Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
รถไฟฟ้าฟื้นเมืองหลวง
รถไฟฟ้าฟื้นเมืองหลวง
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
กรุงเทพฯ ในอดีต ศูนย์กลางความหนาแน่นของหน่วยงานราชการและย่านธุรกิจ จะอยู่แถวราชดำเนิน บางลำพู วังบูรพา และเยาวราช ข้ามไปถึงวงเวียนใหญ่ ยิ่งชั่วโมงนี้เมืองหลวงขยายกว้างออกไปหลายเท่า แต่ย่านธุรกิจดังๆ ในอดีตกลับอัดแน่นด้วยผู้คนและรถราที่ "ไม่จำเป็นจริงๆ" ก็ไม่อยากย่างกรายเข้าไปให้หงุดหงิด
รถติดหนึบใจกลางกรุงเทพฯ ชั้นใน หากเจอ "แจ็กพอต" รถยิ่งติดเป็นแพขยับเคลื่อนแม้แต่คืบศอกก็ไม่ได้ พาลทำให้อารมณ์และการงานเสียไปโดยลืมคิดถึงสาเหตุหลัก
กรุงเทพฯ เพิ่งใช้ระบบขนส่งมวลชนเมื่อปลายปี 2542 หรือพูดได้ว่า ชาวกรุงได้นั่งรถไฟลอยฟ้า BTS ด้วยระยะทาง 31 กิโลเมตรเต็มๆ เมื่อปี 2543 เมื่อ 12 ปีมานี้เอง...ถือว่าล่าช้ามาก
และแล้วรถไฟฟ้าใต้ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จึงสร้างเสร็จและบริการเพิ่มเติมอีก 20 กิโลเมตร ปี 2547 ในอีก 4 ปีต่อมา
ไม่ว่าเป็นรถไฟลอยฟ้า หรือรถไฟใต้ดิน มันก็คือระบบขนส่งมวลชนแบบเดียวกัน
แต่ด้วยความทุลักทุเลของงานขนส่งมวลชนที่ต่างรับผิดชอบกันหลายหน่วย งาน ก็เกิดระบบขนส่งมวลชนของ "แอร์พอร์ต ลิงค์" เชื่อมระหว่างมักกะสันกับสนามบินสุวรรณภูมิอีก 28.6 กิโลเมตร จากการกำกับของการรถไฟแห่งประเทศไทย
รวมแล้วกรุงเทพฯ มีระบบขนส่งมวลชนมากถึง 3 หน่วยงาน บริการได้ระยะทางหย่อนๆไม่เกิน 80 กิโลเมตรเท่านั้น...มองแค่นี้ ก็ไม่ต้องไปสงสัยอะไรให้เปลืองสมองว่าทำไมการจราจรในเมืองฟ้าอมรแห่งนี้จึงไม่รู้จักคลี่คลายให้โล่งอกเสียที (นอกจากยามวิกาล)
การขยายตัวอย่างไร้ขอบเขตของกรุงเทพฯ ที่หนาแน่นไปด้วยประชากรแฝงมากกว่า 10 ล้านคน ควรมีระบบขนส่งมวลชนวนเวียนไขว้ไปไขว้มา
ระยะทางไม่ควรต่ำกว่า 250-300 กิโลเมตรด้วยซ้ำ
จึงเป็นหน้าที่ของคุณยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการ รฟม.คนปัจจุบันซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก ต้องลงมือเร่งก่อสร้างเส้นทางทั้งรถลอยฟ้า และรถใต้ดินแบบแข่งกับเวลาอย่างเต็มกำลัง
ถ้าเราท่านผ่านไปบนเส้นทางบางซื่อ-บางใหญ่ ก็จะเห็นเสาและฐานรางรถไฟฟ้าลอยอยู่เหนือตึกอาคารบ้านช่องยาวสุดตา ซึ่งอีกไม่นานรถไฟฟ้าสายสีม่วง นี้คงจะได้เปิดบริการจากนอกเมือง ในเมือง ขนคนไป-กลับระหว่างกรุงเทพฯ-นนทบุรี เป็นระลอก ช่วยระบายการจราจรบนถนนย่านนี้อย่างเห็นได้ชัด
ฝั่งธนบุรีก็ไม่น้อยหน้า (ไม่มีใครค่อนแคะว่าเป็น "ลูกเมียน้อย" อีกแล้ว) เพราะเสาและฐานรถไฟฟ้าก็ผุดยาวกลางถนนจรัญสนิทวงศ์ ไปถึงท่าพระ ขณะเดียวกัน ที่หัวลำโพงกำลังเจาะอุโมงค์เชื่อมสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพง ผ่านย่าน ธุรกิจเยาวราช วังบูรพาไปโผล่ที่ท่าพระเช่นกัน
อะไรไม่สำคัญเท่าที่ รัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย จะกลายเป็นสถาบันระดับชาติแห่งใหม่ ซึ่งต้องมีการคมนาคมสะดวกและเชิดหน้าชูตาแก่เมืองไทย หาก ไร้ระบบขนส่งมวลชนผ่านแล้ว ย่อมขาดความสมบูรณ์ต่อการเดินทางที่ทันสมัย ไม่อาจโชว์ศักยภาพการคมนาคมที่เป็นเลิศแก่อาคันตุกะจากทั่วโลกได้
คณะกรรมการ รฟม.จึงผลักดันเพื่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนต่อจากบางซื่อ-เตาปูน ไปยังราษฎร์บูรณะ โดยกำหนดเส้นทางรถลอยฟ้าและมุดดินผ่านหน้ารัฐสภาแห่งใหม่ ไปกรมชลประทาน โรงพยาบาลวชิระ หน้าหอสมุด แห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย เฉียดบางลำพูเลี้ยวไปผ่านฟ้า ย่านวังบูรพา (เป็นชุมทางรถใต้ดินที่ตัดไปท่าพระ) แล้วลอดใต้สะพานพุทธ มุดยาวไปใต้อนุสาวรีย์ พระเจ้าตากสินวงเวียนใหญ่ ถึงจอมทอง แล้วจึงโผล่เป็นรถไฟลอยฟ้าไปดาวคะนอง-ประชาอุทิศแล้วปิดปลายทางที่ราษฎร์บูรณะ
เส้นทางสายนี้อาจพูดได้ว่าเป็นการ "ฟื้นฟูเมืองและย่านธุรกิจเก่า" ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากถูกถนนสายเก่าแคบๆ ที่ไม่อาจขยายได้อีก คล้าย "ทางตัน" ให้เป็นเส้นทางใหม่คล่องตัวขึ้นมาทันที
แน่นอนธุรกิจย่านเหล่านี้ได้มี "เฮ" แน่
แต่สิ่งที่แน่นอนกว่า เนื่องจากภูมิประเทศชั้นในมีผังถนนขยายตัวไม่ได้ รถไฟฟ้าสายบางซื่อ-เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ จะกลายเป็น "สายแม่เหล็ก" ที่คึกคักขนส่งมวลชนให้ไปเยี่ยมเยือนและสัมผัสแหล่งท่องเที่ยว "เกาะรัตนโกสินทร์", งานเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาฯมหาราช, งานเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาฯ มหาราชินี, งานกาชาดประจำทุกปีและงานราษฎร์งานหลวงในโอกาสพิเศษบ่อยๆที่มีหลายสถานีจอดคู่ขนานใกล้ที่สุดอีกด้วย
ถ้าเปรียบถนนกรุงเทพฯ วงในเป็นโรค "เส้นเลือดอุดตัน" ถือว่ารถไฟใต้ดินสายนี้ได้ทำ "บายพาส" ให้การเดินทางที่เคยติดขัด ไหลคล่องเหมือนปลิดทิ้ง
หรือจะเรียกว่าเส้นทางรถไฟใต้ดินสายนี้ ได้ชุบชีวิตใหม่ให้ผู้คนที่พึ่งพาพักพิงอิงวังและภาพลักษณ์วัฒนธรรมเก่าๆ ในอดีตได้พลิกฟื้นขึ้นมาอีกคราหนึ่ง...เฮ้อ โล่งอกจริงๆ เมืองหลวงของเรา !
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ