19 พฤษภาคมของทุกปี ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการย้อนรำลึก "โศกนาฏกรรมทางการเมือง" สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงในห้วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 เมื่อ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ออกมา "เรียกร้องประชาธิปไตย" ต้อง ตกเป็น "เหยื่อกระสุน" เสียชีวิตไปนับร้อยศพในแดนสังหารกลางสี่แยกราชประสงค์และแยกคอกวัว

หลังบุกฝ่า "ห่ากระสุน" ดงระเบิด แก๊สน้ำตา และกองเลือด มาถึงวันนี้ "หมู่มวลผู้รักประชาธิปไตย" ได้พัฒนา "ยกระดับขึ้น" จนกลายเป็น "พลังการเมือง" ที่มีจิตสำนึกทางการเมืองและมีสิ่งเรียกร้อง แน่วแน่ว่า พวกเขาต้องการ "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" และบรรลุถึงความเป็นธรรม!!

โดยเฉพาะ "ความเป็นธรรม" ที่พวกเขาเรียกร้องมานานหลายขวบปี คือการให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายในวิกฤติการเมืองตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา

ที่สำคัญเหนืออื่นใดคือ ความยุติธรรม ในโศกนาฏกรรมเมื่อปี 2553 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่ก่อให้เกิด ความสูญเสียใหญ่หลวง เพราะ "เจ้าหน้าที่รัฐ" ได้กระทำการจนเกินกว่าเหตุกับผู้ชุมนุม และยังประสบความล้มเหลวในการ "แยกปลาออกจากน้ำ" กระทั่งมีการสังหารผู้บริสุทธิ์ไปมากมาย

ความยุติธรรมที่เรียกร้องนี้ คือการเปิดเผยความจริงทั้งหมดถึงผู้บงการ ผู้สั่งการ ผู้ลงมือกระทำ และผู้ถูกกระทำ ภายใต้ กระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงการชดเชย เยียวยาอย่างเป็นธรรมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย

เช่นที่ว่านี้ ในค่ำคืนของวันที่ 19 พฤษภาคมปีนี้ จึงมีการรวมตัวอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของ "หมู่มวลผู้รักประชาธิปไตย" เพื่อย้อนรำลึก "3 ปี" ในความสูญเสียของพี่น้องร่วมอุดมการณ์ และยังเป็นเครื่องพิสูจน์อีกว่า ตลอด 3 ปีมานี้ประชาชนผู้รัก ประชาธิปไตยยังคงเพิ่มจำนวนและมีความเข้มแข็งมากขึ้นด้วยอุดมการณ์ที่เหนียวแน่น

ในครั้งนี้ กลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ใต้ปีกการนำของ "สหายปูน" ธิดา โตจิราการ ได้จัดงานรำลึกครบรอบ 3 ปีในรหัส "รำลึกวีรชนผู้กล้า เรียกหาความยุติธรรม"

เนื่องจากประเด็นความยุติธรรมยังเป็นประเด็นหลัก เพราะผ่านมา 3 ปี ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และญาติผู้สูญเสียยังไม่ได้รับความยุติธรรมที่แท้จริง อีกทั้งยังไม่สามารถ เอาผิดผู้สั่งการการสลายการชุมนุมได้ รวม ถึงการขอประกันตัวในการสู้คดีของคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขัง และการนิรโทษกรรมยังไม่มี รูปธรรมว่าคนเสื้อแดงได้รับความยุติธรรมอย่างไร

ขณะเดียวกันยังคงมี "ผู้ได้รับผลกระทบ" จากเหตุการณ์ความขัดแย้งทาง การเมืองดังกล่าว ถูกขังลืมในเรือนจำอยู่มากมาย แม้ว่าบางส่วนจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษไปแล้ว กระนั้น "คนเสื้อแดง" ก็ยังประกาศเดินหน้า "ทวงคืนอิสรภาพ" ให้แก่นักโทษคดีการเมืองอย่างต่อเนื่อง

เมื่อถึงวาระครบรอบ 3 ปี การชุมนุม ที่ราชประสงค์ของคนเสื้อแดง...ดาวไฮด์ปาร์ค อย่าง "ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์" แกนนำ นปช. ยังได้ระบุถึง "ความเป็นไป" และการเดินหน้าปล่อยคนออกจากคุกตามที่หลายฝ่ายเรียกร้อง...

"เวลานี้ต่างคนก็ต่างทำ นปช.เองก็ดำเนินการทุกอย่าง เพราะเวลานี้เราเป็นรัฐบาล บางเรื่องเราก็สามารถเจรจากันเป็น การภายในได้ และบางเรื่องก็แสดงความเห็นผ่านสาธารณะ ทุกกลุ่มทุกองค์กร ไม่ว่า จะเป็นอิสระหรือไม่เป็นอิสระ ทุกคนก็ต้องกล้าปลดปล่อยพี่น้องเราทั้งสิ้น ซึ่งเราก็พยายามกันอยู่ ผู้แทนเสื้อแดงก็เสนอเป็น พ.ร.บ. และก็ไปเลื่อนเป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งเมื่อเปิดสภาฯ เดือนสิงหาคมนี้ก็คงต้องไปว่ากันอย่างจริงจัง ส่วนเรื่องประกันตัวก็ทำ กันตามลำดับ เช่นพี่น้องอุดรธานีก็ปล่อยออกมาแล้ว ตอนนี้ก็รอที่อุบลราชธานี และ ก็ขอนแก่น มหาสารคาม และจะเริ่มทยอยๆ ทำ ขณะที่กำลังรอการนิรโทษกรรมให้เฉพาะประชาชน ผมอยากบอกว่าการต่อสู้ อย่าว่าประชาชนแค่เพียงสิบยี่สิบคน คนเดียวเราก็ทิ้งไว้ในคุกไม่ได้ ผมก็เชื่อว่าเปิดสภาไปเรื่องนี้จะผ่าน"

ที่ว่าชัดเจนในทิศทางการต่อสู้ "เดอะตู่" ทุบโต๊ะ!! อย่างไรก็ต้องเดินไปให้สุดซอย... "ถ้าไม่ทำ ฝ่ายที่โค่นล้ม เขาก็โค่น ล้มอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญเขาก็โดนอยู่ดี ไม่นิรโทษ กรรมให้ประชาชนเขาก็ล้มอยู่ดี ตรงนี้ผมเองก็พูดสื่อสารกับรัฐบาลว่า ถ้ากระบวนการ ของคนเสื้อแดงแข็งแรง รัฐบาลก็จะแข็งแรง เพราะคนเสื้อแดงจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เช่นเรื่องนโยบายก็ต้องเดินหน้าให้เต็มที่ และต้องซื่อสัตย์สุจริต ขณะเดียวกันก็ต้องคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งต้องนิรโทษกรรมบรรดาพี่น้องเรา และก็สีเสื้ออื่นๆ

"เรากำลังดำเนินการให้พี่น้องเราออกมาทุกคน...เหลือคนเดียวก็ไม่ได้" !!

ทางด้าน "รศ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ" อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ระบุในประเด็นการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม...เพราะถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมและชัดเจนแล้วว่า ประชาชนที่ถูกคุมขังควรได้รับการนิรโทษกรรม เพราะพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่อยากตั้งคำถามกลับไปยังผู้ที่คัดค้านว่า มันสนุกตรงไหนที่เห็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกจองจำโดยไม่มีความผิดอะไร บางคนต้องเสียชีวิตจากการ จองจำ ถามว่ามีเหตุผลอะไรที่จะคัดค้านการนิรโทษกรรม ทั้งที่มีตัวอย่างจากหลายคดีที่ศาลพิจารณาแล้วว่าชาวบ้านไม่มีความ ผิดแต่อย่างใด เช่น กรณีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ที่ศาลยกฟ้องไปจนหมดแล้ว

"ตอนนี้เลยเวลามานานพอแล้วที่รัฐบาลจะทำการนิรโทษกรรมให้กับผู้ต้องหา ทางการเมือง จริงๆ แล้วเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่รัฐบาลควรทำตั้งแต่มารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นรัฐบาลมา 2 ปีแล้ว เรื่องนี้ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย ไม่ทราบ ว่ารัฐบาลมัวทำอะไรอยู่ หรือว่าไม่เดือดร้อน ที่จะทำเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่ได้ติดคุก เช่นเดียวกับพวกเขา"

ในทรรศนะของ "รศ.โคทม อารียา" ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีความเห็นในเรื่องนี้ ว่า...ผู้ชุมนุมไม่ว่าเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ถูกคุมขังหลังออกมาชุมนุมเพื่อแสดงอุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งเวลาก็ผ่านมาหลายปี ย่อมมีสภาพย่ำแย่ทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้น เวลานี้คือช่วงเหมาะสมที่จะพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมให้มีการ บังคับใช้ เพื่อช่วยเหลือนักโทษการเมืองให้ได้รับอิสระเสรีภาพ!!

"แม้พรรคประชาธิปัตย์เคยประกาศว่าจะคัดค้านเต็มรูปแบบหากมีการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว แต่ระยะหลังๆ ก็เริ่มพูดว่าสามารถยอมรับได้หากเป็นการช่วยเหลือผู้ชุมนุมทุกกลุ่มทุกคน ดังนั้น อุณหภูมิ การเมืองคงไม่สูงถึงขั้นเดือด แต่อาจมีการถกเถียงในเรื่องรายละเอียดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา เพราะสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลกังวลและเป็นห่วงมากที่สุด คือการผลักดัน กฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือเอื้อประโยชน์แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ได้รับการนิรโทษกรรมนี้ด้วย แน่นอนว่าฝ่ายค้านจะนำเหตุผลดังกล่าวมาเป็นประเด็นโจมตี เพื่อไม่ให้ร่างนิรโทษกรรมผ่านออกมาได้"

ดังนั้น สิ่งที่พรรคเพื่อไทยควรทำคือ อธิบายให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจว่าการนิรโทษกรรมมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองทุกกลุ่ม ไม่ได้ช่วยทักษิณ แต่ถ้าอธิบายให้เข้าใจไม่ได้ จะเกิดปัญหาขัดแย้งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายต้องตระหนักได้แล้วว่า ประชาชนย่อมมีสิทธิที่จะออกมาแสดงอุดมการณ์ทางการเมือง และถือว่าไม่ได้กระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด ยกเว้นไปก่อคดีอื่นๆ แต่การนำผู้บริสุทธิ์ไปคุมขังนี้ ย่อมสร้างความเสีย-หายต่อสภาพจิตใจและร่างกาย จึงควรเร่งช่วยเหลือคนเหล่านี้ให้ได้รับอิสรภาพโดยเร็วที่สุด!!!