“PTG” ลุยไม่ยั้งดันกาแฟพันธุ์ไทยเต็มเหนี่ยว เพิ่มไลน์สินค้าสู่เซกเมนท์กาแฟในบ้าน ‘ดริป & แคปซูล’ พร้อมสยายปีกผุดสาขาคลุม 828 อำเภอ สู้ศึกตลาดกาแฟในไทย 6 หมื่นล้าน หวังปาดขึ้นเบอร์ 2 ร้านกาแฟแบรนด์ระดับแมสในไทย

วันอาทิตย์ที่ 03 ธันวาคม พ.ศ. 2566

“PTG” ลุยไม่ยั้งดันกาแฟพันธุ์ไทยเต็มเหนี่ยว เพิ่มไลน์สินค้าสู่เซกเมนท์กาแฟในบ้าน ‘ดริป & แคปซูล’ พร้อมสยายปีกผุดสาขาคลุม 828 อำเภอ สู้ศึกตลาดกาแฟในไทย 6 หมื่นล้าน หวังปาดขึ้นเบอร์ 2 ร้านกาแฟแบรนด์ระดับแมสในไทย


พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ (PTG) เจ้าของปั๊มพีทีและแบรนด์ร้านกาแฟพันธุ์ไทย กล่าวว่า จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ‘ดีพร้อม’ เผยข้อมูลปัจจุบันไทยบริโภคกาแฟในประเทศสูงถึง 70,000 ตันต่อปี ขณะที่ไทยผลิตได้เองเพียง 10,000 ตันต่อปี ที่เหลือนำเข้าทั้งหมด อีกทั้งจากการศึกษาข้อมูลตลาดกาแฟโลกคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดกาแฟในช่วงปี 2564 - 2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ให้เห็นว่าโอกาสเติบโตของกาแฟไทยยังมีอีกมาก

สำหรับตลาดกาแฟในประเทศไทยมีมูลค่าราว 6 หมื่น กว่าล้านบาท ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเซกเมนท์กาแฟนอกบ้าน (Out of Home Coffee) ยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ถึง 45% เพราะกาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในทุกช่วงวัย ในขณะที่ Gen Z ก็หันมาดื่มกาแฟเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันเนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้ดื่ม ‘กาแฟนอกบ้าน’ อย่างเดียวอีกต่อไป เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังการระบาดของโควิด-19 ที่มักใช้ชีวิตและเคยชินกับการทำกิจกรรมต่างๆ ที่บ้าน รวมถึงนิยมสัมผัสประสบการณ์การดื่มและชงกาแฟดื่มเองในบ้านด้วยเมล็ดกาแฟที่ตนชื่นชอบ ส่งผลใหเซกเมนท์กาแฟในบ้านหรือ Home Coffee เติบโตไม่แพ้กาแฟนอกบ้านถึง 12% และยังมีโอกาสเติบโตต่อไปอีกมาก

ทั้งนี้ กาแฟพันธุ์ไทยมองเห็นโอกาสดังกล่าวจึงได้ เราจึงได้พัฒนาโปรดักต์ในตลาด Home Coffee มาโดยตลอด อาทิ ‘กาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์’ กาแฟพิเศษ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ลูกค้าได้ลิ้มลองทั้งเมนู‘นัตตี้ สเปเชียล เบลนด์’ กาแฟคั่วกลาง กลิ่นและรสชาติออกแนวดาร์คโกโก้มีความเป็นช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ปลายๆ ‘ฟรุตตี้ สเปเชียล เบลนด์’ ให้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ออกหวานปลายๆ กลิ่นหอมละมุน โดยกาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์ นี้ได้นำร่องให้บริการใน 80 สาขา

ล่าสุด เราได้เปิดตัว ‘9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย’ ที่ชูจุดแข็งวัตถุดิบท้องถิ่นสนับสนุนเกษตรกรไทยให้  ‘อยู่ดี มีสุข’ เลือก 9 รสชาติจาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนำระดับประเทศ แบบลิมิเต็ด อิดิชั่น โดยมีให้เลือกซื้อหรือสะสมทั้งหมด 2 แบบ 1. กาแฟดริปพันธุ์ไทย พรีเมียมเซต บรรจุกาแฟดริป 9 ซอง จาก 9 นักสร้างสรรค์ กาแฟ พร้อมกาดริปและแก้วกาแฟ  และ 2. กาแฟดริปพันธุ์ไทย บรรจุกาแฟดริป 9 ซอง จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ซึ่งจะวางจำหน่ายเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ตอนนี้ -  31 มกราคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

นอกจากการที่เราได้รุกขยายไปยังตลาดกินในบ้านหรือ Home Coffee ‘กาแฟดริป’ แล้วปีหน้าบริษัทเรามีแผนจะต่อยอดขยายตลาด Home Coffee ในรูปแบบกาแฟพรีเมียมอื่นๆ ต่อไป โดยจะออกโปรดักส์กาแฟแคปซูลและเครื่องทำกาแฟแคปซูลในราคาที่จับต้องได้ โดยคาดว่าจะโปรดักส์ลงสู่ตลาดได้ภายในไตรมาส 1 ปีหน้า และจะเป็นโปรดักส์ที่มีวางขายในร้านพันธุ์ไทย โดยเป็นโปรดักส์ที่จะวางขายอย่างต่อเนื่อง

ผู้บริหารใหญ่ กล่าวต่อว่า สำหรับในปีนี้ ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ สามารถขยายสาขาสู่ 1,000 สาขาสำเร็จ ก่อนภายในปีหน้าจะเพิ่มจำนวนสาขาอีก 800 สาขา ส่งผลให้ภายในปี 2567 จะมีสาขาทั้งหมดรวมเป็น 1,800 สาขา โดยทางบริษัทตั้งเป้าภายในปี 2571 จะขยายสาขาได้ทั่วประเทศเป็น 5,000 สาขา โดยเล็งจะเพิ่มจำนวนร้าน ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ออกมาเปิดนอกสถานีบริการหรือปั้มน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบอกได้เลยว่าในปีหน้า ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ จะมีสาขาใน 828 อำเภอทั่วไทย (จากทั้งหมด 878 อำเภอ) โดยปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ มีจำนวนสาขาทั้งหมด 756 สาขาและจะขยายบริการออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV ด้วย หลังจากตอนนี้มีสาขาในประเทศลาวแล้ว 5 สาขาจากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม โดย ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ วางแผนจะรักษาสัดส่วนร้านกาแฟภายใต้การบริหารของบริษัทให้มีสัดส่วนมากกว่าร้านกาแฟแฟรนไชส์ โดยปัจจุบันร้านกาแฟภายใต้การบริหารของบริษัทมีสัดส่วน 70% และแฟรนไชส์ 30% ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะขยับสัดส่วนร้านกาแฟภายใต้การบริหารงานของบริษัทเป็น 60% และร้านแฟรนไชส์ 40% และรักษาสัดส่วนนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อควบคุมคุณภาพรสชาติและการบริการ  

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ทำรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท เติบโต 80% จากปีที่ผ่านมา ถือว่าโตกว่าภาพรวมตลาดกาแฟประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 9.5% ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ คาดปิดปี 2566 จะสามารถทำยอดขายรวมกว่า 1,700 ล้านบาท ส่วนในปี 2567 ตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าในสิ้นปี

ปัจจุบันตลาดร้านกาแฟแบรนด์ระดับแมส (ราคาอยู่ที่ 50-70 บาท) ในประเทศไทยที่มีส่วนแบ่งในตลาดระดับต้น ๆ อยู่ 3 แบรนด์ คือ 1.อเมซอน 2.  อินทนิล และ 3. ก็คือแบรนด์พันธุ์ไทย ซึ่งถึงแม้ว่าขณะนี้เรายังไม่สามารถขึ้นเป็นแบรนด์ร้านกาแฟเบอร์ 1 ได้ แต่ตอนนี้เราขอแค่เป็นเบอร์ 1 ในใจผู้บริโภค ในการสร้างการจดจำในใจของผู้บริโภคได้สำเร็จ โดยมั่นใจว่า PT Max Card ยังคงเป็นจุดแข็งสำคัญของ ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ที่ทำให้แบรนด์ของเราสามารถขึ้นแซงมามีส่วนแบ่งในตลาดได้เป็นอันดับที่ 2 ได้ในปีหน้า

ด้าน ‘สุขวสา ภูชัชวนิชกุล’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัดกล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเมนูเครื่องดื่มจากวัตถุดิบท้องถิ่นหลากหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นเมนูเครื่องดื่มจากน้ำนมข้าวโพดไร่สุวรรณ น้ำตาลโตนด จังหวัดสงขลา ส้มมะปี๊ด ผลไม้ประจำท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรี สตรอเบอร์รี่ที่ปลูกในดอยสูง จังหวัดเชียงใหม่ มะม่วงเบาพันธุ์ใต้แท้ จังหวัดสงขลา และล่าสุดจากเมล็ดกาแฟของเกษตรกรชาวไทยที่คัดสรรจากแหล่งกำเนิดคุณภาพทั่วประเทศกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘กาแฟดริปพันธุ์ไทย’ มุ่งปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนลงบนผืนแผ่นดินไทย”

สำหรับ ‘9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย’ เป็นความตั้งใจของเราที่ต้องการรวบรวมและนำเสนอกาแฟคุณภาพที่ดีที่สุดจากแหล่งกำเนิดกาแฟคุณภาพทั่วประเทศ มาให้กับผู้บริโภคได้มีโอกาสดื่มด่ำกับกาแฟไทยระดับพรีเมียม โดยกาแฟทั้ง 9 รสชาติถูกรังสรรค์จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ผ่านขั้นตอนที่พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การปลูก การดูแลรักษาจนได้ต้นกาแฟที่มีผลเชอร์รี่สุกให้เก็บเกี่ยว การคัดเลือกสารกาแฟ การคั่วหาโปรไฟล์ที่ดีที่สุด Cupping กันหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ด้วยภาพวาดลายเส้นสีน้ำที่งดงามและดีต่อโลก เพราะเราใช้กระดาษรีไซเคิล 70% สามารถย่อยสลายได้ง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อนจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมให้คอกาแฟได้ลิ้มรสมนต์เสน่ห์ของกาแฟไทยจากเกษตรชาวไทยง่ายๆ ที่บ้าน นอกจากนี้เรายังพัฒนาแก้วเครื่องดื่มพันธุ์ไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัสดุที่ผลิตจากไบโอพลาสติก (Bioplastic หรือ Bio-Based Plastic) สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ด้วยส่วนประกอบของมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติ พร้อมสนับสนุนผลผลิตจากชุมชนและสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย เพื่อให้เครื่องดื่มทุกแก้วของพันธุ์ไทยปลอดภัย ดีต่อโลกและผู้บริโภคอย่างยั่งยืน

 

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ