หวานคอแร้ง! แบ่งเค้ก.. "โปรเจกต์น้ำ"

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หวานคอแร้ง! แบ่งเค้ก..


หากมองในภาพรวม คงดูเหมือนว่า...ประเทศไทยกำลังก้าวเดินไปข้างหน้า! เพราะมีการพัฒนาขึ้นไปในหลายด้าน โดยเฉพาะการยกระดับ "โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ" ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมเครือ ข่ายขนส่งคมนาคมทั่วประเทศ รวมไปถึง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ตามที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" กำลัง เดินหน้าดันโปรเจกต์น้ำอย่างจริงจัง

แม้ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะปรับลด "วงเงินลงทุน" ในโครงการออกแบบและก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ปัญหาอุทกภัยของประเทศ...ลงไปก็ตาม

ทว่าในการขับเคี่ยวในการเคาะประมูล โครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ มูลค่า 2.91 แสนล้านบาท ก็ดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้เปิดกล่องให้บริษัทซึ่งผ่าน เกณฑ์การคัดเลือกตามกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบการแก้ปัญหาอุทกภัย (พีคิว) เสนอรายละเอียดโครงการทั้ง 9 โมดูล ก่อนจะประกาศผลผู้ชนะในแต่ละโมดูลภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ตามกรอบพระราชกำหนดเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท

ซึ่งนับจากจุดสตาร์ต ได้มีการตัดตัว ผู้ท้าชิงจาก 34 ราย จนล่าสุดเหลือให้ "แบ่งเค้ก" ในรอบสุดท้ายแค่ 4 "รายใหญ่" เท่านั้น โดยที่บริษัท โคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซส คอร์ปอเรชั่น หรือ K-Water และ 2.ITD POWER CHINA JV ยังเป็น 2 กลุ่มบริษัท ที่ยื่นประมูลครบทั้ง 9 โมดูล ส่วนที่เหลืออย่าง "กิจการร่วมค้า ซัมมิท เอสยูที" และ "กลุ่มบริษัทค้าร่วมล็อกซเล่ย์" ได้ยื่นประมูลกลุ่มละ 1 โมดูล

ลึกลงในรายละเอียด แยกกลุ่มที่เข้าร่วมประมูลได้เป็น "โมดูลที่ 1" การสร้างอ่างเก็บน้ำอย่างเหมาะสมและยั่งยืนในพื้นที่ ลุ่มน้ำปิง ยม น่าน สะแกกรัง และป่าสัก วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ได้แก่ K-Water และ ITD POWER CHINA JV

โมดูลที่ 2 การจัดทำผังการใช้ที่ดิน/การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมทั้งการจัดทำพื้นที่ปิดล้อมชุมชนและเศรษฐกิจหลัก สำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท ได้แก่ K-Water และ ITD POWER CHINA JV

โมดูลที่ 3 การปรับปรุงพื้นที่เกษตรชลประทานในพื้นที่โครงการชลประทานเหนือ จ.นครสวรรค์ เพื่อเก็บกักน้ำหลากชั่วคราว วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ได้แก่ K-Water และ ITD POWER CHINA JV

โมดูลที่ 4 การปรับปรุงสภาพลำน้ำ สายหลัก และการป้องกันการกัดเซาะตลิ่งริมแม่น้ำในพื้นที่แม่น้ำยม น่าน และเจ้า-พระยา วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท ได้แก่ K-Water และ ITD POWER CHINA JV

โมดูลที่ 5 การจัดทำทางผันน้ำ (Flood Diversion Channel) ขนาด ประมาณ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมทั้งการก่อสร้างถนนเพื่อรองรับคมนาคม วงเงิน 1.53 แสนล้านบาท ได้แก่ K-Water และ ITD POWER CHINA JV

โมดูลที่ 6 ระบบคลังข้อมูล เพื่อการพยากรณ์และเตือนภัย รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำ วงเงิน 4,000 ล้านบาท ได้แก่ K-Water, ITD POWER CHINA JV และกลุ่มบริษัทค้าร่วม ล็อกซเล่ย์

โมดูลที่ 7 การสร้างอ่างเก็บน้ำอย่างเหมาะสมและยั่งยืนในพื้นที่ 17 ลุ่มน้ำ วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ K-Water และ ITD POWER CHINA JV

โมดูลที่ 8 การจัดทำผังการใช้ที่ดิน/การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมทั้งการจัดทำพื้นที่ปิดล้อม ชุมชนและเศรษฐกิจหลัก สำหรับพื้นที่ 17 ลุ่มน้ำ วงเงิน 1.4 หมื่น ล้านบาท ได้แก่ K-Water, ITD POWER CHINA JV และกิจการร่วมค้า ซัมมิท เอสยูที

และโมดูลที่ 9 การปรับปรุงสภาพลำน้ำสายหลัก และการป้องกันการกัดเซาะ ตลิ่งริมแม่น้ำในพื้นที่ 17 ลุ่มน้ำ วงเงิน 5,000 ล้านบาท ได้แก่ K-Water และ ITD POWER CHINA JV

จะเห็นได้ว่า...มีม้าอยู่แค่ 2 ตัวที่พร้อม เบียดกันในทุกโมดูล ขณะที่กิจการร่วมค้าญี่ปุ่น-ไทย ที่นำมาโดย บริษัท ยูนิค เอ็นจิ-เนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำดัด (มหาชน) ซึ่งได้จับมือกับกลุ่มบริษัทและองค์กรบริหาร จัดการน้ำประเทศญี่ปุ่น ก็ตัดสินใจถอนตัวอย่างน่าเคลือบแคลง ทั้งที่กลุ่มดังกล่าวมีประสบการณ์และเงินทุนไม่แพ้ K-Water หรือแม้แต่กลุ่มอิตัลไทย

โดยให้เหตุผลในการถอนตัวครั้งนี้ว่า...หากได้ชนะการประมูลก็เกรงว่าจะก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามเงื่อนไขทีโออาร์ ตั้งไว้ โดยเฉพาะการติดปัญหาการเวนคืนที่ดินก่อสร้างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับชุมชนไปได้ ซึ่งนอกจากกลุ่มญี่ปุ่นจะต้อง เสียค่าปรับที่สูงลิบ เพราะงานไม่เสร็จตามกำหนดแล้ว ยังจะทำให้เสียชื่อเสียงอีกด้วย

ทว่าได้มีการแฉ!! ในวงการผู้รับเหมา ว่า เหตุที่ญี่ปุ่นถอนตัว เพราะรู้ว่าโครงการ ลงทุนมีการ "ล็อก" กลุ่มบริษัทที่จะชนะการประมูลแต่ละแผนงานเรียบร้อยแล้ว

ในระยะที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ คือ ITD POWER CHINA JV ซึ่งประกอบด้วย 6 บริษัท ได้แก่ ITD POWER CHINA JV, บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD), บริษัท พาวเวอร์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น ออฟ ไชน่า, บริษัท ไชน่า เก๋อโจวบ๋า กรุ๊ป, บริษัท ไชน่า อินเตอร์ เนชั่นแนล วอเตอร์ แอนด์ พาวเวอร์ คอร์-เปอเรชั่น, บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ฯ

กลุ่มนี้ไม่ธรรมดา! ภายใต้การนำของ "เปรมชัย กรรณสูต" บิ๊กบอสกลุ่มอิตัลไทย ผู้รับเหมาเบอร์หนึ่งของไทย และกำลังจะทำงานใหญ่อย่างเมกะโปรเจกต์ท่าเรือน้ำลึก และนิคมอุตสาหกรรมทวายในประเทศพม่า... ที่สำคัญและน่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะมีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมตรงไปยังบุคคลระดับแถวหน้าในพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงคนที่อยู่ต่างแดนอย่างใกล้ชิด

เช่นเดียวกับบริษัท "เค วอเตอร์" จากประเทศเกาหลีใต้ ที่มี "แบ็กอัพ" คอยหนุนหลังเป็นนักการเมืองระดับบิ๊กเนมในรัฐบาล ที่เรียกขานกันว่า "เจ๊ ด." เพราะคนจากกลุ่ม "เจ๊ ด." เป็นผู้ชักชวนบริษัท "เค วอเตอร์" ให้ "บินเดี่ยว" จากเกาหลีใต้เข้าร่วมเสนอกรอบแนวคิดลงทุนระบบน้ำ (Conceptual Plan) และเข้ารอบสุดท้าย ทั้ง 10 แผนงาน ก่อนยุบเหลือ 9 แผนงานในท้ายที่สุด

"เค วอเตอร์" ยังคงมีสัมพันธ์ยึดโยงกับ "กรมชลประทาน" มาอย่างยาวนาน เพราะได้เข้ามายังประเทศไทยในลักษณะการร่วมมือแลกเปลี่ยนงานด้านวิชาการกับกรมชลประทาน พร้อมตั้งทีมวิชาการศึกษาพื้นที่ในประเทศไทย ทำเลและภูมิศาสตร์ทั้งหมด โดยมีการดึงเอาเจ้าหน้าที่ระดับวิศวกรของกรมชลประทานเข้าร่วมทีม ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่ "เค วอเตอร์" ให้ความสนใจส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการวิศวกรที่เกษียณหรือลาออกจากราชการเข้ามาทำงานด้วย บางส่วนเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลายเป็นทำการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำให้ "เค วอเตอร์" มีความรู้ทั้งหลักภูมิศาสตร์และแหล่งน้ำในประเทศไทยเป็นอย่างดี เพราะเข้ามาศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ด้วยซ้ำไป

นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณเชื่อมโยงไปถึง "อดีตนายกฯ พลัดถิ่น" อย่าง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่บินแวะเวียนไปยังประเทศ เกาหลีใต้อยู่บ่อยครั้ง และชื่นชมการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพของเกาหลีใต้ ทั้งให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เกาหลีใต้ว่า "ไทยจะร่วมมือกับเกาหลีใต้ในการลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ" นั่นย่อมสะท้อนภาพได้เป็นอย่างดี

ย้ำหัวตะปูด้วยท่าทีของ "ผู้นำหญิง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่บินไปเยือนเกาหลีใต้ อย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี "ปาร์ก กึน เฮ" ระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ.2556 ก่อนที่ "ยิ่งลักษณ์" จะบินต่อไปเยือนเกาะฮ่องกงตามลำดับ สิ่งเหล่านี้น่าจะมีความเชื่อมโยง กับการเข้ามา "แบ่งเค้ก" ของบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้อย่าง "เค วอเตอร์"

เหนืออื่นใด แผนงานมูลค่าหลายแสนล้าน...ยังได้กลายเป็น "เผือกร้อน" ในกำมือรัฐบาลที่ทุกฝ่ายกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด และคงต้องลุ้นระทึกไปอีกว่า แผนเดินหน้า "โปรเจกต์น้ำ" จะเป็นไปตามกรอบ "เส้นตาย" ของ พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ที่จะสิ้นสุดภายในเดือนมิถุนายนนี้หรือไม่...

ที่ยังน่าเป็นห่วง คือกระบวนการที่ดู "รวบรัด" เหมือนทำแบบ "สุกเอาเผากิน" โดยเฉพาะขั้นตอนการประมูลที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว พร้อมรู้ผลชิงดำในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ โดยที่คณะกรรมการมีเวลาแค่ 2-3 สัปดาห์เท่านั้นสำหรับการพิจารณาเอกสาร "นับพันกล่อง"

ยิ่งการที่ "รัฐบาล" พยายามลุยถั่วแบบไม่ลืมหูลืมตา เร่งรัดกระบวนการโดย ไม่ฟังคำท้วงติงทั้งหลาย ย่อมก่อให้เกิด "ความเสี่ยง" ตั้งแต่เพิ่งเริ่มตั้งไข่...และนั่น คงจะ "หวานคอแร้ง" ของกลุ่มที่มีสายสัมพันธ์ยึดโยงเข้ากับปัจจัยทางการเมือง และผลประโยชน์ต่างตอบแทน!!!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ