คมนาคม ลงนามสัญญาเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับยกขนตู้สินค้าในท่าเรือ จากพลังงานดีเซลเป็นพลังงานไฟฟ้า

วันศุกร์ที่ 03 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

คมนาคม ลงนามสัญญาเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับยกขนตู้สินค้าในท่าเรือ จากพลังงานดีเซลเป็นพลังงานไฟฟ้า


วันนี้ (2 พ.ย.) นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญา เพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับยกขนตู้สินค้าไปท่าเรือ (RTG) จากพลังงานดีเซลเป็นพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ระหว่างบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด (LCMT) และบริษัท แซต พี เอ็ม ซี โคเรีย จำกัด (ZPMC Korea) พร้อมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีนายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพันธ์ นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย นาย Ole Lindholm กงสุลพาณิชย์ ตัวแทนจากเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย น.ส.ฐิติลักษณ์ คำพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายคอร์ สแปงจ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บ.แอลซีบีวัน ผู้แทนจากกรมเจ้าท่า ผู้บริหาร และพนักงานการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ท่าเรือแหลมฉบัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี ณ ท่าเรือแหลมฉบัง

นางมนพร เจริญศรี กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของประเทศไทยในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2573 ของสหประชาชาติ (UN) ในการประชุมระดับผู้นำ ณ สำนักงานใหญ่ UN เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 โดยประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะผลักดันความร่วมมือกับหุ้นส่วนความร่วมมือทุกระดับในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงบริการพลังงานสมัยใหม่และใช้นวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระทรวงฯ ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการขนส่งของประเทศได้ตอบรับนโยบายดังกล่าว ด้วยการสนับสนุนและให้ความสำคัญกับการผลักดันให้ภาคเอกชนที่อยู่ในกำกับดูแล ดำเนินธุรกิจด้วยการนำนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในท่าเรือ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน การที่บริษัท LCMT ผู้ประกอบการภาคเอกชน ซึ่งได้รับสัมปทานจาก กทท. ในการประกอบธุรกิจท่าเทียบเรือเดินทะเลระหว่างประเทศ ได้ริเริ่มนำนวัตกรรมมาปรับเปลี่ยนเครื่องมือเครื่องจักรที่ให้บริการในท่าเรือให้มาใช้พลังงานสะอาดแทนที่พลังงานจากฟอสซิล เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยสู่อากาศ ถือเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินธุรกิจอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมสู่การเป็นท่าเรือสีเขียวในอนาคตตามนโยบายของกระทรวงฯ และรัฐบาลไทย

สำหรับการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรหลักในการให้บริการท่าเทียบเรือระหว่างประเทศในท่าเทียบเรือเอ 0 ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) โดยบริษัท LCMT ร่วมกับบริษัท ZPMC Korea มีมูลค่าการลงทุนกว่า 145 ล้านบาท เมื่อการปรับปรุงแล้วเสร็จจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1.5 ล้านกิโลซีโอทูต่อปี และจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการรายอื่นได้ตระหนักถึงความสำคัญในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน และการดำเนินธุรกิจขนส่งทางน้ำอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาลไทย และตามเป้าหมายของ UN ต่อไป

ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของ ทลฉ. ระยะที่ 3 ส่วนที่ 1 โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operation) การพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) และเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของ บริษัท ฮัทชิสิน เทอร์มินัล โดยได้สั่งการให้ กทท. เร่งแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดภายในท่าเรือ ซึ่งเบื้องต้น กทท. ได้จัดทำและใช้งานระบบ TRUCK QUE ที่มีการจองคิวของรถบรรทุกเพื่อจัดคิวรถบรรทุกให้มีความสอดคล้องกับตารางของสายเดินเรือ เพื่อให้รถบรรทุกที่เข้ามารับ - ส่งตู้สินค้า ประหยัดเวลา และลดปัญหาการจราจรติดขัดภายในบริเวณท่าเรือ โดย กทท. จะร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ในการพัฒนาท่าเรือให้เป็น SMART CITY ซึ่งจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น เช่น บริการโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน เป็นต้น



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ