Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
TDRI เปิดปมประเทศไทย "คอร์รัปชั่น" อุปสรรคการพัฒนา
TDRI เปิดปมประเทศไทย "คอร์รัปชั่น" อุปสรรคการพัฒนา
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงโจทย์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยในขณะนี้ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ ในระดับรายได้ปานกลางมานานแล้ว จน ถูกสงสัยว่าติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง และประเทศไทยกำลังเป็นสังคมสูงอายุ มีคนแก่ ขณะที่ประเทศไทย ยังมีรายได้ปานกลางไม่สามารถถีบตัวไปสู่ประเทศที่มีรายได้ระดับสูงได้
ทั้งนี้ เมื่อเป็นสังคมของคนแก่ ก็มีค่า ใช้จ่ายมาก มีการเจ็บป่วยต้องเสียค่ารักษา พยาบาล ค่าใช้จ่ายบำเหน็จบำนาญ ซึ่งจะ ทำให้การพัฒนาประเทศชะงักได้ เป็นความ เสี่ยงในระยะยาว เป็นประเทศที่แก่แต่ไม่รวย จึงมีโอกาสที่จะจนลงเมื่อแก่
"ปัญหามาจากนโยบายด้านเศรษฐกิจ ตัวอย่างหนึ่งคือ เราไม่พัฒนาเทคโนโลยีของเราเอง แต่ไปซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศมา และถ้าเราจะพัฒนาเทคโนโลยี ของเราเองก็มีปัญหาว่าการศึกษาของเรา พร้อมหรือไม่ เพราะเป็นโจทย์ใหญ่ว่าการศึกษาของเรายิ่งเรียนยิ่งตกต่ำ ยิ่งโง่ ขณะ ที่ประเทศยิ่งแก่ยิ่งจน เยาวชนยังมีความรู้ น้อย ทำให้การพัฒนาประเทศในระยะยาว มีอุปสรรค ความสามารถในการแข่งขันก็จะตกลงไปเรื่อยๆ"
ประธานทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า นอกจาก นั้น ยังมีปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้การพัฒนาในหลายเรื่องๆ เป็นไปได้ยาก เช่น การพัฒนาเทคโนโลยี ถ้าเกิดนักการเมือง เห็นว่าการพัฒนาเทคโนโลยีไม่ได้ "ใต้โต๊ะ" แต่การไปซื้อเทคโนโลยี ไปซื้อของสำเร็จเข้ามาแล้วได้ใต้โต๊ะ ก็ไม่อยากพัฒนาเทคโนโลยี หรือเรื่องการศึกษาที่มีการคอร์รัปชั่นวงกว้างในวงการศึกษา เช่น แป๊ะเจี๊ยะ การทุจริต สอบผู้ช่วยครู ทำให้การปฏิรูปการศึกษาเกิดขึ้นไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ที่ผูกกันอยู่
นอกจากนี้ ยังมีภาระทางการคลังขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องของประชานิยม ซึ่งขอเรียกว่า "นโยบายทางการคลังซึ่งไม่รับผิดชอบ" คิดแต่เรื่องของรายจ่าย ซึ่งไม่เป็นผลดีในระยะยาวและเป็นโจทย์ใหญ่ที่ประเทศไทยต้องเจอ
เมื่อโจทย์ของประเทศไทยในขณะนี้ มันใหญ่ ดังนั้น ภารกิจของทีดีอาร์ไอ จะตอบโจทย์ให้กับสังคมทีละส่วนๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้น จะต้องไปตอบโจทย์ปัญหา ใหญ่ๆ 4 เรื่อง คือ
1.ปัญหาประเทศไทยไม่สามารถ ยกระดับทางเทคโนโลยี ไม่สามารถสร้างนวัตกรรมเป็นของตนเองได้
2.ปัญหาระบบการศึกษาไทยที่ไม่มีคุณภาพและมีความเหลื่อมล้ำสูงมาก
3.ปัญหาคอร์รัปชั่นในวงกว้าง และ
4.นโยบายที่ไม่มีความรับผิดชอบทางการคลัง
ทีดีอาร์ไอจะตั้ง 4 เรื่องนี้ เป็นวาระ ที่ทีดีอาร์ไอ จะต้องทำวิจัย 4 หัวข้อนี้อย่าง ต่อเนื่องและตีแผ่เรื่องเหล่านี้ให้แตกฉาน นำไปสู่ข้อเสนอแนะต่อผู้กำหนดนโยบายหรือนักการเมืองและประชาชน โดยจะทำ วิจัยในระยะ 3 ปี แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว จะผลิตผลงานออกมาเป็นระยะๆ
"อย่างในเรื่องคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก คงไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะสั้น 6 เดือน หรือ 1 ปี ดังนั้น เราจึง อยากสร้างความรู้ให้กับประชาชนคุ้มกันคอร์รัปชั่น จึงจะมีการทำคู่มือประชาชนรู้ทันคอร์รัปชั่น ออกมาภายใน 6 เดือนนับจากนี้ ให้ประชาชนเข้าใจในเรื่องคอร์รัปชั่นได้อย่างง่ายๆ เราจะชี้ให้เห็นว่าแทบ ทุกกรณีของคอร์รัปชั่น เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสิ้น ทำให้ประชาชน เกิดความสูญเสีย"
ส่วนปัญหาที่ประเทศติดกับดักรายได้ ปานกลาง หากจะหลุดกับดักรายได้ปาน-กลางไปได้ ก็ต้องทำนวัตกรรมในภาคธุรกิจ ของเราเอง เช่น อุตสาหกรรมการผลิต ถ้า เราแค่รับจ้างผลิตสิ่งของ เช่น เสื้อผ้า รองเท้าตามสั่งให้กับต่างประเทศอยู่อย่าง นี้ มีแต่เราจะจนลงทุกวัน เพราะผู้ที่รับซื้อ สินค้าจะกดราคาลงทุกปี ปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ขาดทุน อยู่ไม่ได้แน่นอน
ดังนั้น ต้องทำนวัตกรรม เช่น เริ่มจากง่ายๆ ก่อน คือ การประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนบริษัท ปรับระบบการผลิตให้มีการสูญเสียน้อย แล้วก็พัฒนาไปสู่การทำแบรนด์สินค้า การออกแบบผลิตภัณฑ์ การ วิจัยพัฒนาเพื่อทำให้กระบวนการผลิตสินค้าดีขึ้น ส่วนปัญหาเรื่องการคลัง ทีดีอาร์ไออยากเห็นหน่วยงานที่เรียกว่า "สำนักงบประมาณของรัฐสภา" เกิดขึ้น เนื่องจากฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่มีข้อมูลด้านงบประมาณเท่ากับฝ่ายรัฐบาลที่มี "สำนักงบประมาณ" คอยสนับสนุนข้อมูล จึงไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลในเรื่องการคลัง ได้เต็มที่
ดังนั้น การมี "สำนักงบประมาณของรัฐสภา" จะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ จึงมีความคิดที่จะตั้ง "สำนักงบประมาณของรัฐสภา" ซึ่งกำลังศึกษาร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก เพื่อให้ข้อมูลกับ ส.ส., ส.ว. และประชาชน ซึ่งจะเป็นการป้องกันให้ประเทศไทยไม่มีความ เสี่ยงสูงจากการไร้วินัยทางการคลัง
ขณะที่ปัญหาด้านการศึกษา ทีดีอาร์ไอพยายามศึกษาวิจัยเชิงนโยบายให้เป็นรูปธรรมว่า ทิศทางควรจะเดินไปอย่าง ไร ซึ่งพบว่าต้องมีการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาของประเทศไทยที่ล้าสมัย เปลี่ยนจากการเรียนแบบท่องจำ มาเป็นการทำ ความเข้าใจ คิดให้มาก หลักสูตรไม่ต้องมีเนื้อหามาก
ถ้าทีดีอาร์ไอทำทั้ง 4 เรื่อง ได้สำเร็จ โฉมหน้าประเทศไทยก็จะเปลี่ยนไป อย่างเรื่องการคลัง ก็จะทำให้ประเทศไทยมีความ เสี่ยงในด้านการคลังน้อยลง เมื่อเกิดวิกฤติ ในระบบเศรษฐกิจการเงินโลก แรงกระทบ ที่มายังประเทศไทย จะไม่ทำให้ประเทศซวนเซไปมาก เพราะเรามีภูมิคุ้มกันมีสำรองทางด้านการเงิน
ในขณะเดียวกันถ้าประเทศไทยไม่มีปัญหาคอร์รัปชั่น การกำหนดนโยบายของ รัฐและการดำเนินธุรกิจของภาคธุรกิจก็ง่ายขึ้น ต้นทุนทางธุรกิจไม่มีต้นทุนสูง และ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งเมื่อ เรามีนวัตกรรม จะทำให้ประเทศไทยเราหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความเสมอภาคมาก ขึ้นในหมู่ประชาชน มีทรัพย์สินมากพอที่จะ เป็นทรัพยากรสำหรับสังคมไทยที่กำลัง เข้า สู่สังคมผู้สูงอายุ ไม่ใช่ประเทศที่แก่แล้วลำบาก แต่เป็นประเทศที่แม้แก่ แต่ก็สามารถอยู่ได้ตามอัตภาพที่เหมาะสม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ