Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ยุบสภาดีกว่าปฏิวัติ
ยุบสภาดีกว่าปฏิวัติ
วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
Tweet
สะบัดร้อนสะบัดหนาว : ณรงค์ ปานนอก
ถ้าฝ่ายที่ยั่วยุหวังให้เกิดการปฏิวัติ ได้เห็นการรวมพลังมวลชนคนเสื้อแดงไปรำลึกถึงวันที่คนไทยถูกอำนาจรัฐสั่งฆ่าเมื่อ 3 ปีก่อนด้วยปริมาณล้นหลาม บาง คนคาดว่าน่าจะ 2 หมื่น บางคนว่า 3 หมื่น หรือ 5 หมื่น หรือเหยียบแสนคนที่ราชประสงค์เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมาก็ตาม
ตัวเลขมวลชนเหล่านั้นก็มากกว่า เข้มข้นกว่ามวลชน บางกลุ่มที่กำลัง "ดื้อแพ่ง" ฝ่าฝืนกฎเหล็กไม่ให้ชุมนุมทาง การเมืองที่สนามหลวงอันเป็นพระราชพิธีสถานที่พึงยำเกรง กันบ้าง (หรือมีใครยุยงให้ฝืนกฎได้ )
คนที่คิดจะยึดอำนาจ หรือแอบใช้ทหารเป็นเครื่องมือทำลายประชาธิปไตย แล้วตัวเองก็เกาะเกี่ยวหวัง "ขี่กระแสปฏิวัติ" เดินลัดเข้ากุมอำนาจทางการเมืองง่ายๆ ก็อย่าได้คิดว่าทหารเขา "สมองกลวง" จนไม่รู้เส้นสนกลเหลี่ยมการเมืองตื้นๆ เหล่านั้น
เมื่อมวลชนคนเสื้อแดงเขาเคยกล้าเสี่ยงชีวิตเข้าต่อต้านเผด็จการทหารจนเจ็บตลอดชาติและตายเกือบร้อยศพได้... หากเกิดปฏิวัติซ้ำ คิดหรือว่าเขาจะไม่รวมพลังเข้าต่อสู้อีก
ผิดกับมวลชนอีกฝ่ายที่เล่นเกมยั่วยุจนเห็นอาการ แต่กองทัพไม่ถูกรัฐบาลสั่งให้ออกมาปะทะหรือใช้วิธีโหดกับม็อบเหมือน อดีต แต่รัฐบาลกลับใช้ทัพตำรวจที่มีอุปกรณ์สกัดม็อบได้นุ่มนวลกว่า และไม่โหดร้ายถึงขั้นทำให้คนไทยสีไหนต้องมาตายนับศพ ฟ้องชาวโลกกันให้เกลื่อนเมืองหลวงอีก
อดีตที่ผ่าน จึงเป็นบทเรียนให้คนกุมอำนาจฉลาดพอที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ที่ทำท่าจะหนักหนาสาหัส กลายเป็นยืดหยุ่น ทุเลาลงได้
หลายคนอาจไม่คิด แต่ผมรู้สึกเองว่า นี่คือ คุณูปการที่รัฐบาลชุดนี้มีผู้นำเป็นสุภาพสตรี ซึ่งถือเป็น "จุดแข็งเนียนๆ" โดยซ่อนไว้ซึ่งอุบายแก้ปัญหาแบบนุ่มนวล ยิ้มแย้ม และผ่อนคลาย มากกว่าวิธีการแข็งกร้าวอันเป็นบุคลิกตรงข้ามของผู้นำที่เป็นบุรุษเพศ
ในฐานที่บุคลิกแท้จริงของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านก็เป็นคน สุภาพ พูดจาฉะฉาน ฟังทีไรก็สบายหูสบายใจในช่วงชีวิตเริ่ม แต่เมื่อได้เป็นผู้นำรัฐบาลแล้ว จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม กลับ "ถลำตัว" เข้าไปสู่เกลียวขัดแย้งรุนแรง จนบทบาทที่เป็น "นักประชาธิปไตย" ผ่านสถาบันที่น่าศรัทธามาจากดินแดนเจ้าตำรับประชาธิปไตยแท้ๆ ต้องมาแปดเปื้อนเลือดและชีวิตของมวลชน เหยียบร้อยร่างโดยไม่ได้ตั้งใจ
พร้อมๆ กับความไม่รับผิดชอบใดๆ ในฐานะผู้นำประเทศ จึงย่อมสลายศรัทธาที่เคยมีให้เสื่อมถอยลงไปพร้อมๆ กับ "วิถีการเมือง" ก็ยังเล่นตลกให้หลงระเริงไปกับลูกเล่น "แก้ตัว" หรือ "แก้เกี้ยว" หยิบบริบทหยุมหยิมมาขยายเพื่อให้สาธารณชนลืมไปข้องแวะกับ "แผลเก่า" ในระหว่างที่ตนเคยเป็นใหญ่
ก็อย่าได้แปลกใจว่า ถึงวันนี้แม้จะเรียกคะแนนเสียงคืนกลับไปให้มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นก่อนเป็นผู้นำ หรือใช้เวลากลบมลทินมากแค่ไหน ก็ยังไม่อาจ "ขัดรอยด่าง" ให้ใสบริสุทธิ์ดังเดิมได้
กระทั่งริทำตัวเป็น "โหร" ทำนายโดยใช้ตรรกส่วนตัว "ฟันธง" ว่า รัฐบาลจะยุบสภาในปีนี้ โดยอิงปัจจัยร้อนทางการเมืองมาประกอบ กลับถูกคนฝ่ายรัฐบาลแขวะว่า ไร้สาระ เพ้อฝันและมีอคติ
แต่เซียนการเมืองหาได้สนใจคำโต้ตอบของคู่กรณีทั้งสอง เขากลับวิเคราะห์คำทำนายของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านว่า กำลัง ส่งสัญญาณอะไรและหวังผลต่อการคาดเดาว่า รัฐบาลจะยุบ สภาปีนี้เพื่อต้องการให้สถานการณ์ทางการเมืองเป็นอย่างไร
ฝ่ายรัฐบาลมองว่า หัวหน้าฝ่ายค้านต้องการหยิบปมร้อนทางการเมืองมาขยายหวังให้เกิดพลังแนวร่วมมาช่วยผสมโรงต่อต้านรัฐบาล แล้วยั่วยุให้ทหารออกมาปฏิวัติ...แต่นัยที่น่าคิด คือ คุณอภิสิทธิ์แหย่รัฐบาลเพื่อหวังให้รัฐบาลออกมายืนยันว่า ไม่ยุบสภาแน่ อย่างน้อยก็เพื่อให้ฝ่ายค้านทุกคนได้สบายใจว่า ยังยืดอายุเป็น ส.ส.จนครบเทอมอีก 2 ปี...เพราะหากยุบสภาเร็ว ก็ไม่แน่ว่า ส.ส.ฝ่ายค้านจะได้กลับเข้าสภามาเท่าจำนวน เดิมหรือไม่ ?
จนวันนี้ ยังไม่เห็นวี่แววใดๆ บอกได้เลยว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน จะน่านิยมจนชาวบ้านอยาก "เปลี่ยนขั้ว"
ประการที่ 2 ช่วงเวลาที่เหลือ รัฐบาลอาจเดิน "สะดุดขาตัวเอง" ล้มลง อันเป็นโอกาสดีของฝ่ายค้าน "ฟลุก" หวนพลิกมาเป็นรัฐบาลอีกก็ได้...ประการที่ 3 ยิ่งบริหารประเทศ นานไป ถ้าฝ่ายค้านถล่มอย่างไม่ยั้งปาก ความนิยมของรัฐบาลก็อาจเสื่อมไปเรื่อยๆ
ประการต่อมา ถ้าใช้คารมหลอกให้รัฐบาลเชื่อว่าจะยุบสภาปีนี้ แล้วรัฐบาลหลงยืนยันไปว่า ไม่มีทางยุบ และจะบริหารต่อไปจนครบเทอม ก็เป็นโอกาสของฝ่ายค้านได้มีเวลาปฏิรูปพรรคตัวเองให้ดีขึ้นซักระดับหนึ่งก็ยังดี...เว้นแต่มีเวลามากพอแล้วก็ยัง "ไขสือ" ไม่ปฏิรูป มันก็เป็นเวรกรรมของพรรคเก่าไป
แต่ที่สำคัญกว่าคำทำนายของคุณอภิสิทธิ์คือ ยุบสภา ไม่ว่าจะเป็นปีนี้หรือปีที่หมดวาระ ก็ล้วนดีกว่าการปฏิวัติรัฐประหารพันเปอร์เซ็นต์
เพียงแต่อยากให้นักการเมืองชั้นหัวหน้าพรรคหันมาใช้ปัญญาวิเคราะห์มากกว่าเดาสุ่มตามตรรกตัวเอง...เพราะตั้งแต่คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ มา มีโหรานุโหรและเกจิอาจารย์หลายวัดเคยทายว่านายกฯ ปูจะอยู่ไม่นาน แล้วคุณ อภิสิทธิ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก
เล่นเอาคุณอภิสิทธิ์ ต้องลุ้นโชคชะตาด้วยความเพ้อฝันเรื่อยมาหรือไม่ จนทำท่าจะเชื่อเอาเองว่า เป็นความจริง... แล้วตั้งตนเป็นโหรการเมือง เที่ยวทำนายด้วยความเชื่อของตัวเองว่าเป็น "หมอดูแม่นๆ"
ก็เป็นห่วงไม่อยากให้ "อิน" จนเลยเถิด เดี๋ยวจะกลายเป็น "ตัวตลก" ในวงการเมืองไป!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ