Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ตีปี๊บ..ปฏิรูปพรรค! ล้างป่าช้า "ปชป." คิวเลื่อยขา "มาร์ค"
ตีปี๊บ..ปฏิรูปพรรค! ล้างป่าช้า "ปชป." คิวเลื่อยขา "มาร์ค"
วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
กลายเป็น "ยาขม" ที่ใครหลาย คนใน "ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม" รู้สึกร้อนผ่าวไปกับแนวคิด "ปฏิรูปพรรค!" ในรหัสทางการเมืองของ "จ้อน-อลงกรณ์ พลบุตร" ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังทำตัวเป็น "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" ไล่ตบมุกแรงๆ... เขย่าคนกันเอง ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @Alongkornpb ซึ่งได้ตอกย้ำไปถึง "รอยร้าว" และปัญหาเชิงโครงสร้าง ภายในพรรคอย่างชัดเจน
วิวาทะแบบคาบลูกคาบดอกของ "อลงกรณ์" ที่หวังให้เกิดการ "ปฏิรูปพรรค" อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมนั้น ล้อไปกับความเป็นจริงที่ว่า "ประชาธิปัตย์" ประสบความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งมา โดยตลอด นับตั้งแต่การเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2538 ที่แพ้ให้แก่พรรคชาติไทย... เลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2539 แพ้พรรคความหวังใหม่...เลือกตั้งเดือนมกราคม 2554 และเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2548 แพ้พรรคไทยรักไทย... เลือกตั้ง เดือนธันวาคม 2550 แพ้พรรคพลังประชาชน ต่อเนื่องมาจนถึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ที่แพ้ยับเยินให้ แก่พรรคเพื่อไทย
เป็นการพ่ายแพ้ที่ยาวนานกว่า 21 ปีแล้ว จึงมีความจำเป็นยิ่งยวดที่ "ประชาธิปัตย์" จะต้องทบทวนและ "ปฏิรูป" ตัวเอง ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นย่อมตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ให้แก่ "ระบอบทักษิณ" อยู่ร่ำไป!!
"ถึงเวลาแล้ว โดยยอมรับความจริง ที่เกิดขึ้นว่า 1.พรรคเลือกตั้งและพ่ายแพ้มา ตลอดในช่วงที่ผ่านมา 2.พรรคถูกกล่าวหา ว่าอิงแอบกับเผด็จการ และปล่อยให้มีการ ทุจริตคอร์รัปชั่นในช่วงที่เป็นรัฐบาล ซึ่งต้อง ยอมรับว่า 2 กรณีหากยังปล่อยไว้ ก็จะทำ ให้ความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อพรรคลดลง หากพรรคยังหวังที่จะชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้าก็ถึงเวลาที่ต้องรับรู้ปัญหาและแก้ไข..."
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อคราวประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 "อลงกรณ์" ก็เคยเสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ปฏิรูปมาแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบรับ ซึ่งเป็นที่รู้ดีว่าข้อเสนอดังกล่าวได้รับการสนับสนุนมาจากผู้ใหญ่หลายคนภายในพรรค รวมถึง "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" เลขาธิการพรรค ที่ออกมาแก้เกี้ยวว่า การเปลี่ยนแปลงบางเรื่อง ได้ทำมานานแล้วแต่ไม่ได้ประกาศออกไป
"เพราะถ้าวันนี้ไม่เปลี่ยนคงอยู่กันไม่ได้ ใครมีภาระหน้าที่อย่างไรก็ต้องออกมาทำเพื่อนำไปสู่เป้าหมายด้วยการร่วมกัน คิดนโยบายที่ดีที่สุด แนวทางของพรรคต้องไม่มีนโยบายประเภทสุกเอาเผากิน คิด นโยบายมั่วๆ เพื่อให้ได้รับชัยชนะในระยะ สั้น แต่ต้องทำนโยบายเพื่อให้ประเทศเดิน ไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน ให้ประชาชนยอมรับและไว้วางใจให้ได้คะแนนเสียงมาก ที่สุด เพื่อให้มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ พร้อมกับคงจุดแข็งของพรรคไว้ ส่วนจุดอ่อนจะต้องเร่งหาทางแก้ไข ต้องนำสิ่งใหม่ เข้ามาบริหารองค์กร"
การแก้โจทย์ข้อใหญ่ที่ว่านี้ คือต้อง เริ่มปฏิรูปพรรคอย่างจริงจัง ทั้งปฏิรูปโครงสร้าง การบริหารจัดการ ปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กรและบุคลากร
ขณะที่ "การไม่ยอมรับฟังคนเห็นต่าง" ก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ "อลงกรณ์" หยิบยกมาอ้างถึง และที่กลายเป็น "บ่อนทำลายตัวเอง" คือการที่คนในพรรคประชาธิปัตย์จะตอบโต้ทันทีเมื่อมีสื่อ นักวิชาการ หรือองค์กรใดวิจารณ์พรรคตัวเอง และสรุปทันทีว่า "ไม่ใช่พวกเดียวกัน" จนทำให้เสียแนวร่วมไปมากมาย อีกทั้งถูกข้อ ครหาว่า "อิงแอบเผด็จการ" เพื่อให้ตัวเอง ได้เป็นรัฐบาล
แน่นอนว่า ข้อเสนอแนะของ "อลงกรณ์" ย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและคัดค้าน
รายแรกที่รีบออกมาปราม คือ "ผู้เฒ่าชวน หลีกภัย" ในฐานะประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ซึ่งมองว่าประเด็นปฏิรูป "เป็นเรื่องภายใน" ที่ควรไปพูดกันในพรรคมากกว่าที่จะขยายความสู่คนนอกเช่นนี้
"จะทำอะไรก็ควรแจ้งให้หัวหน้าพรรค ทราบ อย่าทำให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศ หลายล้านคนที่ต้องการเห็นพรรคมีความมั่นคงก้าวหน้า เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ..."
แม้จะมีเสียงตักเตือนจากผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค ทว่าเขายังคงยืนกรานที่จะ เสนอเป็นประเด็น "สาธารณะ" เพราะเชื่อ ว่า หากมีการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ก็จะ เป็นประโยชน์ในทางสังคม อันเท่ากับเป็น การปฏิรูปและพัฒนาสถาบันพรรคการเมือง อย่างมีนัยสำคัญ
เหนืออื่นใด การดันประเด็นร้อนนี้เข้าสู่เวทีสาธารณะ ก็เพื่อเป็นแรงบีบและ กดดันในอีกด้านให้ "ประชาธิปัตย์" จำเป็นต้องให้ความสนใจ เพราะหากเพิกเฉยก็เท่ากับว่า...ปิดกั้นตนเอง!!
โดยการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ อาจเป็น ไปได้ว่าต้องเริ่มจาก "หัว" ลงไปก่อน...ซึ่งไม่เฉพาะ "อลงกรณ์" เท่านั้น แต่หลายคนก็เอือมระอามานานแล้วกับภาวะผู้นำของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ซ้ำยังโดนฝ่ายตรงข้ามให้นิยาม ว่า มีจุดยืนที่หลักลอย...บ้างก็ดีแต่พูด! หรือ เป็นเลิศในการใช้ "วาทกรรมประดิษฐ์" เพื่อทำลายคู่แข่ง
แม้แต่คนในด้วยกันเอง ก็ยัง วิพากษ์ ไปไกลถึง "ข้อเสีย" ที่ไม่ยอมปรับปรุงแก้ไขเลยของ "อภิสิทธิ์" นั่นคือการที่ "คนใกล้ตัวเป็นพิษ" แม้ผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนเคยสะกิด เตือนด้วยความหวังดี แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับใดกลับมา ยิ่งการเลือก ที่จะ "ตอบโต้ทุกเรื่อง" กับคนทุกระดับของ "อภิสิทธิ์" หรือค้านแบบไม่ฟังเหตุฟังผล ก็ยิ่งทำให้กลายเป็นบ่อนทำลาย "ตัวเอง" จึงเป็น เหตุผลประกอบในเชิงปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กรและบุคลากร ซึ่งย่อมเป็นตัวของหัวหน้าพรรคอย่าง "อภิสิทธิ์" นั่นเองที่เป็นจุดอ่อน
"อลงกรณ์" จึงเปรียบเสมือน "ทหารเดนตาย" ที่ตัวเขาเองย่อมรู้ดีว่า... ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เกิดการ "ปฏิรูปพรรค!" อย่างที่มันควรเป็นไป
ในอีกด้านหนึ่ง "พิชัย รัตตกุล" อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงท่าทีสนับสนุนข้อเสนอของ "อลงกรณ์" พร้อมกับชี้ว่า...อยากเห็นการวิพากษ์วิจารณ์จาก คนภายในพรรคให้มาก เพราะจะทำให้พรรค มีการปฏิรูปตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบาย ไม่มีเป้าหมาย และขาดการวางแผนระยะยาว รู้สึกเป็นห่วง อนาคตของพรรค!
ทว่าทางเลือกของ "ประชาธิปัตย์" หากต้องการชนะการเลือกตั้งในอีก 2 ปีข้างหน้านั้น ยังดูจำกัดจำเขี่ยด้วยเรื่อง "ตัวบุคคล" กระนั้นก็มีการแย้มตัว "แคนดิเดต" ที่ถูกชูขึ้นมาเทียบเคียงกับ "หัวหน้าอภิสิทธิ์" โดยเฉพาะในรายของ "สุรินทร์ พิศสุวรรณ" อดีตเลขาธิการอาเซียน ที่แม้ จะเพิ่ง "รีเทิร์น!" กลับเข้าพรรคในบทบาทประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย แต่เขาก็ประกาศตัวแล้วว่า ถ้ามีโอกาส ก็พร้อมจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี
ด้วยหลายปัจจัยที่เชื่อมโยงกัน ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า "สุรินทร์" น่าจะ มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนปฏิรูปพรรค ซึ่ง แม้แต่ "นายหัวชวน" ที่หันมาแตะเบรกแรงๆ ก็เป็นที่ทราบดีว่า มีความใกล้ชิด กับ "สุรินทร์" เป็นอย่างมาก ฉะนั้นหาก มีการปฏิรูปพรรคเกิดขึ้นจริง ย่อมเป็นโอกาสดีที่สุดในการ "เปลี่ยนม้ากลางศึก"
ทุกสิ่งทุกอย่าง...ย่อมเป็นไปได้ทั้งนั้น?!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ