2 ยูทูปเบอร์ชื่อดัง เจ้าของ “BEARHOUSE” ชี้ ตลาดชานมไข่มุกในไทยไม่เหมือนเดิม กระแสธุรกิจชาบู หมาล่า มาแรง ผลักสู่ตลาด Blue Ocean แข่งขันไม่เดือด พร้อมเดินหน้าลุยขยายสาขาเจาะอีสาน เหนือ ใต้ สู่ 109 สาขา ภายในปี 2571 ตั้งเป้าดันรายได้พุ่งทะลุ 500 ลบ.

วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

2 ยูทูปเบอร์ชื่อดัง เจ้าของ “BEARHOUSE”  ชี้ ตลาดชานมไข่มุกในไทยไม่เหมือนเดิม กระแสธุรกิจชาบู หมาล่า มาแรง ผลักสู่ตลาด Blue Ocean แข่งขันไม่เดือด พร้อมเดินหน้าลุยขยายสาขาเจาะอีสาน เหนือ ใต้ สู่ 109 สาขา ภายในปี 2571 ตั้งเป้าดันรายได้พุ่งทะลุ 500 ลบ.


สำหรับใครที่เป็นเอฟซียูทูปเบอร์ชื่อดัง ช่อง “BEARHUG” ทั้งสองท่านที่ถ้าแฟนคลับจะรู้จักกันในชื่อของ พี่ซารต์ และพี่กานต์ ที่เป็นขวัญใจของเหล่าบบรรดากลุ่มวัยรุ่นที่ชอบดูรายการไลฟ์สไตล์การพาเที่ยว พากินอาหารอร่อย ๆ ของทั้งคู่ จนเมื่อ 4 ปีก่อนทั้งสองยูทูปเบอร์ชื่อดังได้ มาเปิดทำธุรกิจ “ร้านชานมไข่มุก” ภายใต้ชื่อร้าน “BEARHOUSE” ด้วยการชูจุดเด่นสร้างความแตกต่างแหวกตลาดด้วยไข่มุกสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นเอง เรียกว่า ไข่มุกโมจิ จากส่วนผสมของแป้งข้าวไทย พร้อมคอนเซ็ปต์ “เรียบง่ายแต่แตกต่าง” (Simple but Significant) ที่เปิดให้บริการสาขาแรกอยู่ที่ สยามสแควร์ ริมถนนอังรีดูนังต์ ที่มีการต่อแถวซื้อยาวที่สุดในตอนนั้น เพราะความแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร ประกอบกับชื่อเสียงที่โด่งดังของยูทูปเบอร์ทั้งสองคนนี้ด้วย

จนมาปีนี้ 2566 นี้ เป็นปีที่ BEARHOUSE ดำเนินธุรกิจครบรอบ 4 ปี พร้อมเดินหน้าสู่ปีที่ 5 แล้ว โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา BEARHOUSE เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นของวัตถุดิบและรสชาติที่เป็นซิกเนเจอร์ในแบบฉบับของตัวเอง คือ ไข่มุกโมจิปั้นสดสูตรเฉพาะที่คิดค้นและทำเองใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่แป้งซึ่งมีแป้งข้าวไทยเป็นส่วนประกอบ และปั้นสดใหม่ทุกวัน ไม่ใส่สารกันรา และสารกันบูด ให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่าง เคี้ยวนุ่ม หนึบหนับ กับเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อม

ซาร์ต ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ และ กานต์ อรรถกร รัตนารมย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้จัดการทั่วไป บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด สองยูทูปเบอร์ชื่อดังผู้ก่อตั้ง ร้านชานมไข่มุกแบรนด์ไทย “BEARHOUSE” (แบร์เฮาส์) กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา BEARHOUSE มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปี 2562  ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดดำเนินการ มียอดขาย 17 ล้านบาท ต่อมาในปี 2563 ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 82 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มียอดขาย 104 ล้านบาท และในปี 2565 สามารถทำยอดขายได้ 210 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 79% เมื่อเทียบกับปี 2564 ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในตลาดร้านชา ซึ่งมาจากการขยายสาขา พร้อมทั้งการเพิ่มโปรดักส์ไลน์ และเปิดตัวเมนูใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน BEARHOUSE มียอดขายเฉลี่ยวันละ 8,000 แก้ว แบ่งเป็นยอดขายวอล์คอิน (Walk-In) หน้าร้าน 60% และดิลิเวอรี (Delivery) 40% สำหรับแผนการรุกตลาดชานมไข่มุกตลอดปี 2566 บริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโต 50% จากปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารไทยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยปีละ 16% โดยในส่วนของตลาดร้านชายังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่เรามองว่าตลาดชานมไข่มุกตอนนี้ไม่ใช่ตลาด Red Ocean เหมือนเมื่อ 4-5 ปีก่อน ที่ผู้เล่นใหม่ทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศเข้ามาลงสมรภูมินี้เยอะจึงทำให้มีการแข่งขันสูงและมีคู่แข่งจำนวนมาก แต่ขณะนี้กลับกลายว่าตลาดชานมไข่มุกได้ไปอยู่ในตลาด Blue Ocean แล้ว เพราะเหลือผู้เล่นแบรนด์ชั้นนำที่ผู้บริโภครู้จักดีอยู่เพียงไม่กี่แบรนด์ ประกอบกับมีผู้ประกอบการหลายรายที่เลิกทำตลาดไป  อีกทั้ง ปัจจุบันผู้ประกอบการที่สนใจอยากทำธุรกิจหันไปสนใจในการเปิดธุรกิจร้านชาบู หมาล่า และ ร้านกาแฟค้อนข้างมากส่งผลให้ ตลาดชานมไข่มุกมีผู้เล่เข้ามาในตลาดนี้น้อยลง แต่ตลาดมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเตลาดรวมชานมไข่มุกถูกประเมินขนาดใหญ่ถึง 2.5 หมื่นล้านบาท แต่เรากลับมองว่าตลาดดังกล่าวมูลค่าน่าจะไม่เกิน 5,000 ล้านบาท จาก 3-4 ปีก่อน มูลค่าราว 3,000-4,000 ล้านบาท

เจ้าของร้านชานมไข่มุกแบรนด์ไทย “BEARHOUSE” ทั้งสองท่าน กล่าวต่อว่า สำหรับ สำหรับในปีนี้ 2566 เรามีแผนจะขยายร้านชานมไขมุกให้ได้ราว 33 สาขา จากปัจจุบันเรามีอยู่ที่ 23 สาขา และจะขยายไปยังตลาดต่างจังหวัดโดยปักธงในต่างจังหวัดทาง “ภาคอีสาน” เพิ่มขึ้นก่อน หลังนำร่องไปในจังหวัดนครราชสีมาแล้วผลตอบรับดีมาก และคาดว่าจะขยายไปยังจังหวัดที่เป็นจังหวัดใหญ่ ๆ ทางภาคอีสาน ต่อไป อาทิ ขอนแก่น อุดร เป็นต้น โดยจะเน้นขยายไปเปิดตามห้างสรรพสินค้ามากกว่า เปิดแบบสแตนด์อโลน และในปีหน้า 2567  ตั้งเป้าจะขยายไปเปิดจังหวัดทางภาคเหนือต่อไป อาทิ เชียงใหม่ และ ต่อไปยังภาคใต้ หาดใหญ่ เป็นต้น สำหรับ การเปิดร้านจะใช้งบลงทุนราว 3.5 ล้านบาทต่อสาขา โมเดลร้านมี 3 ขนาด ประกอบด้วย พื้นที่เล็กกว่า 50 ตารางเมตร(ตร.ม.) 50 ตร.ม.ขึ้นไป และ 80 ตร.ม.ไป

ทั้งนี้ ในส่วนการวางแผนการเติบโตระยะยาวของบริษัท เราต้องการเดินหน้าเปิดร้านชานมไข่มุก “แบร์เฮาส์” ให้ได้ถึง 109 สาขา ภายในปี 2571 เพื่อให้ครอบคลุมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย สร้างรายได้ขั้นต่ำให้ทะลุ 500 ล้านบาท เพื่อสานภารกิจการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนนำไปต่อยอดการเติบโต โดยเฉพาะนำร้านชานมไข่มุกสัญชาติไทยไปเปิดต่างประเทศ เคลื่อนตัวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก โดยบริษัทจึงได้ทำการศึกษาโมเดลธุรกิจของแบรนด์ชาขมไข่มุกชั้นนำในตลาดที่จะนำแบรนด์ไปทำตลาดต่างประเทศได้ อาจจะมีในรูปของ อาทิ การร่วมทุนกับพันธมิตรในท้องถิ่น การขยายตลาดผ่านแฟรนไชส์ เป็นต้น ซึ่งการเริ่มไปต่างประเทศอยากเห็นภายในปี 2568

ล่าสุด BEARHOUSE ได้เปิดตัวเครื่องดื่มเมนูใหม่ Fruit Tea Series ใน 2 หมวดสินค้าคือ ชาผลไม้นุ่มชีส และชาใสนุ่มชีส โดยกลุ่มที่เป็นเรือธงของ Fruit Tea Series คือ “ชาผลไม้นุ่มชีส” มีให้เลือก 3 รสชาติ คือ ชาพีชลิ้นจี่นุ่มชีส, ชาเนื้อส้มนุ่มชีส และชาเสาวรสมะม่วงนุ่มชีส ชูจุดเด่น “ชาผลไม้เนื้อเยอะ อร่อยคุ้ม นุ่มชีส” ให้เนื้อผลไม้แบบจัดเต็มทุกแก้ว เลือกใช้เนื้อผลไม้คุณภาพ และมีความพิถีพิถันในการต้มชาเพื่อให้ได้ชาที่หอม รสนุ่ม ไม่ฝาดติดลิ้น พร้อมด้วยท็อปปิ้งนุ่มชีส (Noom Cheese) สูตรเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของ BEARHOUSE ให้รสสัมผัสนุ่มละมุน ไม่หนักจนเลี่ยน หอมมันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยรสชาติของครีมชีสแท้นำเข้าจากออสเตรเลีย  มาพร้อมขนาดใหญ่จุใจในราคาแก้วละ 120 บาท

“จริง ๆ แล้ว BEARHOUSE มีเมนูชาผลไม้ที่ทานกับชีสมาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งในขณะนั้นยังไม่เป็นที่นิยม แต่ปัจจุบันเทรนด์และกระแสตอบรับชาผลไม้มาแรงมาก ๆ เราจึงถือโอกาสต่อยอดเป็นเมนูใหม่ได้ทันที และได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการทำการตลาดออนไลน์ เป็นทำการตลาดแบบ In-Store Marketing ด้วยการตกแต่งร้าน พร้อมทำสื่อขึ้นที่หน้าร้านทุกสาขา ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชัน เพื่อให้เกิดการ Trail Product ทดลองบริโภคสินค้า ซึ่งแม้ว่าการตลาดแบบใช้โปรโมชันจะทำให้เราแทบไม่ได้กำไรเลย แต่เราอยากให้ทุกคนได้ลอง เพราะมั่นใจว่าเมนูใหม่ของเราอร่อยไม่เหมือนใครจริง ๆ ทานครั้งแรกยังไงก็ต้องอยากกลับมาทานซ้ำแน่นอน”



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ