Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ยังไงก็ต้อง "ปฏิรูปประชาธิปัตย์"
ยังไงก็ต้อง "ปฏิรูปประชาธิปัตย์"
วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
Tweet
พรรคประชาธิปัตย์อาจเฉยเมย ไม่แยแสต่อความคิดเสนอปฏิรูปพรรคของคุณพิชัย รัตตกุล แล้วแอบใช้กลยุทธ์ "แทงข้างหลัง" สมาชิกอย่าง คุณอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคถูกใส่ร้ายหรือส่งสมุนชั้นปากปลาร้า ไปกล่าวหาว่าคุณอลงกรณ์คิดกบฏต่อพรรคก็ได้
ประวัติศาสตร์เหล่านี้เคยเกิดมาบ่อยภายใต้สังขารพรรคเก่าแก่ที่มีอายุขัยนานมากว่า 65 ปี ที่เริ่มมาตั้งแต่ยุค ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เลขาธิการพรรคคนแรกเคยเบื่อหน่ายการบริหารพรรคของคนยุคนั้น ก็จึงได้ออกมาตั้งพรรคกิจสังคม โดยมีแกนนำพรรคหลายคนถอนตัวออกมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นคุณใหญ่ ศวิตชาตหรือคุณบุญเท่ง ทองสวัสดิ์
ในสายตาคนประชาธิปัตย์ตั้งแต่ยุคนั้น ใครออกจากพรรคมักถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเลวมาแล้ว ฉะนั้นยุคต่อๆ มา คนที่ออกจากประชาธิปัตย์จึงเป็นคนเลวในสายตาคนของพรรคเรื่อยมา...ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นวัฒนธรรมที่ซึมลึกของพรรคนี้มาได้ยังไง
บางห้วงเวลาก็มีบางคนถอนตัวออกมา แล้วกลับเข้าไปอีก กลายเป็นคนสุกๆ ดิบๆ ของพรรคนี้ที่ไม่รู้ว่าเขาพิจารณาคนโดยใช้อะไรเป็นบรรทัดฐาน
นี่ยังไม่รวมคนจากพรรคอื่นที่พรรคประชาธิปัตย์เคยตำหนิว่าเขาไม่ดี แต่พอเขาเข้ามาร่วมพงษ์ไพบูลย์กับประชาธิปัตย์ คนคนนั้นก็ถูก "ฟอกตัว" ด้วยเครื่องซักฟอกชนิดไหนไม่รู้ จนเขาเสมือนปิดทองเหลืองอร่ามกลายเป็นคนดีไปเสียฉิบ
นี่คือตัวอย่างอีกกรณีหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องนำกลับไปคิดว่า อยู่ในหมวดการปฏิรูปด้วยหรือไม่...หรือว่าควรปล่อยให้เป็นไปตาม "ขี้ปาก" ของคนในพรรคคิดจะพูดให้ "มันปาก" ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็น "วัฒนธรรมประจำพรรค" ไปโดยไม่รู้ตัว
คุณอลงกรณ์กล่าวว่า การปฏิรูปไม่ได้หมายความว่า จะสำเร็จหรือไร้ปัญหา ไปทุกโครงการ แต่เมื่อเกิดปัญหาและมีจุดอ่อน ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข...ประเด็นนี้ผมเห็นด้วย โดยเฉพาะท่าทีของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดวิธีการ "พูดซ้ำซาก" ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันผสมไปด้วยถ้อยคำอำพรางบิดเบือนหรือใส่ร้ายมากกว่าข้อเท็จจริง
ยิ่งประชาธิปัตย์มีจุดยืนต่อสู้เผด็จการทหารมาตลอด แล้วเห็นชัดว่า ปฏิวัติ หลังสุดได้แสดงอาการ "เป็นใจ" ให้เผด็จการที่สายตาประชาชนก็เห็นชัดว่า ไม่ควร "ผสมโรง" เหมือนเข้าข้างอย่างน่าเกลียด หรือ ไม่ยอมรับ "ประชาธิปไตยเสียงข้างมาก" แล้วไปกล่าวหาว่าเป็น "เผด็จการเสียงข้างมาก"
ก็ต้องย้อนกลับมาคิดด้วยว่าแล้วมันต่างกับ "เผด็จการเสียงข้างน้อย" หรือไม่
อย่าลืมว่า โอกาสของคะแนน "เผด็จการข้างน้อย" เคยเอารัดเอาเปรียบพรรคอื่นถึงขนาดมีกองทัพที่อบอวลไปด้วยเผด็จการทั้งประเทศสนับสนุนทั้งบนดินใต้ดิน ก็ยังเลือกตั้งพ่ายแพ้พรรคเพื่อไทยมาอย่างหลุดลุ่ยแล้ว...มันก็บันทึกเป็นประวัติศาสตร์อย่างขายหน้า จน "เข้าตาประชาชน" มาชัดเจนมากพอแล้ว
โครงสร้างการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดเอาแกนนำเป็นศูนย์อำนาจและไปก้าวก่ายอำนาจสมาชิกพรรค จนแม้พรรคมีสาขาพรรคมากถึง 195 สาขา แต่ไร้บทบาทหรือไม่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์กลางใหญ่ในเมืองหลวง...แล้วจะมีสาขาพรรคเอาไว้ทำพระแสงของ้าวอะไร
มันเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปี จนเดี๋ยวนี้ผู้บริหารพรรคก็ยัง "ตัดหางปล่อยวัด" ไม่ยี่หระสนใจไยดีให้มีกิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตยเหมือนเดิม
นี่คือหัวใจหลักของทุกพรรคการเมือง ที่บริหารโครงสร้างแบบ "ตุ๊กตาสาขาพรรค" เหมือนพวก "นอกสายตา" และบริหารแบบ "ขอไปที" ขอให้เป็นไปตามกติกาโครงสร้างพรรคการเมืองเท่านั้น
อยากจะบอกว่า เสียแรงที่ประชาธิปัตย์มีอายุยาวมาถึง 65 ปี แต่แล้วก็ไม่พ้นวังวน "ยึดศูนย์กลางบริหารพรรค" มากกว่าการกระจายอำนาจไปให้สมาชิกทั่วประเทศรู้สึกว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นของประชาชน
ผิดหลักการ "พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค" อันเป็นระบอบที่ยินยอมให้สมาชิกเป็นใหญ่
ถ้าสมาชิกไม่มีสิทธิ์มีเสียงภายในพรรค เสียงร้องของสมาชิกไม่ต่างกับเสียง นกเสียงกา ก็ไม่อาจพูดได้ว่า ประชาชนเป็นใหญ่ได้...ประชาชนหรือสมาชิกมีอำนาจ มากก็เฉพาะช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นเลือกตั้งภายในพรรคหรือเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน
คนสำคัญในพรรค มันก็ใหญ่เฉพาะคนอยู่ส่วนบนของพรรคเท่านั้น ถ้าคิดผิด พูดผิดมันจะหนักหนาสาหัสทั้งพรรค ยิ่งประเมินตัวเองผิดก็ต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะแก้ได้
เห็นมั้ยว่า ยิ่งวิเคราะห์พรรคใหญ่และเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ ก็ยิ่งต้องปฏิรูปไม่เพียงโครงสร้าง การบริหารจัดการและวัฒนธรรมองค์กรเท่านั้น
แต่มันต้องปฏิรูปหลักคิด และการพูดที่ถูกครรลองประชาธิปไตย (ไม่ใช่ถูกแบบศรีธนญชัย) รวมทั้งรู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างถูกทางด้วย
ไม่ใช่คิดแต่อยากไขว่คว้าหาอำนาจโดยไม่เลือกว่า มันจะ "เข้าทางเผด็จการ" หรือไม่?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ