Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 5 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
กฟผ.เตือนภาคกลางเสี่ยง "ไฟฟ้าดับ" สรุปเหตุการณ์ 14 จังหวัดภาคใต้สุดวิสัย
กฟผ.เตือนภาคกลางเสี่ยง "ไฟฟ้าดับ" สรุปเหตุการณ์ 14 จังหวัดภาคใต้สุดวิสัย
วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Tweet
นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผย "สยามธุรกิจ" ถึงความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคกลางว่า ในพื้นที่ภาคกลางยังไม่เห็นประเด็นไฟฟ้าจะดับพร้อมกันทั่วพื้นที่ เพราะว่ามีสายส่งเชื่อมโยงกับภาคเหนือและภาค ตะวันออก จึงยืนยันได้ว่าระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคกลางจะไม่ประสบปัญหาไฟฟ้าดับพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ภาคกลางยังมีปัญหาการรวมจำหน่าย ความหนาแน่น แม้ว่าจะไม่มี ปัญหาในภาพใหญ่ แต่บางพื้นที่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าดับได้เช่นกัน
"ภาคกลางก็มีความเสี่ยงไฟฟ้าดับเช่นกัน แต่จะเป็นโซน เป็นแอเรียไป ไม่เกิดปัญหาดับพร้อมกันเหมือนภาคใต้แน่นอน"
ขณะที่การประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง มีนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน การไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อสรุปข้อเท็จจริงพร้อมเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาจากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด ตั้งแต่จังหวัดชุมพร ลงไปจนใต้สุดถึงจังหวัดสตูล นราธิวาส และยะลา เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 เวลา 18.20 น. นั้น
จากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาค ใต้ข้างต้น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้ตรวจสอบสาเหตุและสภาพปัญหารวมทั้งผลกระทบของการเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด รวมทั้งนำเสนอมาตรการแก้ไข ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้มีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัดมาชี้แจงให้ข้อมูล โดยมีการตั้งประเด็นในการสอบข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุม หรือเป็นข้อบกพร่องอื่นๆ หรือไม่ รวมทั้งเมื่อเกิดเหตุวิกฤติขึ้นผู้ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามคู่มือปฏิบัติที่กำหนดไว้ในทุกขั้นตอนแล้วหรือไม่
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวได้ดำเนินการแล้วเสร็จ โดยสรุปได้ 3 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นแรก สายส่ง 500 เควี จอมบึง-บางสะพาน 2 วงจร ที่ 2 ถูกปลดเพื่อบำรุงรักษาฉุกเฉิน (Unplanned) ประเด็นที่สอง เกิดฟ้าผ่าบนสายส่ง 500 เควี จอมบึง-บางสะพาน 2 วงจรที่ 1 และประเด็นที่สาม ระบบ HVDC ที่ กฟผ. รับไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียเกิดขัดข้องทำให้ระบบไฟฟ้าของ ภาคใต้ถูกแยกออกจากระบบไฟฟ้าหลักของประเทศ หลังกจากนั้นเกิดไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัดในภาคใต้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่สั้นมากคือประมาณ 5.2 วินาที
หลังเกิดเหตุการณ์ กฟผ. เริ่มทยอย นำสายส่งเชื่อมโยงระหว่างภาคกลางกับภาคใต้ ทั้งระบบ 500 เควี และ 230 เควี เข้าใช้งานตามลำดับ เพื่อใช้ในการเริ่มเดินเครื่องโรงไฟฟ้า สามารถเริ่มจ่ายไฟฟ้าให้กับสถานีไฟฟ้าแรงสูงหลังสวน จังหวัดชุมพรเป็นแห่งแรก ตั้งแต่เวลา 19.05 น. และสามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าครบทุกสถานีไฟฟ้าแรงสูงในภาคใต้ของ กฟผ. ในเวลา 20.12 น. จากข้อเท็จจริงดังกล่าว คณะกรรมการฯ จึงมีความเห็นว่า เหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งนี้เป็นเหตุ สุดวิสัย ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของ กฟผ. ซึ่งได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามคู่มือปฏิบัติที่กำหนดไว้ในทุกขั้นตอนแล้ว
"ที่ประชุมได้รับทราบมาตรการป้องกันปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงให้มีการทบทวนภาพรวมการวางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าและระบบ ส่งไฟฟ้า โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าทั้งประเทศ ซึ่งขณะนี้ กฟผ. ได้เริ่มดำเนินการมาตรการระยะสั้นอย่างเร่งด่วนแล้ว"
สำหรับมาตรการป้องกันไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด แบ่งเป็นมาตรการ ป้องกันปัญหาในระยะสั้น ดังนี้ 1.ให้กฟผ. และกฟภ.ร่วมกันทบทวน ศึกษาการตั้งค่าและปรับปรุงการทำงานของอุปกรณ์ปลดโหลด เพื่อดับไฟฟ้าผู้ใช้ไฟฟ้าบางส่วน รวมทั้งหาวิธีการตรวจสอบอุปกรณ์ปลดโหลด เพื่อดับไฟผู้ใช้ไฟฟ้าบางส่วน ซึ่งติดตั้งตามสถานีไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. และกฟภ. อย่างสม่ำเสมอ แล้วนำเสนอแผนดังกล่าวต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อทราบ
2.ให้ กฟผ. ทบทวนและฝึกซ้อมแผนการปฏิบัติการควบคุมระบบไฟฟ้าในสภาวะวิกฤติรวมทั้งฝึกซ้อมร่วมกับ กฟภ. อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง 3.ให้ กฟผ. ทบทวนแผนการกู้ระบบไฟฟ้ากลับคืน หรือแผน Blackout Restoration รวมถึงการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดระยะเวลาการเกิดไฟฟ้าดับ
4.ให้ กฟผ.ทบทวนการทำงานบำรุง รักษาระบบส่งและโรงไฟฟ้าภาคใต้ให้มีความสอดคลัองกัน และไม่กระทบต่อกำลัง การผลิตไฟฟ้าสำรอง บนสมมติฐานที่ไม่พึ่งพาระบบ HVDC จากประเทศมาเลเซีย เป็นหลัก 5.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ การไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง และหน่วยงานกำกับดูแลกำหนดหลักปฏิบัติเพื่อรองรับสถานการณ์กรณีมีความจำเป็นที่จะต้องดับไฟบางส่วน เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและไม่ให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง
ส่วนมาตรการป้องกันปัญหาในระยะ ยาว ประกอบด้วย 1.วางแผนพัฒนากำลัง ผลิตไฟฟ้าในภาคใต้ให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าและกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองเพียงพอ เพื่อให้ระบบไฟฟ้าในภาคใต้สามารถพึ่งพาตนเองได้ 2.เนื่องจากภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทำให้มีอัตราความต้องการไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น จังหวัดภูเก็ต และสงขลา เป็นต้น ดังนั้น จึงควรพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าควบคู่ไปด้วย โดยให้ กฟผ. เร่งดำเนินการจัดทำโครงการพัฒนาระบบ ส่งไฟฟ้า 500 เควี หรือ 230 เควี เพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ จากบริเวณภาคกลางไปยังจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดสงขลา เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความสามารถส่งกำลังไฟฟ้าจากภาคกลาง ไปยังภาคใต้ได้เพิ่มมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
"มนพร" หนุนพัฒนาขีดความสามารถรองรับเที่ย...
...
บีทีเอส กรุ๊ปฯ เปิดหลักสูตร “BTS Group I...
...
TSB เปิดตัว “Student Smile Card” บัตรโดย...
...
"มนพร" หนุนวิทยุการบินฯ นำเทคโนโลยีดิจิท...
...
ซุปเปอร์ เทอร์เทิล ตอกย้ำความคุ้มให้กับส...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ