“เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” สลัด ‘ป๊อปสตาร์’ สู่แบรนด์ “POPCORN MAJOR” ลงช่องทางรีเทล รุกตลาดสแน็ค 4.4 หมื่น ลบ.

วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2566

“เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์”  สลัด ‘ป๊อปสตาร์’ สู่แบรนด์ “POPCORN MAJOR” ลงช่องทางรีเทล รุกตลาดสแน็ค 4.4 หมื่น ลบ.


นายวิศรุต พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คงเป็นที่ทราบกันว่าภายหลังจากที่ธุรกิจโรงภาพยนต์ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด ส่งผลให้ในช่วงนั้นทางเมเจอร์ต้องมีการปรับตัวทางธุรกิจโดยได้ทำการนำป๊อปคอร์นออกมาจำหน่ายนอกโรงหนัง และสร้างการเติบโตอย่างดี โดยปัจจุบันยอดขายป๊อปคอร์นของเมเจอร์จากหน้าโรงและดิลิเวอรี่รวมกัน เฉลี่ยอยู่ที่ 30 ล้านบาทต่อเดือน ถือเป็นเบอร์ 1 ในช่องทางนี้ และเรายังได้สร้างแบรนด์ “ป๊อปสตาร์” ที่เป็นป๊อปคอร์นที่เราได้ทดลองไปทำตลาดในช่องทางรีเทลควบคู่ไปด้วย  แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก อันเนื่องมาจากเรามองว่า “ป๊อปสตาร์” สินค้าขนาด 40 กรัม เราวางขายในราคา 35 บาท และแบรนด์อาจจะไม่สามารถสื่อสารให้ผู้บริโภคทราบว่าเป็นป๊อปคอร์นของเมเจอร์ และราคาอาจจะแพงไปสำหรับตลาดแมส

ดังนั้น บริษัทจึงได้หันมาศึกษาวางแผนการทำตลาดกันใหม่เพื่อรุกตลาดขนมขบเคี้ยว (สแน็ค) ที่ปัจจุบันตลาดสแน็คมีมูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นหมวดหมู่มันฝรั่งใหญ่สุดสัดส่วนกว่า 40% ขนมขึ้นรูป 30% และถั่ว 10% ที่เหลือ 20% เป็นหมวดอื่น เช่น สาหร่าย ปลาเส้น ธัญพืชต่างๆ เป็นต้น ขณะที่ตลาดป๊อปคอร์นมีมูลค่าราว 400-500 ล้านบาท หรือไม่ถึง 5% และมีผู้เล่นเพียงรายเดียว (แบรนด์โตโร-TORO) ที่ยังคงอยู่ในตลาดรีเทลและร้านสะดวกซื้ออยู่  ซึ่งตลาดนี้เรามองว่ายังมีโอกาสอยู่มาก

ล่าสุด เราจึงได้รีแบรนด์ป๊อปสตาร์ มาป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของธุรกิจป๊อปคอร์นในแบรนด์   “POPCORN MAJOR” โดยวางจำหน่ายใน Modern Trade ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมากถึง 14,000 สาขา มีให้เลือก 3 รสชาติ ได้แก่ รสชีส รสยอดนิยมที่หลายคนติดใจกับผงปรุงรสชีสสูตรพิเศษ, รสคลาสสิค ที่หอมกลิ่นเนยทานแล้วต้องติดใจ และ รสข้าวโพดปิ้ง หอมอร่อยกลิ่นข้าวโพดปิ้งและเนย มาในรูปแบบซองสีสันสดใสขนาด 35 กรัม จำหน่ายราคาซองละ 28 บาท โดยทั้งชื่อแบรนด์ใหม่ และราคาที่เราทำวางจำหน่ายเรามองว่าถือเป็นจุดแข็งของเมเจอร์อยู่แล้ว เพราะทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี และในส่วนของราคาขายที่เหมาะสมกับตลาดรีเทลเพื่อให้แข่งขันกันกลุ่มขนมขบเคี้ยวทั่วไปได้

สำหรับการทำตลาดเบื้องต้นเราได้เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์วงป๊อปร็อกรุ่นใหม่ “Three Man Down” ตัวแทนที่จะมาถ่ายทอดความอร่อยโพด ๆ ของ “POPCORN MAJOR” ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า Gen Z อายุ 10-25 ปี “POP ทะลุมิติ ทะลุความสนุก ให้ทุกที่มีแต่ความป๊อป” เมื่อป๊อปคอร์นไม่จำกัดแค่ในโรงหนังอีกต่อไป สามารถหาซื้อได้ง่าย สะดวก ตลอด 24 ชั่วโมงใกล้บ้านนอกจากแตกไลน์สินค้าสู่สแน็ค ยังเดินหน้าเปิดคีออสเพิ่มให้มีราว 40 สาขา เดลิเวอรียังคงเดินลุยขายต่อเนื่อง

ผู้บริหารหนุ่ม กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางเมเจอร์วางเป้าหมายให้ธุรกิจป๊อปคอร์นเป็นธุรกิจหลักเทียบเท่ากับรายได้จากตั๋วหนังในอนาคต ขณะที่ปีก่อนรายได้จากป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และกว่า 80% มาจากป๊อปคอร์โดยปี 2566 นี้เราตั้งเป้าโตแตะ 2,400 ล้านบาท

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ