เหมือนเป็นการ "ราดน้ำมันลงกองไฟ" ท่ามกลางกระแสข่าวเล็งปลด "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก...เพื่อสลายอำนาจใต้ท็อปบูตของ "ทหารสายบูรพาพยัคฆ์"

นั่นยิ่งไป "ปลุกเร้า" ให้สถานการณ์ทางการเมืองทวีความร้อนแรงมากขึ้นตามลำดับ และเป็นความอึมครึมที่ไม่แตก ต่างไปจากบรรยากาศในช่วงก่อนหน้า "รัฐประหารปี 49"

สอดรับถ้อยคำของ "สุริยะใส กตะศิลา" ผู้ประสานงานกลุ่มการเมืองสีเขียว (กลุ่มกรีน) ที่ย้ำหัวตะปูว่า...รัฐบาล จะมีการปลด "พล.อ.ประยุทธ์" ผนวกกับข่าวลือการทำ "ปฏิวัติรัฐประหาร" ในช่วงที่เหตุบ้านการเมืองที่กลับเข้ามาอยู่ในโหมดอุณหภูมิร้อนแรงอีกครั้ง โดย เฉพาะการเคลื่อนไหวของ "กลุ่มแดงอิสระ" ในรหัส "กวป." หรือกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กำลัง เดินหมากรุกฆาต "ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ" ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่!

ขณะที่ข่าวบางกระแสถึงกับระบุว่าจะมีการย้าย "ประยุทธ์" ไปขึ้นหิ้งบนเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พร้อมข้ามห้วย "พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร" ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม แทน "พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน" ที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้

เพราะหาก "ประยุทธ์" ยังคงนั่งในตำแหน่ง "แม่ทัพบก" ต่อไปจนเกษียณ อายุราชการในปี 2557 ก็จะเป็นการครอง ตำแหน่งที่ยาวนานถึง 4 ปีเต็ม เท่ากับว่า "นายทหาร" รุ่นถัดมาอย่างน้อย 2 รุ่น คงจะพลาดโอกาสก้าวถึงตำแหน่งสูงสุดของ "กองทัพบก"

เมื่อระดับหัวไม่มีขยับ ระดับล่างลง ไปจนถึงหางก็ยากจะเขยื้อน...จึงมีการวิเคราะห์ไปว่า "กลุ่มที่ถูกสกัดกั้น" ย่อมหาทาง "เดินเกมใต้ดิน" เพื่อหวังล้ม "ประยุทธ์" !!

ข่าวลือที่ปรากฏนี้ ได้เขย่าให้อุณหภูมิกองทัพ และการเมืองดูร้อนฉ่าขึ้นมาทันที

เช่นเดียวกับปฏิกิริยา "คนในกองทัพ" ก็เกิดแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ทั้งเหล่าทหารแตงโม และบรรดา "แคนดิเดต" ที่มีสิทธิ์คั่วเก้าอี้ "แม่ทัพบก" ก็เด้งขานรับกับข่าวการย้าย "ประยุทธ์" ให้พ้นจาก "กองทัพบก" อย่างอื้ออึง

ขณะที่ฝ่ายสนับสนุน "ประยุทธ์" จากสาย "บูรพาพยัคฆ์" ก็ตั้งแง่ต่อต้านรัฐบาลอย่างแข็งกร้าว หากข่าวนี้เป็นเรื่องจริง เพราะหาก "บิ๊กตู่" ต้องหลุดจากตำแหน่งจริง "นายทหารสายบูรพาพยัคฆ์" ก็เตรียมม้วนเสื่อไปแบบยกคณะ

ทว่าในจังหวะที่ข่าวออกมาอยู่ในช่วงสถานการณ์อันอ่อนไหว ซึ่งแม้แต่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ก็ยังวิตกกังวลกับเผือกร้อนนี้เป็นอันมาก เพราะไม่ว่าข่าวจะออกมายังไง "รัฐบาล" ก็คงไม่อยากไปแตะต้อง "กิจการภายในกองทัพ" ในเวลานี้เป็นแน่ เพราะยังมีเรื่องใหญ่มากมายรอให้สะสาง ทั้งศึกใน-ศึกนอกสภา ความขัดแย้งกับฝ่ายตุลาการ ปมการเคลื่อนไหวซีกมวลชนทั้งฝ่ายหนุน และฝ่ายโค่นล้มรัฐบาล รวมไปถึงการเดินหน้ากฎหมายนิรโทษกรรม พ.ร.บ. ปรองดอง และสำคัญเหนืออื่นใดคือ "พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท" ซึ่งเหล่านี้ก็เป็น "ปัญหาสุมอก" ที่รัฐบาลยังแก้ไม่ตก จนถึงขั้นเตรียมพร้อมทุกเมื่อหากมีการ "ยุบสภา"

จึงไม่แปลกที่ "รัฐบาล" ต้องรีบออกมาตัดไฟแต่ต้นลม! ไม่ปล่อยให้ "รอยร้าว" นี้บานปลายกลายเป็นความขัดแย้ง หรือความหวาดระแวงระหว่าง "กองทัพ" กับ "รัฐบาล" ซึ่งเวลานี้ดูจะทำงานเข้าขาแบบไร้รอยต่อ ต่างจากเมื่อครั้ง "รัฐบาลเพื่อไทย" เริ่มต้นบริหารงานที่ปรากฏอาการระหองระแหงอยู่บ่อยครั้ง

โดยที่ล่าสุด "บิ๊กโอ๋" พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้ออกมา "สยบข่าว!" ว่าไม่มีสาเหตุอะไรที่ต้องย้าย "พล.อ.ประยุทธ์" และยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเรื่องการโยกย้าย

"ข่าวที่มีอยู่ในขณะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรไม่ทราบ และลือกันจนเละเทะ เพราะไม่มีสาเหตุอะไร เมืองไทยเป็นแบบนี้มีแต่ข่าวลือจนน่ารำคาญ ระดับ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกอง ทัพนั้น ยังมีความสัมพันธ์ระดับที่ดี"

ขณะที่ "พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" โฆษกพรรคเพื่อไทย ก็รีบออกมาชี้แจง "ดักคอ..ขาเสี้ยม ว่าเป็นการปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและทุกภาคส่วนสามารถทำงาน ร่วมกับ ผบ.ทบ.ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ ผบ.ทบ.กับกองทัพทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนและประเทศชาติวันนี้การประสาน งานเป็นไปด้วยดี

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การปล่อยข่าวในลักษณะนี้เป็นความพยายามเสี้ยม ให้เกิดความขัดแย้ง โดยพุ่งเป้าไปที่ "สุริยะใส กตะศิลา" ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ที่ดูมีพฤติการณ์ "เสี้ยมเขาควายชนกัน" จนปรากฏเป็นข่าวครึกโครมในโซเชียลเน็ตเวิร์ก

ซึ่งในภาพรวม "คนในรัฐบาล" ยังคงมองว่า การที่สื่อและพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามออกมา "โหมกระแสข่าว" การย้าย ผบ.ทบ.เพียงต้องการจุดไฟให้ติด! เพราะเมื่อข่าวการ "ปลด" ออกมาจึงไม่เป็นผลดี และสามารถสร้างพลังให้ "กลุ่มต่อต้าน" มองรัฐบาลหวังเข้ามาแทรกแซงข้าราชการประจำอีก จึงถือว่า ไม่เป็นผลดีและยังเป็นผลลบต่อรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ร้อนไปถึง "บิ๊กแม้ว" พล.ท. ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต้องออกมาดับเชื้อไฟที่กำลังคุกรุ่น! ด้วยข้อสังเกตที่ว่า "น่าจะเป็นข่าวปล่อย เป็นการสร้างข่าวของการเมืองฝ่ายตรงข้าม" ที่จะจุดชนวนเชื่อมโยงกับ "ขบวนการปฏิวัติ" ที่มีการใช้มวลชนออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว พร้อมประเมินให้เห็นสถานการณ์ขณะนี้ของรัฐบาลว่ามีเสถียรภาพและความมั่นคง จนฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลได้ ดังนั้นกระบวน การที่จะ "ล้มรัฐบาล" ได้นั้น คงต้องให้กองทัพออกมา โดยการจุดชนวนให้ทหาร ออกมา นี่คือเงื่อนไขช่องทางเดียว

พลันให้ "พล.อ.ประยุทธ์" ในฐานะเป้าหมายของ "ข่าวเสี้ยม" ออกมายอม รับว่า "...ตำแหน่ง ผบ.สส.มันไม่เลวร้ายอะไรมาก เพราะทุกตำแหน่งมีเกียรติ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ปัญหาขึ้นอยู่ กับว่าเป็นแล้วสบายใจ หรือเป็นแล้วได้ทำหน้าที่ของตัวเองหรือเปล่า...จะให้ ผมถอยหลังไม่ได้แล้ว เพราะผมมาเป็น ผบ.ทบ. แล้ว คงจับผมถอยหลังไปไม่ได้" กระทั่งมีการนำถ้อยคำของ "พล.อ.ประยุทธ์" ไปประเมินกันอย่างกว้างขวางว่า "บิ๊กตู่" อาจจะยอมรับเรื่องการโดนปรับย้ายข้ามห้วย เมื่อฝ่ายการ เมืองส่งสัญญาณมากดดัน และมีความต้องการที่จะเอา "คนของตัวเอง" มานั่งในเก้าอี้ ผบ.ทบ. เพราะถือเป็นเก้าอี้อันทรงพลังที่สามารถ "ชี้เป็นชี้ตาย" สำหรับรัฐบาลและการเลือกตั้งที่มีความ เป็นไปได้มากว่า...จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

...!!!

เหนืออื่นใด ไม่ว่ากระแสข่าวปลด "ผู้บัญชาการทหารบก" จะออกมาจากไหน แต่ที่แน่ๆ ย่อมไปกระตุ้น "ความหวาดระแวง" ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะความพยายามเลื่อยขาเก้าอี้ "ประยุทธ์" ได้ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยก้าวสู่อำนาจ และยังมีปัญหาค้างคาใจกันเมื่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง

นี่ยังไม่รวมกับ "ขั้วอำนาจเก่า" ที่ถูกเตะสกัดไปเมื่อครั้งหลังการปฏิวัติ ที่ต้องการกลับมาทวงคืนความชอบธรรม หรือต้องการ "ล้างเครือข่ายอำนาจในกองทัพ" ที่วางไว้เหนียวแน่นในช่วงหลังการปฏิวัติ ไม่ให้กลายเป็นหอกข้างแคร่สร้างความไม่พอใจให้รัฐบาลอยู่ร่ำไป

อีกด้านหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ก็คือ ความต้องการของ "ฝ่ายการเมือง" ทั้งในพรรคเพื่อไทยและขบวนเสื้อแดง ที่ยังมีความปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่จะเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นเสมือน "หอกข้างแคร่" ของรัฐบาล และ "ระบอบทักษิณ" มาโดยตลอด

ยิ่งหาก "มองข้ามช็อต" ไปถึงปลายปี ก็จะพบว่ามีหลายเรื่องที่รอ "เขย่าเสถียรภาพรัฐบาล" ทั้งคำพิพากษาคดี "ปราสาทพระวิหาร" และประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมไปกับการดันร่างปรองดองเพื่อล้างผิด-เลิกโทษ อันสืบเนื่องจากปมขัดแย้งทางการเมืองทั้งหลาย

แต่ละเรื่องยังมี "สารพัดม็อบ" จ่อคิวอยู่ ถ้าหาก ผบ.ทบ.ยังชื่อ "บิ๊กตู่" ฝ่ายการเมืองก็อาจมองว่า "อันตราย!" ฉะนั้นถ้าขยับออกไปได้ นั่นย่อมจะทำให้ "รัฐบาล" เดินไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น

ขณะที่อารมณ์กรุ่นๆ ของ "พล.อ. ประยุทธ์" นั้น ดูเหมือนว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ และ "กลไกอำนาจในรัฐบาล" น่าจะมีหนทาง...เอาอยู่! เพราะถ้ายก "เหตุผล" ที่ว่า...เป็นการเสียสละ เพื่อให้ "รุ่นน้อง" ได้มีโอกาสเติบโตไปตามไลน์กองทัพ เช่น ดั่งคอนเซปต์ "สมบัติผลัดกันชม" !!!

พลันให้มีคน "คิดสูตร" และเดินงานในการขยับไลน์อำนาจ สลับเก้าอี้ระหว่างผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปลัดกลาโหมเสีย แล้วก็ "เคลียร์ทาง" ให้ "บิ๊กตู่" ขยับขึ้นไปนั่งเป็น "ผบ.สส." ก็จะดูเป็นการปิดฉากอย่างสง่างาม ในชีวิตราชการที่ได้ดำรงตำแหน่งทั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.สูงสุด

ยิ่งต้องไม่ลืมว่า "บิ๊กแอ้ด" พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เป็น "สายตรงลูกป๋า" ก็ยังเคยโดนรัฐบาลจากการเลือกตั้งยุค "ทักษิณ ชินวัตร" ขยับด้วยสูตรนี้มาแล้ว

แต่หากไม่เป็นไปตามที่ "คาดหมาย" หรือ "ผู้นำกองทัพบก" ไม่ยอมสละเรือ...นั่นย่อมกลายเป็นความ สุ่มเสี่ยงของ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ที่ต้อง ประหวั่นกับวรรคทองอันหนาวยะเยือก ...โปรดฟังอีกครั้ง!!!