะไรกับประชาชน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งล่าสุด ส.ว.สรรหายังเป็นคนนำเรื่องไปร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งศาลก็รับไว้ แม้ ไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แต่อาจถือได้ว่ามีส่วนขัดขวางการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติแล้ว
ดังนั้นทั้งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 50 ศาลรัฐธรรมนูญ และส.ว.สรรหาจึงเป็นระบบหรือกลไกที่อ้างกันไปมา กลุ่ม 40 ส.ว. อ้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญถูกวินิจฉัย โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็เกี่ยวพันกันไปมา ถือเป็นอุปสรรคที่เข้ามาขัดขวางกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"เมื่อเรายังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึง หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เมื่อเกิดความเห็นต่างย่อม มีการเผชิญหน้ากันระหว่างองค์กรทางการ เมือง นั่นก็คือศาลรัฐธรรมนูญกับ ส.ส. โดย สิ่งที่ ส.ส.ควรทำคือ ยืนยันว่าตนเองได้รับเลือกจากประชาชน และที่สำคัญการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ดังนั้นต้องไม่หวั่นไหวว่าสิ่งที่ทำหรือการลงมติไป จะทำให้มีความผิด หรือไม่..และควรต่อสู้เพื่อยืนยันหลักการทางการเมือง เพราะสิ่งที่ทำนั้นไม่ถือว่าผิด แต่เป็นการดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ทั้งสิ้น"
ทางด้าน รศ.ยุทธพร อิสรชัย ผอ. โครงการวิทยาลัยการเมืองคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ระบุถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เนื่องจากไม่เปิดให้สมาชิก ลงมติในการแปรญัตติร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับระหว่าง 15 วันกับ 60 วัน เพราะไม่ยอมเรียกประชุมรัฐสภาครั้งใหม่
ซึ่งการยื่นคำร้องสามารถยื่นได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะใช้ดุลพินิจในทางใด นั้นก็คงเป็นอีกเรื่อง เพราะว่าในแง่ของศาลเขาก็คงจะพิจารณาว่าข้อบังคับของการประชุมสภานั้น ประธานสภาได้ทำหน้า ที่ตามนั้นหรือเปล่า ถ้าทำหน้าที่ตามนั้นหมดก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่จะเป็นความผิดได้ แต่ถ้าประธานไม่ได้ทำตามขั้นตอนก็เป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะสั่งให้มีการยับยั้งการพิจารณารัฐธรรมนูญไปก่อน แล้วตอนนี้รับเรื่องเอาไว้แล้วมติ 3 ต่อ 2 รับเรื่องไว้พิจารณาต่อไป
"การที่พรรคฝ่ายค้านหรือพรรคประชาธิปัตย์อะไรๆ ก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความถือว่าตีรวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ผมคิดว่าตรงนี้เป็นช่องทางที่ทางฝ่าย ค้านเองเหลือไม่มากแล้ว เพราะว่าตามการ พิจารณารัฐธรรมนูญ รายมาตราในครั้งนี้ ผู้ยื่นญัตติคือส.ส.ฝ่ายรัฐบาล แล้วก็ทางสมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่ง ตรงนี้เป็นตัวที่ได้เปรียบเพราะว่ารวมกันสองส่วนก็ตกไปประมาณ 300 เสียง ซึ่งเกินกว่ากึ่งหนึ่งของรัฐสภาอยู่แล้ว"
ดังนั้นไม่ว่าจะนำไปสู่วาระที่สองหรือ วาระที่สาม โอกาสที่จะชนะในสภานั้นมีสูง แต่ฝ่ายที่คัดค้านในสภาแน่นอน คะแนนเสียงในสภาเขาต้องเป็นรอง จึงมีขบวนการ ของการเล่นเกมนอกสภา เช่นการใช้องค์กร อิสระ หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนไหว เรียก ร้องในเรื่องของการชุมนุมต่างๆ ซึ่งเป็นไปได้ที่จะมีขึ้นอีก ถ้ามีการลงมติวาระสาม ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข...ฉะนั้นจะบอกว่าฝ่ายค้านตีรวนหรือเปล่า ผมมองว่าตรงนี้เป็นเกมการเมืองมากว่าซึ่งก็เป็นทางที่เขาจำเป็นจะต้องทำอย่างนี้ครับ เพราะไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับคนที่มีเสียง ข้างน้อยกว่าในสภา...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ