รุกฆาต รธน. สงครามแดนอำนาจ "ตุลาการ-นิติบัญญัติ"

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

รุกฆาต รธน. สงครามแดนอำนาจ


ผลแห่งวิกฤติรัฐธรรมนูญ ปลุกเร้าให้บรรยากาศทางการเมืองเดือดปุด ตามรหัสเดิมที่ "ฝ่ายนิติบัญญัติ" เดินลุย ถั่ว..แย้งอำนาจแห่ง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ที่ไปรับคำร้อง "40 ส.ว.ลากตั้ง" ตีความ ข้อกฎหมาย "มาตรา 68" ในมิติล้มล้าง การปกครอง

คล้ายเจตนา "ไม่ต้องการ" ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเด็ดขาด!!!

เป็นเหตุให้ ส.ส. และ ส.ว.ที่ลงชื่อสนับสนุนร่วมแก้ไขร่างดังกล่าว มีแนวโน้ม ว่าจะโดน "ยาดำตุลาการ" สั่งยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี

ด้วยอารมณ์ที่...ไม่อยู่กับร่องกับรอย ของ "ตลก.รธน." การเคลื่อนไหวต่อต้าน "ไม่ยอมรับอำนาจศาล" จึงก่อตัวขึ้นในหลายองคาพยพ ทั้งที่การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 "ศาลรัฐธรรมนูญ" เคยมีข้อเสนอแนะให้ "รัฐสภา" แก้ไขเป็นรายมาตรา แทนการแก้หมดทั้งฉบับ

เป็นไปตามรหัสเดิมที่ "ขุนค้อน" สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทน ราษฎร และ "นิคม ไวยรัชพานิช" ประธานวุฒิสภา ผนึกแนวรบ ส.ส. และ ส.ว. รวม 312 คน เปิดเกมรุกฆาต! "ศาลรัฐธรรมนูญ" ในเงื่อนไขจี้ให้ทบทวน "กรอบอำนาจศาล" ที่ไปก้าวล่วง "อำนาจแห่งนิติบัญญัติ"

"อารยะขัดขืน" ของเหล่าผู้แทนเสียงข้างมากในรัฐสภา ยังถือเป็น "ปรากฏการณ์ทางการเมือง" ที่น่าสนใจยิ่ง เพราะมิใช่แค่การปะทะกัน "ทางความคิด" หรือใน "ทางกฎหมาย" ที่แปลกแยกไปเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดปะทะใน "ขอบเขตอำนาจ" ระหว่าง "รัฐสภา" กับ "ศาลรัฐธรรมนูญ" โดยตรง!

สำหรับสาระสำคัญใน "แถลงการณ์ร่วม" ก็สรุปได้พอสังเขปว่า "ฝ่ายนิติบัญญัติ" ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และปฏิเสธที่จะเข้าชี้แจง "ข้อกล่าวหา" ภายใน 15 วันตามที่ "ตลก. รธน." กำหนด พร้อมระบุ 5 เจตนารมณ์ไว้อย่างแข็งกร้าว..

1."ศาลรัฐธรรมนูญ" ย่อมต้องผูกพันและปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ การรับคำร้องโดยไม่มีบทบัญญัติให้อำนาจไว้ ย่อมเป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3, 97 และ 291

2.การจะรับคำร้องไว้พิจารณาตาม "มาตรา 68" ต้องเสนอเรื่องไปยัง "อัยการสูงสุด" ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

3.การรับคำร้องในกรณีมาตรา 68 ขาดมาตรฐาน ยากจะยอมรับและปฏิบัติตาม

4.และการที่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งประกอบด้วยตุลาการ 9 คน แต่มีตุลาการ ติดภารกิจไปต่างประเทศ 4 คน จึงเหลือตุลาการปฏิบัติหน้าที่เพียง 5 คน เป็นการ เร่งรีบประชุมต่างจากกรณีการไต่สวนคำร้อง "ม็อบแช่แข็ง" ของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่รอตุลาการมาจนครบ

5.การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มเติม "เป็นอำนาจของรัฐสภา" ตามมาตรา 291 องค์กรอื่นใดไม่มีอำนาจสั่งห้ามหรือระงับ

กล่าวโดยสรุป คือ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ไม่มีอำนาจสั่งรัฐสภาให้หยุดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการแทรกแซงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติโดยตรง ซึ่งจะมีผลในการทำลายรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย "ล่อแหลม" ต่อการ กระทำขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง?!!

ทางด้าน "โภคิน พลกุล" อดีตประธานรัฐสภา และประธานคณะทำงาน พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 291 ระบุว่า "..เนื้อหาจดหมายเปิดผนึกของพรรคเพื่อไทยจะบอกให้สาธารณชนเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญก้าวล่วงอำนาจรัฐสภา การรับเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้วินิจฉัยถือว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากถ้าเป็นกระบวนการตรวจสอบการตรากฎหมาย รัฐธรรมนูญระบุข้อห้ามไว้ 2 แบบ คือ ห้ามยกร่างรัฐธรรมนูญเปลี่ยนรูปแบบของรัฐกับเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่เข้าตามมาตรา 68Ž...!!!

ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ยังดูเหมือนว่า ปฏิบัติการเคลื่อนไหวกดดัน "ตลก.รธน." เป็นไปอย่างครึกโครม! ซึ่งการเปิดเกม "เชิงสัญลักษณ์" กระตุกกระแส "ต้าน" ก็ส่อเค้า "ยกระดับความแรง" ขึ้นไปทุก ขณะ โดยที่ ส.ส.-ส.ว.ข้างรัฐบาลและแนวร่วม ต่างเล็งใช้กลยุทธ์ "ล้อมกรอบศาล" ในคราวเดียวกัน

ทั้ง "ฝ่ายนิติบัญญัติ" และ "พรรคเพื่อไทย" ที่ย้ำหัวตะปูเรื่องการใช้อำนาจเกินขอบเขต ล้อไปกับการรุกไล่ของ "คนเสื้อแดง" ที่ยกขบวนไป "ปิดล้อมศาล" หมายกดดันให้ "ตุลาการทั้ง 9 คน" ยุติการทำหน้าที่โดยเด็ดขาด

เหตุปัจจัยที่ "คนเสื้อแดง" มองเห็นและรู้สึกว่า "ตลก.รธน." ชุดที่มี "วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์" เป็นประธาน ไม่สมควรทำหน้าที่ต่อไป ถึงขั้นมีการก่อม็อบเพื่อ "โค่นล้ม" ล้วนสัมพันธ์กับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างมิอาจปฏิเสธได้ เพราะในมุมของนักเคลื่อนไหว "ฝ่ายเสื้อแดง" ย่อมมองว่า "ตลก.รธน." กลายเป็นอุปสรรค ที่สำคัญยิ่งในการเดินหน้า "แก้ไข รัฐธรรมนูญ" ไม่ว่าจะแก้ไขทั้งฉบับ หรือเป็นรายมาตรา

ที่สำคัญเหนืออื่นใด บทบาทและการ วินิจฉัยเพิ่มอำนาจแห่งศาลรัฐธรรมนูญ ยังเป็นไปในทางที่ก้าวก่าย และแทรกแซง การทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งแนวคิดของ "คนเสื้อแดง" ล้วนอยู่บน "รากฐานความเชื่อ" ที่ว่า...เมื่อเสียงส่วนใหญ่ตัดสินแล้ว ย่อมมีความชอบธรรม?!!

นี่อาจเป็นเพียง "ยกแรก" ของปฏิบัติการล้มศาล!! ที่กระเพื่อมมาพร้อมกันทั้ง "ในสภา" และ "นอกสภา" เพื่อเป็น "กับแกล้ม..เรียกน้ำย่อย" ก่อนที่คิวถัดไปจะเริ่มแพร่ขยาย รุกคืบเป็น "ดาวกระจาย" ลงไปตามพื้นที่ยุทธศาสตร์สีแดงทั่วประเทศ

ตามประสา "คอการเมือง" ประเมินได้ 2 ทาง คือยึดแนวทางขัดขืน โดยการ "ไม่ยอมรับอำนาจศาล" อาจเป็นความจงใจที่จะก่อ "พายุลูกใหญ่" ให้พัดถล่ม "องค์กรอิสระ" อย่างเป็นจริงเป็นจัง!

แต่ในอีกด้านหนึ่ง อาจเป็นแค่ "เครื่องมือ" วัดแรงสั่นสะเทือน! ประเมินปฏิกิริยาโต้กลับจาก "ฝ่ายตรงข้าม" ที่เหนือขึ้นไปกว่าการรุกคืบของ "ฝ่ายต้าน" ในสภาหรือการขับเคลื่อนด้านมวลชนภายใต้ธงทิว "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" เพราะทุกองคาพยพใน "ปรปักษ์รัฐบาล" ย่อมทำทุกทางเพื่อ "หักโค่น" แนวทางสถาปนา "รัฐธรรมนูญใหม่"

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวิเคราะห์ถึง "ทางออก" จากปมขัดแย้งในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีความเป็นไปได้ว่า "ศาลรัฐธรรมนูญ" จะมีคำวินิจฉัยออกมาในธงที่ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตรา สามารถเดินหน้าต่อไปได้ในวาระ 2 และ 3 ซึ่งทางเลือกนี้จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย ไปในทิศทางที่ "ไม่เป็นผลเสียหาย" ต่อศาลรัฐธรรมนูญเอง

แต่หากว่า "ผลวินิจฉัย" ถูกเคาะ! ในทางตรงกันข้าม มันย่อมทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไม่ได้ หรือ เลวร้ายถึงขั้นเกิดเป็น "สภาส้วมซึม" โดยที่ ส.ส. และ ส.ว. ต้องรับชะตากรรม ถูกยุบพรรค หรือตัดสิทธิทางการเมืองเกินครึ่งสภา

นั่นย่อมทำให้สงครามแดนอำนาจรอบใหม่ ปะทุขึ้นมาในรหัสที่คุโชนยิ่งไป กว่าเดิม?!!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ