นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BKI หรือ บมจ. กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจปีหน้า (2567) เรามองว่าจะมีความท้าทายมากมาย เพราะจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกด้วยที่ความเปราะบางค่อนข้างสูง จากสถานการณ์หลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ สงคราม เป็นต้น และเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเองก็มีความท้าทายมากเช่นกัน จากความเริ่มไม่แน่นอนของทางรัฐบาลจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่และ ในเรื่องของนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่เช่นกัน ซึ่งส่งผลถึงความไม่แน่นอนเกิดขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนค่อนข้างไม่มั่นใจและจะหยุดชะงัก หรือหายไปทันที
ทั้งนี้ ในส่วนของกรุงเทพประกันภัยปี 2566 นี้ บริษัทคาดมีเบี้ยรับรวม 3 หมื่นลบ. รวมถึงมีกำไรมากกว่า 3 พันลบ. สำหรับทิศทางในปีหน้า 2567 ตั้งเป้าเบี้ยรับรวม โตต่อเนื่องที่ 8% หรือราว 3.25 หมื่นลบ. ซึ่งผลประกอบการที่ตั้งเป้าไว้ในทุกปีนั้นบริษัทจะดำเนินไปตามแนวทางปรัชญาธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ยึดมั่นมาตลอดระยะเวลากว่า 76 ปี ภายใต้กลยุทธ์ทางธุรกิจบนพื้นฐานของการกำกับดูเเลกิจการที่ดี โปร่งใสและเป็นธรรม ปรับตัวให้เท่าทันทุกสถานการณ์และบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย เหมาะสมกับความเสี่ยงและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ ยกระดับคุณภาพการบริการและเพิ่มการเข้าถึงในทุกช่องทาง สร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเเละสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยความแข็งแกร่งด้านเงินทุน เงินกองทุน และสินทรัพย์ที่มั่นคง โดยมุ่งมั่นสร้างประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น เเละผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระแสตลาดรถยนต์ EV จะการเติบโตอย่างมากในปีนี้และคาดว่าจะเติบโตไปอีกจนถึงปีหน้า 2567 จนส่งผลให้ ภาพรวมประกันภัยรถยนต์ EV มีการปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความนิยมของคนไทย การส่งเสริมจากภาครัฐ รวมถึงการเข้ามาเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ EV ในไทย จึงเป็นโอกาสที่หลายบริษัทลงมาเล่นในตลาดนี้ ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาเบี้ยประกัน ซึ่งในอนาคตอาจส่งผลให้อัตรา Loss Ratio ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการขาดทุนจากการรับประกันรถยนต์ EV ส่วนทางกรุงเทพประกันเองนั้น เราก็เข้าร่วมในการเข้าทำตลาดนี้เช่นกันแต่ทว่า ไม่ได้เข้าไปลงเล่นอย่างหนัก เพราะเรามองเห็นว่าตลาดรถยนต์ EV มีความเปราะบางในกลุ่มภาคส่วนธุรกิจประกันภัย เพราะยิ่งมีการแข่งขันเบี้ยประกัน EV ดุเดือด มาก เสี่ยงต่อการขาดทุนในอนาคต และไม่เป็นผลดีในระยะยาวกับผลประกอบการของบริษัท
ผู้บริหาร กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนพอร์ตลงทุนมีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5-3% แม้จะประสบปัญหาจากการที่หุ้นไทยปรับตัวลง เงินทุนไหลออก ทำให้บริษัทมีการขายหุ้นใน SET ออกไปบางส่วนเพื่อทำกำไร และปรับพอร์ตด้วยการย้ายเงินฝากราว 3 พันลบ. ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพื่อรับดอกเบี้ยที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้เงินฝากคงเหลือไว้ที่ 6 พันลบ. และคาดปี 67 ผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ในระดับเดียวกันกับปีนี้
