ไม่แก้รัฐธรรมนูญรัฐบาลอยู่ไม่ได้!!

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ไม่แก้รัฐธรรมนูญรัฐบาลอยู่ไม่ได้!!


สัมภาษณ์พิเศษ "จตุพร พรหมพันธุ์" แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

ยาวนานกว่า 3 ขวบปีในการร่ำร้องและเพรียกหาความยุติธรรมของ "มวลชนเสื้อแดง" เมื่อพวกเขาได้หลอมรวมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ด้วยสิ่งที่เรียกว่า "อุดมการณ์" ในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งนับตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา ก็ทำให้ประเทศไทยถูกแช่แข็งไปชั่วระยะหนึ่ง แต่นั่นก็ทำให้ "เหล่าผู้รักประชาธิปไตย" แสดงออกถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่ได้มาซึ่ง "อำนาจอธิปไตย" ของปวงชน ชาวไทยโดยแท้จริง

โดยเป็นการต่อสู้กับความอยุติธรรมทุกรูปแบบ รวมถึงเหตุที่มาของวาทกรรม "สองมาตรฐาน" ที่ขยายวงกว้างอยู่ในสังคมไทยเวลานั้น สุดท้ายแม้ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียอันใหญ่หลวง มีการบาดเจ็บล้มตายกันไปมากมายใน "โศกนาฏกรรมทางการเมือง" ที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความรุนแรงในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553

หลายขวบปีที่ยาวนานนี้ จึงกลายเป็นว่า "หมู่มวลผู้รักประชาธิปไตย" ได้ยกระดับขึ้นเป็น "พลังการเมือง" ที่มีจิตสำนึกทางการเมืองและมีสิ่งเรียกร้องแน่วแน่ว่า พวกเขาต้องการบรรลุถึงความเป็นธรรมภายใต้กระบวนการยุติธรรมที่ตรงไปตรงมา รวมไปถึงการชดเชยเยียวยาอย่างเป็นธรรมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย

สำคัญเหนืออื่นใด ถนนสายประชาธิปไตยสายนี้...ต้องมาจากประชาชนโดยแท้จริง!!!

ยิ่งในสถานการณ์ที่ถือว่าเป็น "โค้งอันตราย" ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงการประกาศเดินสุดซอย ทั้งการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ การดันกฎหมายนิรโทษกรรม และแนว ทางสร้างปรองดองในสังคมไทย... "สยามธุรกิจ" จึงได้มีโอกาสพูดคุยกับ "ดาวไฮปาร์ค" ที่ถือว่าเป็นแกนนำคนสำคัญของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อไขความ เป็นจริงในวิกฤติการเมืองให้กระจ่างชัดยิ่งขึ้น...

"เดอะตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ บอกเล่าถึงความเป็นมาเป็นไปในทิศทางการต่อสู้ภายใต้ "รหัสการเมืองสีแดง" !!!

โดยหลังเหตุการณ์ยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา ได้มีคนกลุ่มต่างๆ จำนวนหลาย กลุ่ม เช่น วันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ พิราบขาว พล เมืองภิวัฒน์ หลากหลายกลุ่มมากที่ชุมนุมกันก่อนหน้านี้ แต่ประชาชนมาร่วมไม่มาก ต่อมาหลังจากไม่สามารถเปิดสถานีโทรทัศน์พีทีวีได้ ก็นัดหมายไปชุมนุมท้องสนามหลวง ประชาชนก็เริ่ม มาชุมนุมมากขึ้น หลังจากนั้นก็ชวนบรรดาหมู่มิตรที่ชุมนุมกันอยู่ก่อนเข้ามาร่วมตั้งองค์กร นปก. หรือ "แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ"

"นปก.ในยุคแรกเริ่ม มีอาจารย์มานิตย์ จิตจันทร์กลับ อดีตหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลฎีกา เป็นประธานคนแรก เวลานั้นก็พูดได้ว่าไม่ได้ใช้วีธีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ จนกระทั่งคุณสมัคร สุนทรเวช มาเป็นนายกฯ เห็นพวกผมจัดรายการ เพื่อนพ้องน้องพี่ในช่องเอ็มวี ท่านก็บอกว่าเสียดายอยากให้ประชาชนได้ชมมากกว่านี้ ก็เลยไปจัดที่ช่อง 11 และท่านก็ตั้งชื่อรายการให้เสร็จสรรพว่าความจริงวันนี้ ก็มีผม มีคุณวีระ (มุสิกพงศ์) มีณัฐวุฒิ (ใสยเกื้อ) และก็มีก่อแก้ว พิกุลทอง มาสลับในบางครั้ง ซึ่งตอนนั้นผมก็คิดว่าเป็นรายการโทรทัศน์ธรรมดา แต่พอเราเริ่มนัดคนที่เรียกว่าสัญจร เราก็ชวนให้คนใส่เสื้อสีแดงเป็นสัญลักษณ์ ธันเดอร์โดมคนนี่ล้นทะลัก หลังจากนั้นก็ตัดสินใจไปราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งก็มีคนมาร่วมเต็มทั้งอัฒจรรย์ลงไปจนถึงพื้นสนาม บอกตามตรงเราเองก็ไม่แน่ใจ แต่พอเห็นประชาชนมาเต็มสนาม ก็รู้ว่ามีคนติดตามรายการความจริงวันนี้เป็นจำนวนมาก"

"บางวันที่มีการให้ส่งเอสเอ็มเอสในเวลา 45 นาทีของรายการ มีการส่งเอสเอ็มเอสมาถึงผม 65,000 ข้อความ เพราะฉะนั้นจึงรู้ว่าเป็นรายการที่ประชาชนติดตามมาก และพอพลังประชาชนถูกยุบ พวกผมก็ไม่ได้จัดรายการ หลังจากนั้นเราก็เตรียมการสำหรับการต่อสู้กันแล้ว เพราะว่ามีการยุบพรรค ก็มีการย้ายขั้วไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ก็เริ่มมีการต่อสู้กันมาก และก็มีสถานีโทรทัศน์ โดยคณะบุคคลหนึ่งไปตั้ง แล้วเราไปจัดรายการ ขณะเดียวกันก็นัดหมายชุมนุม และคนเสื้อแดงก็เริ่มเติบโตไปตามต่างจังหวัด"

นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ "พลังการเมือง" ในรหัสสีแดงที่หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน!!!

เมื่อประชาชนเขาโตมาอย่างนี้ จะเห็นชัดเจน เลยว่า เวลาเขามาต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นสงกรานต์เลือด หรือว่าเมษายน-พฤษภาคมปี 2553 ก็จะเห็นได้ว่า ประชาชนเขาพร้อมสละชีวิต ยอมสละทุกอย่างในการต่อสู้ อย่างนี้ถ้าคิดว่าเราใช้เงินในการจัดตั้ง อย่า ว่าแต่ปืนเลย ประทัดนัดเดียวก็ไม่มีเหลือแล้ว แต่ว่าความที่เราหล่อหลอมในเชิงอุดมคติ ในเชิงอุดม-การณ์ ก็ใส่เข้าไปทุกวันทุกวัน

"เดอะตู่" ยังเล่าถึงทิศทางในการเคลื่อนไหวและไปข้างหน้าของคนเสื้อแดงไว้อย่างน่าสนใจยิ่งว่า...

"เวลานี้เสื้อแดงมีเป็นพันๆ กลุ่ม เวลาปกติก็มีความเห็นหลากหลาย มีสิทธิ มีเสรีภาพระหว่างกัน เพราะว่า นปช.เป็นองค์กรที่บริหารแค่ความรู้สึก เพราะมันไม่มีเรื่องในเชิงผลประโยชน์ ซึ่งในยามปกติเขาอาจจะมีความคิดที่หลากหลาย ขณะเดียวกันเราต้องการให้ประชาชนเติบโตในแต่ละจุด คือไม่ได้หมายความว่าจะต้องมารวมตัวกันที่พวกผม เป็นหลัก ถึงแม้จะเป็นเสื้อแดง แต่ก็มีจุดเกิดและเติบโตกันคนละแห่ง พวกผมก็จะไปสร้างโรงเรียนเสื้อแดงในที่นั่น เพื่อต้องการให้เกิดภาวะการนำในพื้นที่ เมื่อพวกผมเกิดมีปัญหา โดนล็อกตัว ก็จะยังมีการนำในพื้นที่ได้ ซึ่งก็เห็นปรากฏการณ์ในแต่ ละหนในแต่ละแห่ง ประชาชนก็สามารถขับเคลื่อนได้ แต่ยกเว้นในประเด็นที่เป็นสาธารณะ เป็นประเด็นรวม ก็จะมาร่วมมือกัน"

และที่ว่า "คนเสื้อแดง" ...แตกกันเองนั้น ถือ ว่าการมีหลายกลุ่มมันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งก็เคยพูดคุยกับบรรดาแกนนำทุกคนว่า คำว่าแกนนำเป็นคำ สมมติ ประชาชนเขามอบให้ในการต่อสู้ ไม่ใช่สมบัติ ติดตัวไปจนตาย แต่มันจะติดตัวไปจนกระทั่งวันที่เรา "ทรยศกับการต่อสู้" คำว่าแกนนำก็จบ ประชาชนเขาไม่ได้มาหลงรูป รส กลิ่น เสียง แต่ว่าที่เขามาร่วมชะตากรรมเดียวกัน เพราะเขาเห็นอุดมการณ์เดียวกัน และเห็นจิตใจในการต่อสู้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามไม่ยึดตามแนวทาง ประชาชนก็ไม่มีทางตามไป

"ความหลากหลายในแต่ละกลุ่ม มันก็ย่อมมีอยู่แล้ว บางจังหวัดมีถึง 60 กว่ากลุ่ม แต่เราส่วนกลางไม่มีหน้าที่ไปขัดแย้งกับใคร และทุกครั้งที่ นปช.นัดชุมนุมใหญ่ พี่น้องที่มีความเห็นที่แตกต่างในแต่ละกลุ่ม ก็จะมาร่วมชุมนุมกับเราด้วย"

ส่วนการปล่อยคนออกจากคุกตามที่ "แดงอิสระ" เรียกร้อง! แต่เพื่อไทยยังทำไม่ได้ เขาเล่าว่า..มันเป็นมิติที่ต่างคนต่างทำ..!!!

เป็นความจริงที่ว่า ต่างคนก็ต่างทำ นปช.ก็ดำเนินการทุกอย่าง เพราะเวลานี้เราเป็นรัฐบาล บาง เรื่องเราก็สามารถเจรจากันเป็นการภายในได้ และ บางเรื่องก็แสดงความเห็นผ่านสาธารณะ ทุกกลุ่มทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นอิสระหรือไม่เป็นอิสระ ความ จริงมันเป็นอิสระกันหมด ไม่มีใครไม่เป็นอิสระ ทุกคนก็ต้องกล้าปลดปล่อยพี่น้องเราทั้งสิ้น ก็พยายาม กันอยู่ ผู้แทนเสื้อแดงก็เสนอเป็น พ.ร.บ. และก็ไปเลื่อนเป็นวาระเร่งด่วน วาระที่ 1 เปิดสภาสิงหาคม ก็ต้องเอาเรื่องนี้เข้าก่อน ขณะเดียวกันเรื่องประกัน ตัวก็ทำกันตามลำดับ เช่น พี่น้องอุดรธานี ก็ปล่อยออกมาแล้ว ตอนนี้ก็รอที่อุบลราชธานี และก็ขอนแก่น มหาสารคาม และจะเริ่มทยอยๆ ทำ ขณะที่กำลังรอการนิรโทษกรรมให้เฉพาะประชาชน ผมบอกว่าการสู้ อย่าว่าประชาชนแค่เพียงสิบยี่สิบคน คนเดียวเราก็ทิ้งไว้ในคุกไม่ได้ ผมก็เชื่อว่าเปิดสภาไปเรื่องนี้จะผ่าน

เช่นเดียวกับการชุมนุมครบรอบ 3 ปีเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเสื้อแดงทุกจังหวัดยังมีความเข้มแข็งไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม พี่น้องประชาชนยังพร้อมต่อสู้เช่นเดิมในวันที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ก็ทราบดีว่าภารกิจการต่อสู้ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะยังไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และลดความเหลื่อมล้ำ หรือความสองมาตรฐานที่ดำรงอยู่ได้ ซึ่งเหตุทั้งปวงล้วนเป็นกลไกของคณะรัฐประหารที่วางไว้ หากแก้ปมเหล่านี้ไม่ได้ต่อให้เลือกตั้งชนะกี่ครั้งก็ไม่มีทางสำเร็จ โดยการเดินหน้าต่อไปของกลุ่มคนเสื้อแดง คือแก้รัฐธรรมนูญ และผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม

ยังคงเป็นความชัดเจนในทิศทางการต่อสู้ เมื่อ "เดอะตู่" ...ทุบโต๊ะ!! อย่างไรก็ต้องเดินไปให้สุดซอย..

"ถ้าไม่ทำ ฝ่ายที่โค่นล้ม เขาก็โค่นล้มอยู่แล้ว ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลสมัครก็โดนอยู่ดี รัฐบาลสมชาย (วงศ์สวัสดิ์) ก็โดนอยู่ดี เพราะฉะนั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญเขาก็โดนอยู่ดี ไม่นิรโทษกรรมให้ประชาชนเขาก็ล้มอยู่ดี ตรงนี้ผม เองก็พูดสื่อสารกับรัฐบาลว่า ถ้ากระบวนการของคนเสื้อแดงแข็งแรง รัฐบาลก็จะแข็งแรง เพราะคนเสื้อแดงจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ แต่ ขณะเดียวกันรัฐบาล ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เช่นเรื่องนโยบายก็ต้องเดินหน้าให้เต็มที่ และต้องซื่อสัตย์สุจริต ขณะเดียวกัน ก็ต้องคิดแก้ไขรัฐ-ธรรมนูญ รวมทั้งต้องนิรโทษกรรมบรรดาพี่น้องเรา และก็สีเสื้ออื่นๆ ในส่วนประชาชน ในส่วนการแก้ไข รัฐธรรมนูญ ตอนนี้ชัดเจนว่า ส.ส. และ ส.ว. ทั้ง 312 คน ก็แสดงตัวว่าไม่รับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าหากสิ้นสภาพไป ก็เลือกตั้งเข้ามาใหม่ หรือถ้าหากเป็นอื่นไป อย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็ต้อง เตรียมพร้อมที่จะเผชิญ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่ารัฐบาล ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่นิรโทษกรรม รัฐบาลจะอยู่ได้อย่างสบายๆ"

กระนั้นการเดินสุดซอย "จตุพร" ยืนยัน ว่าไม่ใช่สัญญาณรีโมตจาก "ทักษิณ" แต่เพียงผู้เดียว..

"นายกฯ ทักษิณ ก็เป็นคนที่เห็นปัญหาหลายๆ อย่างตั้งแต่ตอนที่ท่านเป็นนายกฯ และหลังจากนั้น ซึ่งนายกฯ ทักษิณ ก็มีความคิดความ อ่าน และก็มีข้อเสนอมา ส่วนคนในประเทศก็รู้ว่าถ้าไม่กล้าต่อสู้ ก็จะเจอปัญหาแบบเดิมๆ เลือก ตั้งมาเราชนะ แต่ก็ถูกปล้นอำนาจไปเหมือนทุก ครั้ง ผมก็เลยบอกว่า เราชักเกรงใจประชาชนเหมือนกัน ที่เลือกตั้งเข้ามาก็ถูกปล้นทุกที มาครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันว่า การที่ ส.ส.กล้าตัดสินใจ ไม่ว่าจะเรื่องการนิรโทษ และการแก้ไขรัฐธรรม-นูญ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ประชาชนเขาจะอุ้มกลับมา"

"เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อปี 2553 มันได้พัฒนาให้ประชาชนรู้มากขึ้น ไม่ใช่สมัยก่อนที่ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้ง นักการเมืองเป็นนักเลือก ตั้ง แต่ตอนนี้ประชาชนเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตย ชาวนาก็สามารถพูดเรื่อง 2 มาตรฐานได้ พูดเรื่อง ประชาธิปไตยได้ เพราะฉะนั้นถ้านักการเมืองไม่เป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตย นักการเมืองคนนั้นก็ตกขบวน ประชาชนก็ไม่ให้ความสนับสนุน ส่งผล ให้นักการเมืองก็ต้องพัฒนา เพราะประชาชนไปไกลแล้ว"

แม้จะดูเหมือนกับว่าอารมณ์ของคนเสื้อแดงยังคงคุกรุ่นอยู่ เพราะได้รับรู้ในหลายสิ่งหลายอย่าง...

การต่อสู้ของเราเป็นไปอย่างเปิดเผย ทั้งการจัดตั้งโรงเรียน หรือการชุมนุมก็ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ไม่มีพื้นที่ไหนหวงห้ามไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไป เพราะเราเชื่อมั่นว่าเราสู้แนวทางต่อสู้ด้วยสันติวิธี อสิงหา จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ฉะนั้นจึงมีประชาชนมาร่วมเป็นจำนวนมาก ทีนี้รัฐบาลเวลานั้น ถ้าเขาปล่อยให้ภาพปรากฏแบบนี้อยู่ เขาก็ไม่มีเหตุผลในการล้มล้าง เพราะฉะนั้นจึงต้องสร้างสถานการณ์ ให้เกิดว่าคนเสื้อแดงใช้ความรุนแรง ถือเป็นเกมทางการเมืองที่ถูกนำมาใช้ในการล้มล้าง

"ที่ผ่านมา รัฐบาลที่ปราบปรามและเข่นฆ่าประชาชนได้สร้างวาทกรรมเพื่อใส่ร้าย ประชาชนคนเสื้อแดงทุกอย่าง ตั้งแต่การใช้คำว่า "ขอคืนพื้นที่" หรือ "กระชับวงล้อม" ที่ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทำให้คนเสื้อแดงตายไปเกือบ ร้อยชีวิต ซึ่งวาทกรรมเผาบ้านเผาเมืองได้พิสูจน์ ชัดเจนทั้งในศาลอาญาและศาลแพ่งว่าไม่มีคนเสื้อแดงไปเผา ขณะที่ชุดผจญเพลิงที่อยู่ในห้างขณะนั้นยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ทำ ฉะนั้นจึงต้องการให้เอาตัวคนเผาตัวจริงมาเปิดเผย ซึ่งผม เชื่อว่าท้ายที่สุดผู้คนอาจได้เห็นโฉมหน้าคนเผาตัวจริง เพราะชุดผจญเพลิงเกือบ 500 ชีวิตที่อยู่ในห้างก็เห็น การต่อสู้ที่ผ่านมาของคนเสื้อแดง เองเป็นไปตามแนวทางสันติวิธี ทุกคนอยู่ด้วยมือเปล่า จึงตายด้วยมือเปล่า ไม่มีใครมีรอยเขม่าดินปืนที่มือ"

ปัจจัยใดที่อาจทำให้ "รัฐบาลพรรคเพื่อไทย" อยู่ได้...หรืออยู่ไม่ได้นั้น ในทรรศนะของ "ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์" ได้มีมุมวิพากษ์ที่ตรงไปตรงมาว่า...จุดแข็งแรงของรัฐบาลที่ทำให้อยู่ได้ก็คือ ต้องมีผลงาน มีความซื่อสัตย์สุจริต และคง ต้องทำใจว่า "ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลเองจะอยู่ไม่ได้" รวมไปถึงการนิรโทษกรรรม หรือแม้กระทั่งการยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ซึ่งเชื่อว่าถ้าดำเนินการทุกอย่าง ครบถ้วน รัฐบาลชุดนี้ก็จะมีภูมิต้านทานที่แข็งแรง เพราะว่าประชาชนนั้น เขาถือว่าเป็นหุ้นส่วนในการต่อสู้ด้วย ที่ผ่านมานั้น ทุกที่เสื้อแดงช่วยผู้สมัคร ในฐานะที่เป็นมิตรร่วมรบ ไม่ใช่ในฐานะผู้เลือกตั้งกับนักเลือกตั้ง

"กว่าจะได้รัฐบาลชุดนี้มา มันแลกมาด้วยเลือด ชีวิตและอิสรภาพ ผมเองก็พูดเสมอ ว่า อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องหลักการประชาธิปไตย ก็ควรดำเนินการให้ครบถ้วน" !!!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ