กุหลาบโรมาเนีย! กลางศึก"พระวิหาร"

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

กุหลาบโรมาเนีย! กลางศึก


กลายเป็น "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" เขย่ากระแสรักชาติให้ตื่นตัว ในประเด็นการต่อสู้คดี "ประสาทพระวิหาร" ที่ยังคละคลุ้งไปด้วยความปลาบปลื้มและชื่นชม "ทีมทนายฝ่ายไทย" ซึ่งทำหน้าที่ได้อย่างไร้ข้อกังขา โดยที่พยายาม "หักล้าง" ในทุกประเด็นและทุกมิติที่ฝ่ายกัมพูชายกมาเป็น "ข้อได้เปรียบเหนือฝ่ายไทย"

การขึ้นเบิกความต่อคณะผู้พิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ "ศาลโลก" ที่พระราชวังแห่งสันติภาพ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้ได้มา ซึ่งสิทธิ์ใน "อธิปไตยเหนือพื้นที่ทับซ้อนรอบปราสาทพระวิหาร" ...ทาง "วีรชัย พลาศรัย" หัวหน้าทีมกฎหมายฝ่ายไทย ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่มีที่ติ โดยได้เตรียมการในเรื่อง ข้อมูลเอกสารหลักฐาน ทั้งในเรื่องคำพูดทางประวัติศาสตร์ เอกสารด้านแผนที่มาหักล้างความพยายามของฝ่ายกัมพูชาที่ "ซ่อนเล่ห์" อุทธรณ์แฝงมากับการยื่นตีความคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505 และพยายามสร้างภาพให้ตัวเองเป็น "ชาติที่ถูกรุกรานทางทหาร" จากฝ่ายไทยต่อศาลโลกอย่างเข้มข้น

แม้ว่าทีมทนายฝ่ายไทยที่นำโดย "วีรชัย พลาศรัย" จะทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จนได้รับคำชมจากคนไทยทั่วประเทศว่า...สมกับทนายตัวแทนของชาติ ที่ทำทุกทาง ทั้งตอบโต้กระชากหน้ากากฝ่ายกัมพูชาได้อย่างเจ็บแสบและแข็งกร้าว

ทว่าในอีกด้านหนึ่งได้เกิดกระแสในทางฟีเวอร์.. กับภาพของ "ทนายคนสวย" อย่าง "อลินา มิรอง" (Alina Miron) ทนายความสาวลูกครึ่งโรมาเนีย-ฝรั่งเศส วัย 34 ปี ที่ได้กลายเป็นขวัญใจชาวไทยทั้งประเทศในชั่วข้ามคืน เนื่องจากฝากฝีไม้ลายมือบนเวที ศาลโลกไว้อย่างแยบคาย โดย "มิรอง" ได้หยิบยกเอา ข้อด้อยของกัมพูชามาบดขยี้บนชั้นศาล จับประเด็นไปที่เรื่องเขตแดนและแผนที่ได้อย่างชัดเจนราวตาเห็น

"มิรอง" ได้งัดหลักฐานเด็ดในเรื่อง "แผนที่ใหญ่" มาหักล้าง "ข้อมูล" ทางแผนที่ของฝ่ายกัมพูชาจนแทบจะไปไม่เป็น เพราะเอาเข้าจริงถ้าใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ไม่อาจใช้ได้จริงตามสภาพทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่

เหนืออื่นใด ถ้านำมาใช้จริงก็จะทำให้กัมพูชาต้องเสีย พื้นที่ราบเพิ่มไปอีก!!

ประเด็นที่ว่านี้จึงกลายเป็น "อาวุธลับ" ของฝ่ายไทย ที่อาจมีผลต่อการแพ้ชนะคดีเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะการที่ "ทนายมิรอง" สามารถงัดข้อมูลทางกฎหมายเพื่อต่อสู้กับข้อมูลฝ่ายกัมพูชาได้เป็นอย่างดี พร้อมแก้เหลี่ยมคูทางฝ่ายกัมพูชาที่ "ซ่อนเล่ห์" เอาไว้ในแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 โดยหวังจะเป็น "หมัดเด็ด" น็อกฝ่ายไทยให้ง่อยเปลี้ยเสียขาในเวทีโลก

ตามที่ "ฮอร์ นัมฮง" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ที่ออกลูกนักเลงแขมร์ ขู่ทั้งผู้พิพากษาศาลโลก ขู่ทั้งคนไทยและประเทศไทยกลางศาล

"ถ้าศาลไม่ตีความข้อบทปฏิบัติการของคำพิพากษาในปี 2505 เชื่อว่าจะมีผลตามมา ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติใน 2 ประเทศ เพราะทั้งสองฝ่ายมีข้อขัดแย้งกันต่อคำพิพากษาในปี 2505"

แปลความถึงสิ่งที่ "ฮอร์ นัมฮง" พยายามสื่อไว้อย่างชัดเจนว่า...ด้วยแผนที่ 1 : 200,000 ทำให้กัมพูชาได้ปราสาทพระวิหารมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงมั่นใจด้วยแผนที่ "ภาคผนวก 1" ที่ว่านี้จะทำให้กัมพูชาชนะในศึกตีความ จึงย้ำหัวตะปูให้ศาลโลกต้องเอาแผนที่ของเขามาเป็นกรอบในการตีความ!

เช่นที่ว่านี้...เพื่อชี้ให้เห็นถึง "ความเป็นจริง" ทางฝ่ายไทยจึงจัดทำบิ๊กแมป หรือ map 85 d นำมาแสดงให้ศาลโลกเห็นว่า...แต่ละเส้นด้านภูมิศาสตร์พื้นที่เป็นจริง ไม่ว่าสันปันน้ำ เส้นพิกัด โดยเทียบกับเส้นใน "บิ๊กแมป" อันเป็นสภาพจริงของพื้นที่ ตามที่สถาบัน "ไอทีซี" จัดทำด้วยวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ และทางภูมิศาสตร์พื้นที่อันสำรวจสภาพเป็นจริงแล้ว ผลก็คือ "แผนที่ 1 : 200,000" ที่ฝ่ายกัมพูชายกขึ้นมาอ้างอิงนั้น มีความผิดพลาด และเป็นแผนที่ซึ่งขีดเส้นเอาเองตาม "จินตนาการ" โดยไม่มีความเป็นจริงทางสภาพภูมิประเทศจริง ทั้งไม่มีความเป็นไปได้ทางปฏิบัติ แถมยังมีอยู่หลายฉบับ ซึ่งแสดงรายละเอียดที่ไม่ตรงกัน

ถือเป็นการแก้เกมจากที่ "ประเทศไทย" เคยเสียเปรียบกัมพูชา..ให้พลิกกับมา "เป็นต่อ" ก็นับว่าเป็นความเก่งกาจของทีมทนายความฝ่ายไทย กระทั่งสามารถปลุก กระแสความชื่นชมไปทั่วทุกหัวระแหง...!!!

แม้ "ทนายมิรอง" จะไม่มีสายเลือดความเป็นไทยอยู่เลย แต่เมื่อได้รับมอบหมายจาก "หัวหน้าคณะกฎหมายของฝ่ายไทย" ให้เธอแถลงด้วยวาจาในประเด็นของแผนที่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการต่อสู้ของฝ่ายไทย ที่ใช้เวลานำเสนอเพียงไม่กี่นาทีต่อหน้าศาลโลก แต่ "มิรอง" ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ และได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ทั้งที่เธอไม่ใช่คนไทย...แต่ทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะข้อมูลที่ได้เตรียมพร้อมมานานกว่า 3 ปี

ซึ่งการนำเสนอของ "มิรอง" นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและการอธิบายอย่างเป็นขั้นเป็นตอน กอปรกับการ ใช้เทคนิคภาพแผนที่ในเรื่องเขตแดนออกมา "หักล้าง" คำกล่าวอ้างของฝ่ายกัมพูชาได้ในท่วงท่าและลีลาแบบไม่เกรงกลัว ด้วยวาจาเด็ดขาด มีหลักของเหตุผลและข้อเท็จ จริงอย่างลึกซึ้ง

"มิรอง" ยังสามารถชี้ให้เห็นถึงปัญหาของกัมพูชาในเรื่องการ "กำหนดเส้นเขตแดน" ในแผนที่ "ภาคผนวก 1" ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปมา และแผนที่ดังกล่าว "ขัดต่อหลักภูมิศาสตร์" ไม่สามารถถ่ายทอดลงแผนที่ในโลกปัจจุบันได้ และแผนที่ภาคผนวก 1 ที่กัมพูชาอ้างถึงนั้น ไม่ได้มีแค่ฉบับเดียว

แต่ทีมสู้คดีฝ่ายไทยพบถึง 6 ฉบับ ทำให้แผนที่นี้ "ขาดความน่าเชื่อถือ" และยังขาดความแม่นยำทางเทคนิคด้วย!!

"แม้ว่าจะมีความชัดเจนเรื่องปราสาท แต่แผนที่ภาคผนวก 1 ไม่สามารถปฏิเสธว่ากัมพูชามีสิทธิเหนือพื้นที่อื่นๆ จึงคิดว่าแผนที่นี้มีคุณค่าในการพิสูจน์ แต่จะใช้ กำหนดเขตแดนหรือไม่เพราะไม่ชัดเจนเรื่องภูมิศาสตร์ ภูมิรัฐต่างๆ และแผนที่อีกฉบับที่ไทยได้ส่งเมื่อปี 1947 ซึ่ง เสนอต่อคณะกรรมการประนีประนอมที่ให้ความสนใจในที่ตั้งของปราสาทพระวิหาร และมีความคล้ายกันทั้งหมด ที่แสดงให้เห็นว่าปราสาทตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเขตแดน จึงสามารถสรุปได้ว่าแผนที่ภาคผนวก 1 ไม่สามารถใช้เป็น ตราสารที่แยกจากสนธิสัญญา 1904 เนื่องจากไม่มีความ แม่นยำทางเทคนิค จึงไม่สามารถนำแผนที่เก่าๆ มาใช้ใน การปักปันเขตแดน และควรใช้แผนที่ภาคผนวก 1 หลายๆ ฉบับมากกว่า..."

"การที่นายร็อดแมน บันดี ทนายชาวอเมริกันของฝ่ายกัมพูชา บอกว่าการมีหลายฉบับไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือแผนที่ที่กัมพูชาแนบมากับคำร้องเมื่อปี 1959 ซึ่งถือเป็นการด่วนสรุปเกินไปว่า แผนที่ที่ศาลใช้นั้นมีฉบับเดียว แต่ที่จริงศาลได้มีการเผยแพร่แผนที่ภาคผนวก 1 แล้วทำไมเอกสารที่ศาลนำมาเผยแพร่จึงมีความสำคัญ น้อยกว่า"

"อลินา มิรอง" อธิบายให้คนทั้งโลกเห็นว่า "กัมพูชา" ไม่ได้มีสิทธิ์ในพื้นที่บริเวณรอบปราสาทพระวิหารแม้กระผีกริ้น

สำหรับความเป็นมาของ "อลินา มิรอง" ถือเป็นผู้ช่วยของ "ศาสตราจารย์อแลง แปลเล่ต์" ทนายความชาวฝรั่งเศส ในฐานะอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยปารีส อิกซ์ นองแตร์ ภาควิชากฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายระหว่าง ประเทศและกฎหมายเกี่ยวกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

โดย "มิรอง" ได้ช่วยว่าความในหลายคดีด้วยกัน อาทิ ว่าความให้ประเทศญี่ปุ่น คดีล่าวาฬในมหาสมุทรแอน ตาร์กติก (ออสเตรเลีย ฟ้อง ญี่ปุ่น) ว่าความให้ประเทศนิการากัว คดีความเคลื่อนไหวละเมิดอธิปไตยบริเวณชายแดน (คอสตาริก้า ฟ้อง นิการากัว) ว่าความให้ประเทศกรีซ คดีความชอบธรรมเอกสารข้อมติรัฐบาลชั่วคราว ปี 1995 (มาเซโดเนีย ฟ้อง กรีซ) ว่าความให้ประเทศรัสเซีย คดีความชอบธรรมพิธีสารว่าด้วยการยุติการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ (จอร์เจีย ฟ้อง รัสเซีย) เป็นต้น

"อาลินา มิรอง" เป็นอาจารย์และนักวิจัยทางด้านกฎหมายที่มีความสามารถล้นตัว จบปริญญาตรีจากคณะ นิติศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 และจบกฎหมายระหว่าง ประเทศแผนกคดีเมือง เกียรตินิยมอันดับ 2 มหาวิทยาลัย เด ซิออง โซซิอัล และกำลังศึกษาปริญญาเอก หลักสูตร กฎหมายมหาชน มหาวิทยาลัยปารีส อูเวสต์ นองแตร์ ลา เดอฟองซ์

นอกจากความสามารถด้านภาษาที่มีความถนัดทั้งภาษาบ้านเกิดอย่างภาษาโรมาเนีย ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ที่สามารถพูดได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงภาษาอิตาลี สเปนและโปรตุเกสก็สามารถสื่อสารได้เช่นเดียวกัน

ไม่ว่าเธอจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม แต่ "อลินา มิรอง" ถือว่าเข้ามา "จุดประกายความหวัง" ให้แก่คนไทยในการทวงสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อน หรือที่เปลี่ยนการเรียกไปเป็น "ดินแดนประเทศไทยที่ถูกเขมรอ้างสิทธิ์" ให้กลับคืนมาอีกครั้ง?!!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ