"มิตรผล"รุกโรงไฟฟ้าชีวมวล แนะรัฐหนุนกำลังผลิต2.5พันเมกะวัตต์

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556



"มิตรผล" หนุนรัฐเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าอีก 94 เมกะวัตต์ ในวันที่ 5 เมษายนนี้ พร้อมตั้งบริษัทลูก "มิตรผลเอ็นเนอร์ยี่เซอวิสเซส" ลุยธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลเต็มสูบ แนะรัฐหนุนโรงไฟฟ้า ชีวมวล สามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 2.5 พันเมกะวัตต์ โดยมีต้นทุนใกล้เคียงโรงไฟฟ้าก๊าซ
นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มมิตรผล เปิดเผยถึงแนว ทางการให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มในช่วงที่พม่าหยุดส่งก๊าซ ว่า จากการประเมินความเสี่ยงที่ประเทศอาจ ประสบปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในเดือนเมษายนนี้ โดยเฉพาะในวันที่ 5 เมษายน กลุ่มมิตรผลจึงได้เตรียมมาตรการสนับสนุนในการลดใช้ไฟฟ้าในช่วงดังกล่าว
โดยบริษัทได้ตัดสินใจหยุดการผลิตชั่วคราวในส่วนของการผลิตน้ำตาลทราย ขาวในกลุ่มมิตรผลทั้ง 5 แห่ง รวมทั้งเพิ่ม กำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวมวลจากโรงไฟฟ้าทั้ง 5 แห่ง อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำ ให้มีปริมาณไฟฟ้าคงเหลือขายเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีสัญญาขายเข้าระบบของการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) (Firm Contract) จำนวน 76 เมกะวัตต์ โดยจะเพิ่มใน ส่วนของ (Non-Firm) เพิ่มขึ้นอีก 94 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 170 เมกะวัตต์ หรือเทียบเท่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าของจังหวัดขนาดใหญ่ 1 จังหวัด
"การปรับลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าใน กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลต่อระบบการผลิต และปริมาณสินค้าคงคลัง ตลอดจนขั้นตอนการรับซื้ออ้อยจากเกษตรกรแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ ได้หยุดการหีบอ้อย หยุดแต่เพียงกระบวน การผลิตบางส่วนเท่านั้น" นายกฤษฎา กล่าว
ในส่วนของธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจาก เชื้อเพลิงชีวมวลของกลุ่มมิตรผลนั้น ในปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าชีวมวลอยู่ 5 แห่ง ในจังหวัดสุพรรณบุรี สิงห์บุรี ขอนแก่น ชัยภูมิ และกาฬสินธุ์ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 340 เมกะวัตต์ สามารถส่งไฟฟ้า ให้กับ กฟผ. และกฟภ. ได้ถึง 172 เมกะวัตต์ และล่าสุดในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ จะเปิดโรงงานน้ำตาล และโรงไฟฟ้าชีวมวล ภูหลวง ที่จังหวัดเลย มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 42 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 382 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้ามากขึ้น โดยล่า สุดได้ตั้งบริษัท มิตรผลเอ็นเนอร์ยี่เซอวิสเซส จำกัด เพื่อเข้าไปร่วมลงทุน หรือบริหารจัดการโรงไฟฟ้าชีวมวลอื่นๆ ที่เข้ามาขอรับ บริการ โดยพื้นที่ใดมีเชื้อเพลิงชีวมวลเป็น จำนวนมาก และอยากตั้งโรงไฟฟ้า บริษัทก็พร้อมเข้าไปให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊สจากหญ้าเลี้ยง ช้างที่รัฐบาลกำลังให้การสนับสนุนอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากบริษัทมีจุดแข็งในการพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลมาอย่างยาวนาน และเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลรายใหญ่ ที่สุดของประเทศ
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีโรงน้ำตาลทั้งหมด ทั่วประเทศ 47 แห่ง ซึ่งทุกโรงงานต่างมีการผลิตไฟฟ้าจากชานอ้อยเพื่อใช้ในโรงงาน และขายส่วนที่เหลือให้กับการไฟฟ้า อย่าง ไรก็ตาม หากรัฐบาลมีการส่งเสริมการปลูก อ้อยอย่างจริงจัง ก็จะทำให้ผลผลิตอ้อยเพิ่ม ขึ้นจาก 90-95 ตัน เป็น 150 ตันภายใน 5 ปี ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 2.5 พันเมกะวัตต์ หรือประมาณ 19,500 ล้านหน่วย คิดเป็นปริมาณไฟฟ้าเทียบเท่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2.5 โรง ลดการนำเข้าก๊าซธรรม ชาติได้ไม่น้อยกว่า 8.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 10 ล้านตันต่อปี
โดยการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลนั้น มีต้นทุนต่ำกว่าพลังงานทดแทนทุกประเภท ได้รับการอุดหนุนแอดเดอร์จากรัฐบาล 0.3 บาทต่อหน่วย โดยมีต้นทุนประมาณ 3.35 บาทต่อหน่วย ต่ำกว่าโรงไฟฟ้าเอสพีพีที่ใช้ ก๊าซธรรมชาติที่มีต้นทุน 3.45 บาทต่อหน่วย ดังนั้นหากรัฐบาลให้การสนับสนุนเพิ่มขึ้น ก็ จะเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ