ไป ครม.สัญจร เอาเครื่องมือสร้างสุข สลายทุกข์ไปด้วยดีมั๊ย

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ไป ครม.สัญจร เอาเครื่องมือสร้างสุข สลายทุกข์ไปด้วยดีมั๊ย


โดย ผ.ศ.ไพศาล อินทสิงห์

ม.นเรศวร คณะรัฐมนตรี(ครม.) กำหนดจัดประชุม ครม.สัญจรครั้งต่อไป 9-10 มิย. ที่ จ.กำแพงเพชร หลังจากจัดมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จที่ดี ส่งผลเป็นประโยชน์ทางตรงกับพื้นที่ เพราะไปที่ไหน เปิดโอกาสให้ผู้ว่าฯเสนอโครงการพัฒนาที่นั่น

เที่ยวนี้ เป็นโอกาสของกำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์และอุทัยธานี

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ อยากให้มองประโยชน์ทางตรงใน 2 ภาพ คือ 1) ภาพรวม 2) ภาพย่อย หากสังเกตที่ผ่านๆมา สัญจรครั้งใด จังหวัดมักจะเสนอโครงการที่เป็นภาพรวมให้ ครม. และ ครม.ก็ให้น้ำหนักภาพนี้มาโดยตลอด กล่าวคือ จะมีลักษณะโครงการบูรณาการหลายๆจังหวัด หลายๆอำเภอ ในเขตภาคนั้น ร่วมกัน เป็นภาพรวม ตอบสนองความต้องการส่วนรวม ซึ่งก็ดีนะ มิใช่ไม่ดี เพียงแต่ว่าถ้าเสนอภาพย่อยๆลงรายละเอียด หรือโฟกัสไปที่ชุมชน ครอบครัวแต่ละครอบครัวบ้าง ก็น่าจะดีไม่น้อย

หมายความว่า อย่างไร

เหรียญมี 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นภาพรวม อีกด้านหนึ่งควรเป็นภาพย่อย จังหวัดลืมตอบโจทย์ความต้องการของส่วนย่อยๆหรือไม่ ประการใด ทำอย่างไรจึงจะสร้างประโยชน์ทางตรงให้ได้ทุกเม็ด ทั้งเม็ดเงิน เม็ดงาน

ภาพรวมไม่ห่วง ห่วงภาพย่อยระดับตำบลหมู่บ้าน ชุมชนครอบครัว เมื่อจังหวัดไม่ได้เสนอ ครม.ก็เลยไม่ได้สนอง หรือเปล่า ไม่แน่ใจ ? ผู้อ่านคิดเห็นอย่างไร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันนะครับ เพื่อช่วยกันเติมเต็มสิ่งที่ดีๆให้สังคมของเรา

ครม.สัญจร ถือเป็นแบรนด์รัฐบาลไปแล้ว ใครๆสนใจ รับรู้ จดจำได้ จัดมาแล้วหลายครั้ง ถึงเวลากระตุ้น ปรับแต่งพัฒนาแบรนด์ใหม่ให้กระฉับกระเฉง ใหม่ สด สะดุดตาขึ้นด้วยการปรับเปลี่ยน เพิ่มเติมอะไรใหม่ๆใส่เข้าไป จะดีหรือไม่ ประการใด โดยให้จังหวัดเสนอโครงการที่เป็นภาพย่อย เข้าถึงชุมชน ลงลึกครอบครัวด้วย เพื่อให้คนข้างล่างที่อยู่ห่างไกล คนยากคนจนด้อยโอกาส ได้รับประโยชน์ทางตรงกับเขาบ้าง

เพราะการประชุมสัญจร ยังจะเป็นจุดแข็ง จุดขายให้รัฐบาลไปอีกนาน เวลานี้ประชาชนตอบรับ แบรนด์ดีแล้ว ทำอย่างไรให้มีพลังตอบรับยิ่งขึ้น

แนวทางหนึ่ง คือการสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนต์ ครม.สัญจร อย่างมีจังหวะโอกาส เริ่มกำแพงเพชรเที่ยวนี้เอาเครื่องมือ “สร้างสุข สลายทุกข์”ไปด้วยดีมั๊ย

ทุกครั้งไปสัญจร สัมผัสผู้ว่าฯ

ไปเที่ยวนี้ สัมผัสกำนันผู้ใหญ่บ้านด้วย

มิเพียงให้ผู้ว่าฯเสนอโครงการพัฒนาภาพรวมจังหวัด แต่ควรให้กำนันผู้ใหญ่บ้านเสนอโครงการพัฒนาภาพย่อยตำบลหมู่บ้าน เนื่องจากเห็นปัญหาความต้องการชุมชนครอบครัว เพราะอยู่ใกล้ชาวบ้านที่สุด ครม.อาจต้องลงลึกในรายละเอียดแต่ละชุมชนครอบครัวบ้าง ไม่งั๊นสลายทุกข์ให้ชาวบ้านไม่ถึง ไม่ทันความต้องการ เพราะมีแต่โครงการภาพรวมไกลตัวชาวบ้าน

ทุกข์เริ่มจากครอบครัว ไปหมู่บ้านชุมชน ไปตำบลอำเภอ ไปจังหวัดประเทศ ถึงตอนนั้นไม่พ้นรัฐบาลอยู่ดี ทุกข์จากฐานล่างครอบครัวหมู่บ้านชุมชน ก็คือทุกข์ของประเทศ

การสลายทุกข์ของคนข้างล่าง จึงสำคัญ

ปกติจังหวัดก็ลงรายละเอียด แต่พลังมีจำกัด การเข้าไปช่วยเหลือเหมือนคลื่นแม่น้ำลำคลองที่ลมพัดเข้าไปสลายทุกข์ ถึงบ้าง ไม่ถึงบ้าง ช่วยได้ระดับหนึ่ง

มันต้องคลื่นลมทะเลถาโถมซัดเข้าไปสลายทุกข์ของรัฐบาล จึงจะ “เอาอยู่” ทั่วถึงทุกซอกมุม ช่วยได้ไร้ลิมิต พลังรัฐบาล กับพลังจังหวัด คนละสเกล

หันไปดูทุกข์ของหมู่บ้านครอบครัวก็มีหลากหลาย ทั้งการทำมาหากิน ปากท้อง เศรษฐกิจ อาชีพ รายได้ การศึกษา ความเป็นอยู่ สาธารณูปโภค ฯลฯ

แต่ทุกข์ใดจะเท่าความเจ็บป่วยด้วยโรคที่ทรมานต่างๆ

เอาให้ชัด ก็คือ หมายถึงโรคที่ชาวบ้านเผชิญดังรายการสกู๊ปชีวิตทางสื่อ ทีวี หนังสือพิมพ์มักเข้าไปตระเวนหามานำเสนออยู่เนืองๆ นั่นเอง เช่น อัมพฤกอัมพาตผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง เด็กหัวโต เด็กตัวเป็นเกล็ดปวดแสบปวดร้อน เด็กดักแด้ เนื้องอกที่ใบหน้าปิดหูปิดตา โรคอ้วนผิดปกติ โรคประหลาดผิดปกติอื่นๆทั้งหลาย ฯลฯ

ไม่เป็นเขา เราไม่รู้

เพียงหนึ่งคนป่วย เป็นภาระให้อีกหลายต่อหลายคนในครอบครัว ยิ่งฐานะยากจน กระทบไปหมด จะไปหาหมอ พ่อแม่ไม่มีเงินพาไปรักษา ออกไปทำงานก็ไม่ได้ ต้องอยู่ดูแล ขาดรายได้ ใช้จ่ายยิ่งฝืดเคือง วอนผู้ใจบุญเมตตาช่วยเหลือ บางทีคนป่วยเป็นปู่ย่าตายาย มีลูกหนีไปมีครอบครัวที่อื่น มิหนำซ้ำทิ้งหลาน 2 คนไว้ให้เลี้ยงอีก ชาวบ้านใกล้เคียงเวทนาหาข้าวปลาอาหารมาให้ อดมื้อกินมื้อ ตามมีตามเกิด

คำถาม คือ เมื่อเผชิญชะตากรรมครอบครัวเช่นนี้ จะหาสุขได้จากที่ไหน เขาก็คือหนึ่งชีวิตบนโลกใบนี้ ใครจะช่วยสร้างสุขให้เขาได้บ้าง

ไม่ใช่รัฐบาล แล้วจะเป็นใคร หรือจะปล่อยให้เป็นอยู่ตามยถากรรมต่อไป

สลายทุกข์เขาได้เท่าใด ก็สร้างสุขเขาได้เท่านั้น ขจัดปัดเป่าทุกข์นี้ได้ ทุกข์อื่นก็พอทำเนา ต่างประคับประคอง ช่วยเหลือตัวเองกันไปได้ ถ้าร่างกายเจ็บป่วยเสียอย่าง ทุกอย่างจบ ไปไหนก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ซึ่งเป็นภาระ ไม่ว่าเขา ว่าใคร เมื่อเป็นยังงี๊ คุณภาพสังคมจะยังไง

กรณีนี้เรายกเว้นเห็นใจกันเป็นพิเศษได้มั๊ยสำหรับโรงพยาบาลต่างๆของรัฐ ไม่ต้องไปคิดค่าใช้จ่ายใดๆเชื่อว่า สังคมคงไม่มีใครว่าอะไร

หรือรัฐบาลออกบัตรพิเศษอะไรสักอย่างให้ผู้ป่วยเอาไว้ไปแสดงตนเข้ารักษาฟรีที่โรงพยาบาลรัฐ เอกชนทุกแห่ง ที่ไหนก็ได้ รัฐจ่ายให้หมด (จะมีวิธีบริหารงบประมาณกันอย่างไร ก็ว่าไป) รวมถึงช่วยเหลือค่าที่พัก ค่าเดินทางเมื่อไปหาหมอ

แต่เชื่อเถอะ แม้ทุกอย่างฟรี ก็ไม่มีใครอยากป่วยหรอก ฉะนั้น ไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆกันอีกแล้ว เงื่อนไขเดียว “มนุษยธรรม+เมตตาธรรม” ไม่ช่วยเหลือกันยามนี้จะไปช่วยกันยามไหน

ไป ครม.สัญจร เอาเครื่องมือสร้างสุข สลายทุกข์ไปด้วยดีมั๊ย

ดูแลกันให้ทั่วถึงสักที จะได้สลายทุกข์กันจริงๆจังๆสักครั้ง หากทำได้ สังคมจะสรรเสริญ ชื่นชม ครม.สัญจร

คนยากคนจนชนบท ชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล หรือลึกๆเข้าไปในตำบลหมู่บ้าน เขาไม่สนใจโครงการพัฒนาข้างบนของผู้ว่าฯสักเท่าไหร่ และเขาก็ยิ่งไม่สนใจโครงการรถไฟความเร็วสูง 2 ล้านล้านของรัฐบาล มันไกลจากวิถีชีวิตความเป็นอยู่เกินไป

รถไฟความเร็วสูงตอบโจทย์คนไทย ไม่ว่ากัน ถามว่า คนยากคนจนชนบท ชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลนั้น คนไทยหรือเปล่า ? อยู่ที่รัฐบาลจะพิจารณาช่วยเหลือดูแลอย่างไร

กำนันผู้ใหญ่บ้านต้องช่วยผู้ว่าฯและรัฐบาล สำรวจ ตรวจสอบลูกบ้าน ใครเจ็บป่วยเข้าข่ายสกู๊ปชีวิตดังกล่าว เสนอโครงการให้รัฐบาลผ่านผู้ว่าฯ เพื่อนำไปสู่ความช่วยเหลือทุกราย เริ่มที่ ครม.กำแพงเพชร ถ้าเห็นผล ขยายผลทั่วประเทศ

วันนี้ ถึงเวลาปรับแบรนด์ ครม.สัญจร ด้วยมุมมองเหรียญอีกด้าน ฝนตกด้านเดียว ความชุ่มเย็นก็อยู่ด้านเดียว หรือจะปล่อยให้อีกด้านร้อนแล้งต่อไป ฝนตกทั่วฟ้า(ทั้งสองด้าน) ไอ้ที่แล้ง จะได้ชุ่มเย็นบ้าง สร้างโอกาสให้กันและกัน ไม่ใช่ข้างบนอยู่รอด ข้างล่างจมน้ำ สังคมจะน่าอยู่ได้อย่างไร

2 ล้านล้านยังลงทุนให้เครื่องจักรได้ ลงทุนให้ชีวิต(คนเจ็บป่วย)ไม่ได้หรือ..?


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ