6 ปัจจัย "รัฐบาลล้ม"

วันพฤหัสบดีที่ 06 มิถุนายน พ.ศ. 2556

6 ปัจจัย


ปฏิวัติรัฐประหาร ถือเป็นปัจจัยพิเศษ ถ้าทหารเพียงคิดอยากได้อำนาจทางลัดโดยไม่แยแสระบอบประชาธิปไตย หรือเห็นประชาธิปไตยเป็น "เครื่องมือสนองตัณหาอำนาจ" ย่อมเป็นเรื่องไม่ยากถ้าคิดจะทำ...แต่เมื่อยึดอำนาจแล้วจะอยู่ง่าย หรือเป็นตราบาปไปชั่วชีวิตอย่างที่ "บิ๊กบัง" เคยคิดว่าเป็นของสนุก แต่ทุกข์ถนัดมาจนบัดนี้ต่างหาก

ที่ชาติประชาธิปไตยทั่วโลกเขาก่นประณามทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ยิ่งมหาชนภายในประเทศ "ไม่เอาด้วย" ก็ยิ่งแล้วใหญ่...ก็ดูคนปฏิวัติ กับคนที่ "ยืมมือทหาร" ยึดอำนาจแล้วตัวเองได้เกาะเกี่ยวอาศัยค่ายทหารเป็นแหล่งสุมหัวตั้งรัฐบาล จนนำมาซึ่งการลุแก่อำนาจทำให้คนไทยต้องตายร่วมร้อยศพ

ลองอ่านใจคนที่เดินเกมอำนาจผิดพลาดจน "ตายทั้งเป็น" เวลานี้เขามีความสุขดีอยู่หรือ?

หรือว่าวันๆ เหมือนตกนรกหมกไหม้อยู่ทุกขณะจิตกันแน่!

แต่วันนี้ผมกลับถูกใจความเห็น 6 ปัจจัยที่ทำให้ "รัฐบาลอยู่ยาก" ของคุณมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตั้งแต่เริ่มอยู่ในตำแหน่งนี้มาผมไม่เคยเห็นเธอโต้แย้งรัฐบาลอย่าง "เข้าตา" เลย หยิบแต่ประเด็นหยุมหยิมตอบโต้จนน่ารำคาญไม่สมแก่สถานภาพของพรรคการเมืองใหญ่

6 ปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลอยู่ยากคือ 1.หนี้ครัวเรือนของประชาชนเพิ่มจาก 28% เป็น 39.8% มีหนี้เสียพุ่งมาก แต่รายได้ต่อครัวเรือนลดลง 2.รายได้เกษตรกรหายไป ราคาผลผลิตหน้าสวนตกต่ำ แต่พอไปถึงมือผู้บริโภคกลับราคาสูง 3.รัฐบาลบริหารงานขาดธรรมาภิบาล เพราะผู้ใกล้ชิดรัฐบาลฉวยโอกาส ไปซื้อที่ดินแต่ละที่ทำโครงการใหญ่ได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว 4.เกิดภาวะคนตกงาน มีอาชญากรรมเพิ่ม แต่ความปลอดภัยลดลง 5.ข้าวยากหมากแพง ไข่ไก่ฟองละ 5 บาท และ 6.การยัดเยียดวาระปรองดองแบบซ่อนเงื่อน จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของรัฐบาล

ใน 6 ปัจจัย มี 2 เรื่องที่ไม่อยากแสดงความเห็น เนื่องจากข้ออ้างการบริหารงานขาดธรรมาภิบาล คนเป็นรัฐบาลสามารถถูกตำหนิได้พอๆ กัน เพราะ ยามประชาธิปัตย์เรืองอำนาจก็ถูกครหาน้อยเสียเมื่อไหร่...ส่วนวาระปรองดอง เป็นเรื่องของความตั้งใจ "ไม่อยากปรองดอง" กันมากกว่า

4 ปัจจัยที่เหลือถือเป็นความเดือดร้อนของประชาชนล้วนๆ...ข้าวของขึ้นราคา จนสบโอกาสไข่ไก่แพงอีกครั้ง ฝ่ายค้านจะได้ฟาดฝีปาก "เอาคืน" ตอน "ไข่ชั่งกิโล" เสียที

ผู้มีรายได้น้อยวันนี้มีรายได้เพิ่ม 10% แต่กลับจ่ายฟุ่มเฟือยเพิ่มถึง 15% รวมทั้งสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าก็เพิ่มรายจ่ายที่เกินตัวทั้งสิ้น...เป็นข้อมูลที่น่าสนับสนุนและนำเสนอทางแก้อย่างเร่งด่วนกว่าเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น

ดีกว่าไปโจมตีเรื่องรถไฟความเร็วสูง 2.2 ล้านล้าน หรืองบแก้น้ำท่วม 3.5 แสนล้าน ที่ยังเป็นแค่ โครงการ "วุ้น" ซึ่งประมาณการไว้โดยยังไม่ได้ใช้เงิน ไม่ได้กู้เงินมาใช้ซักสลึงเดียว แต่ฝ่ายค้านก็พูด "ดักหน้าดักหลัง" เหมือน "ตีตนไปก่อนไข้" หรือสร้างจินตนาการแห่งความกลัวจนเกินเหตุ เพื่อจะกลบเกลื่อนวิสัยทัศน์ที่เป็นรูปธรรมชัดเจนกว่าของฝ่ายรัฐบาล

นี่แหละคือ บทสรุปหนึ่งของคุณอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่มองว่า วิธีคิดของประชาธิปัตย์ยัง "ไล่ไม่ทัน" พรรคเพื่อไทยทั้งในเชิงนโยบายและเชิงบริหารจัดการ

แต่วิธีสะท้อนปัญหา 4 ปัจจัยของคุณมัลลิกา ซึ่งมองว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์อาจอยู่ในอำนาจยากยิ่งขึ้น เพราะปัญหาหนี้สินครัวเรือนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกทาง

ผมเคยแสดงความเห็นว่า นโยบาย "รถคันแรก" อาจดีในแง่ทำให้เงินสะพัดควักจ่ายกันว่อนตลอดปีที่แล้ว รถยนต์ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เหมือนสินค้า เลหลังในตลาดนัด แต่พอทุกอย่างสงบนิ่งมาถึงวันนี้ ถึงได้รู้ว่า เงินหายไปเข้ากระเป๋าต่างชาติที่เป็นผู้ผลิตรถ พร้อมๆ กับเงินในกระเป๋าผู้ซื้อซึ่ง "ชักหน้าไม่ถึงหลัง" อยู่แล้ว ก็ยิ่งฝืดเคืองถึงขั้นไม่มีใช้จ่าย เพราะเงินที่ตัดสินใจซื้อรถคันแรก กลับไปอยู่ในเกณฑ์ "ฟุ่มเฟือยเกินตัว"

แล้วประชาชนก็ไม่พ้นวังวนหมกวิถีชีวิตแบบ "ตายผ่อนส่ง" หรือ "ผ่อนส่งจนตายกันไปข้าง"

รัฐบาลอาจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้ เพราะมองเป็นปัญหาส่วนตัวของแต่ละครอบครัว แต่ถ้ามองเป็นภาพรวม เห็นหนี้ประชาชนเหมือนประเทศเป็นหนี้ทั้งแผ่นดินแล้ว มันอันตรายและท้อแท้เข้าขั้นวิกฤติ

ถามว่า แล้วมันเป็นปัจจัยกระทบให้รัฐบาลอยู่ยากตรงไหน

เมื่อประชาชนเห็นอนาคตตัวเองแล้วจึงตัดสินใจไม่ยากไงว่า ใครมาชวนให้ เห็นดีเห็นงามกับประชาธิปไตยก็เอา วันดีคืนดีเกิดเบื่อ ใครมาชวนให้ไปยุทหารปฏิวัติก็เอา

อยู่ในระบอบไหน มันก็มอมเมาผู้คนเป็นหนี้ชั่วชีวิตอยู่แล้วนี่ จะไปแคร์อะไรกับ 3 วันชื่นชมประชาธิปไตย จู่ๆ 7 วันไพล่ไปหนุนเผด็จการ..ก็เพราะ แผ่นดินทองผืนนี้มีเจ้าของเป็น "คนไทย" ไงครับ!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ