บิ๊กรถรางหนุนเงินกู้เชื่อต่อยอดศก.ไทยฉลุย

วันพฤหัสบดีที่ 06 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บิ๊กรถรางหนุนเงินกู้เชื่อต่อยอดศก.ไทยฉลุย


เป็นประเด็นที่ถกกันไม่จบสิ้นสำหรับเรื่องการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ ของประเทศไทย และเป็นที่ทราบดีว่าเม็ดเงินราว 82%ใช้ในการ พัฒนาระบบรถรางซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอนาคต

สำหรับในส่วนที่บริภาษอยู่ในขณะนี้ คงไม่พ้นเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งเป็น ส่วนที่สังคมต้องเฝ้าระวังร่วมกับองค์กรต่างๆ แต่การพัฒนาก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปซึ่งในเรื่องนี้ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดสัมมนาพิเศษเกี่ยวกับเทคโนโลยีหัวรถจักรที่จะมีผลต่อการพัฒนาประเทศไทย ในหัวข้อ "Rolling Stock Technology Sym posium" โดยมีผู้เชี่ยวชาญและผู้ผลิตหัวจักรชั้นนำของโลกมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีหัวรถจักรทุกประเภท ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าในเขตเมือง ระบบรถดีเซล และระบบรถไฟฟ้าระหว่างเมือง ระบบโมโนเรล ในการนี้มี ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุง-เทพฯ (รฟม.) และกรรมการบริษัท ระบบ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงวิสัยทัศน์

"ประภัสร์ จงสงวน" ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวถึงนโยบายที่สอดคล้องกับการพัฒนาระบบขน ส่งในประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะโครงการเงินกู้ของรัฐบาล ที่จะนำมาพัฒนา การขนส่งระบบรางนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะในระยะยาวจะประหยัดกว่าค่าขน ส่งทางถนนมาก

"ที่ผ่านมาประเทศไทยลงทุนด้านระบบรางน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศ อื่นในเอเชีย ทั้งนี้จะเป็นเงินสำหรับการพัฒนาระบบรถไฟราว 1.3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการปรับปรุงรถไฟเดิมและการสร้างรถไฟความเร็วสูง"

สำหรับในอนาคตจะมีการปรับปรุงรางให้เป็นรางคู่ทั้งประเทศ และจะมีทางสายใหม่ 3 เส้นทาง รวมถึงพัฒนาหัวรถจักร กับตู้โดยสารเพิ่มเติม ซึ่งกำลังประกาศ ให้เอกชนเข้าเสนอราคาหัวรถจักร 50 หัว และตู้โดยสาร 115 ตู้ และหวังว่าในอนาคต จะพัฒนาเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด

ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงจะเกิดขึ้น 4 เส้นทาง คือ เชียงใหม่ โคราช หัวหิน ระยอง เชื่อว่า พ.ร.บ.เงินกู้ฯ ที่กำลัง จะออก คือ ให้อำนาจกระทรวงการคลังไป กู้เงิน ยังไม่เกี่ยวกับเรื่องโครงการก่อสร้าง รถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาล บอกกับสภา โดยกระบวนการขออนุมัติโครงการก็จะเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ไม่มีการ ใช้วิธีพิเศษ ต้องทำเรื่องเสนอ มีการศึกษา รายละเอียด ผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงจะ มีการไปกู้เงินที่มีข่าวว่าจะไปกู้เงินสองล้านล้านมากองไว้ ไม่ใช่จะกู้ต่อเมื่อโครงการผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วเท่านั้น

"ยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล" ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (รฟม.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลได้อนุมัติแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ เมื่อปี 2553 ทำให้มีเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 400 กิโลเมตร โดย รฟม. รับผิดชอบประมาณ 230 กิโลเมตร เป็นจำนวน 6 สาย มูลค่าการลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาท โดยจะเริ่ม ก่อสร้างทุกสายไม่เกินปี 2558 และเปิดให้ บริการได้ไม่เกินปี 2562 ตั้งเป้าผู้โดยสาร 5 ล้านคนต่อวัน ในราคา 20 บาท ตลอดสาย ซึ่งจะต้องใช้เงินอุดหนุนสูงมาก การขาดทุนก็จะมากขึ้นด้วย

ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวอีกว่า โครงการ รถไฟฟ้าใหม่ 6 สาย เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ที่สำคัญสองฉบับ คือ พ.ร.บ.เงินกู้สองล้าน ล้าน กับ พ.ร.บ.ร่วมทุนฉบับใหม่ โดย พ.ร.บ. เงินกู้เป็นตัวสะท้อนว่า รัฐบาลมีความจริงใจกับการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวล ชน เพราะถ้าไม่ใช้ พ.ร.บ.เงินกู้จะไม่สามารถ ดำเนินการได้ใน 8 ปี เพราะจะติดเพดานหนี้สาธารณะที่จำกัดไว้ที่ 20% ต่อปีของงบประมาณแผ่นดิน และจะทำให้เกิดความ คล่องตัวตามมา เนื่องจากการกู้ครั้งนี้กระทรวงการคลังไม่ต้องมาขอครม.เป็นครั้งๆ อีกต่อไป สามารถกู้เงินล่วงหน้าเตรียมเงิน รอไว้ได้ แต่ยังคงให้ครม.อนุมัติเป็นรายโครงการเหมือนเดิม

ส่วน พ.ร.บ. ร่วมทุนฉบับใหม่ นายยงสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการปรับปรุงกระบวน การให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ให้คล่องตัวกับการร่วมทุนกับเอกชน มากกว่า พ.ร.บ. ร่วมทุนฉบับเดิมที่ออกเมื่อปี 2535 ก.ม. ฉบับ นี้ผ่านสภาแล้ว ประมาณเดือนตุลาคมนี้จะสามารถใช้กฎหมายฉบับนี้ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งจะมีกระบวนการทำราคากลางตาม กฎหมายที่ ป.ป.ช. กำหนด

"ศ.ดร.อาณัติ อาภาภิรม" กรรมการบริษัท ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า นโยบาย สาธารณะด้านระบบขนส่งทางบกไทยในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา เน้นพัฒนาแต่ระบบ ถนน จนจำศีลระบบราง ปัจจุบันจึงเป็นสภาวะ ความไม่สมดุลของทั้งสองระบบ ประชาชนนิยมใช้ระบบถนนเนื่องจากมีคุณภาพมากกว่า ขณะที่ระบบรางยังด้อยคุณภาพ เช่น รถไฟที่ไม่ตรงเวลา ดังนั้นถึงเวลาที่ควรจะสร้างการแข่งขันทั้งสองระบบให้สมดุลกัน

พร้อมกันนี้ ศ.ดร.อาณัติ ยังแสดงความเห็นด้วยว่า เมืองไทยควรมีรถไฟความ เร็วสูง เป็นการมีด้วยความจำเป็น ไม่ใช่เพื่อทันสมัย แต่อยากให้มีแบบระมัดระวัง มีแบบสั้นๆ ก่อน โดยสร้างไปเรียนรู้ไป

"เราหยุดนิ่งกับระบบรางมานานมาก มายุคนี้จะพัฒนาก้าวกระโดดทันที การลงทุนจะสูง ต้องสร้างด้วยความเร็วที่สมเหตุสมผล และต้องมีโครงสร้างการบริหาร ที่เหมาะสมมารองรับกิจกรรม และเงินจำนวน มากขนาดนี้ อาจมีการสร้างหน่วยงานใหม่ หรืออาจรื้อฟื้นกรมรถไฟขึ้นใหม่ เพราะจะตั้งงบประมาณได้เอง แล้วมอบให้การรถ ไฟดำเนินการ เพื่อให้การแข่งขันสมดุลมากขึ้น" ศ.ดร.อาณัติกล่าว


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ