“กรมเจ้าท่า”ย้ำแผนพัฒนาท่าเรือครูสรับตลาดท่องเที่ยวไทยเติบโต เร่งเดินหน้าศึกษาพื้นที่เป้าหมาย มุ่งสร้างเศรษฐกิจท่องถิ่นยั่งยืน

วันจันทร์ที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

“กรมเจ้าท่า”ย้ำแผนพัฒนาท่าเรือครูสรับตลาดท่องเที่ยวไทยเติบโต เร่งเดินหน้าศึกษาพื้นที่เป้าหมาย มุ่งสร้างเศรษฐกิจท่องถิ่นยั่งยืน


กรมเจ้าท่า เดินหน้าพัฒนาท่าเรือรับตลาดท่องเที่ยวเรือสำราญ โตเฉลี่ย 14 % ต่อปี  คาดปี 2571 เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน โดยกองวิศวกรรม เตรียมความพร้อม เพื่อพัฒนาท่าเรือขนาดใหญ่ รองรับเรือท่องเที่ยว เจาะตลาดมูลค่าสูง  สร้างรายได้เข้าประเทศ ประชาชนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์จากธุรกิจท่องเที่ยวทางน้ำ 

กรมเจ้าท่า โดยกองวิศวกรรม มีแผนในการพัฒนาศักยภาพการให้บริการท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) สนับสนุนธุรกิจเรือครูสในประเทศไทยให้มีความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้ ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทย - ฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพและทรัพยากรที่เป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดเรือสำราญที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นในประเทศไทย 14 % ต่อปี และปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้คลี่คลายลงส่งผลให้ตลาดท่องเที่ยวเรือสำราญเติบโตอีกครั้ง สร้างรายได้ให้กับภาคธุรกิจการท่องเที่ยว กระจายลงสู่ประชาชนในท้องถิ่น
    
กรมเจ้าท่าได้รับจัดสรรงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2566 ภายใต้แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว วงเงินรวม 156.15 ลบ. เพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) จำนวน 3 โครงการ ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือผ่านประเทศไทย ทั้งในเส้นทางเดินเรือฝั่งอันดามันซึ่งมีท่าเรือต้นทางที่สิงคโปร์ ท่าเรือปลายทางที่จังหวัดภูเก็ต และเส้นทางฝั่งอ่าวไทยมีท่าเรือต้นทางที่สิงคโปร์ และท่าเรือปลายทางที่ฮ่องกง โดยผ่านประเทศไทยซึ่งแวะเข้าจอดที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี แนวทางการพัฒนาดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ พ.ศ.2561 -2570  ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผนวกกับผลการศึกษาที่กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการไว้เดิม  โดยขอบเขตการศึกษาต้องศึกษาทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อม กฎหมายการร่วมทุน และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาวิชา อีกทั้งตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน  พ.ศ.2562 กำหนดให้ต้องจ้างที่ปรึกษาดำเนินการ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษา 

โดยทั้ง 3 โครงการที่ขอตั้งงบประมาณ สนับสนุนครอบคลุมทุกเส้นทางการเดินเรือครูสผ่านประเทศไทย ได้แก่ 

1. โครงการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี สัญญาจ้างเลขที่108/2563/พย. ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2563 วงเงินรวม 18.00 ลบ. (ปี 63=2.70 ลบ. ปี 64=4.68 ลบ. ปี 65=10.62 ลบ.) กำหนดแล้วเสร็จ 18 ธันวาคม 2564 
         
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาวิเคราะห์ตามหลักเกณฑ์การให้เอกชนร่วมลงทุนกับรัฐ จัดทำรายงานเสนอ ครม. เพื่อเห็นชอบให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในการพัฒนาท่าเรือ
         

ความก้าวหน้าของงาน งานแล้วเสร็จ คณะกรรมการตรวจรับรายงานหลักการฉบับสมบูรณ์ และรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนฉบับสมบูรณ์แล้ว เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาให้ความเห็นชอบ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาต่อไป
     

2. โครงการศึกษาวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) และสำรวจออกแบบท่าเรือสำราญขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่งอันดามัน กรุงเทพมหานคร 1 ฉบับ สัญญาจ้างเลขที่ 132/2563/พย. ลงวันที่ 30 มกราคม 2564 (วงเงินรวม 69.21 ลบ. ปี 63=10.50 ลบ. ปี 64=24.415 ลบ.  ปี 65=34.295 ลบ.) กำหนดแล้วเสร็จ 23 กรกฎาคม 2565  
         
วัตถุประสงค์ : เพื่อวางแผนแม่บท ศึกษาความเหมาะสม สำรวจออกแบบและประมาณราคาเบื้องต้น ศึกษาแนวทางปรับปรุงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตให้สามารถรองรับเรือครูสได้ และจัดทำแผนแม่บทการปรับปรุงท่าเรือชายฝั่งเพื่อรองรับผู้โดยสารจากเรือครูสที่เข้ามาจอดทิ้งสมอ (Landing pier) ซึ่งผลการศึกษาได้ข้อสรุปพื้นที่เหมาะสมเป็นท่าเรือรองรับเรือครูส บริเวณหัวหินเพิง ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ และพัฒนาท่าเรือจอดทิ้งสมอ (Landing pier) ที่เกาะพยาม จังหวัดระนอง ท่าเรือทับละมุ จังหวัดพังงา ท่าเรือบ้านศาลาด่าน จังหวัดกระบี่ อ่าวป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เกาะอาดัง-ราวี และเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล และศึกษาวิเคราะห์ให้เอกชนร่วมลงทุนกับรัฐ ผลที่ได้รับคือแผนการพัฒนาท่าเรือครูสชายฝั่งอันดามันพร้อมแบบเบื้องต้น รูปแบบการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตให้รองรับเรือครูส จัดทำรายงานความเหมาะสมและแบบเบื้องต้นท่าเรือครูสประกอบการเสนอ ครม. เพื่ออนุมัติให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน
     

ความก้าวหน้าของงาน ผลงานร้อยละ 62.03 อยู่ระหว่างที่ปรึกษาแก้ไขรายงานศึกษาความเหมาะสมฉบับสมบูรณ์ ร่างรายงานการสำรวจออกแบบ ร่างรายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร ร่างแบบรายละเอียดเบื้องต้น และร่างการประมาณราคา และรายงานการวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และหลักการของโครงการร่วมลงทุนฉบับสมบูรณ์ต่อไป ผลงานล่าช้าต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการ ลงพื้นที่เก็บข้อมูล และการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น รวมถึงขั้นตอนการขออนุญาตเข้าพื้นที่สำรวจ
     
3. โครงการศึกษาสำรวจออกแบบ ท่าเรือต้นทาง (Home Port) สำหรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน กรุงเทพมหานคร 1 ฉบับ สัญญาจ้างเลขที่ 132/2563/พย.ลงวันที่ 28 มกราคม 2564 ( วงเงินรวม 68.94 ลบ. ปี 63=10.50 ลบ. ปี 64=21.35 ลบ. ปี 65=37.09 ลบ.) กำหนดแล้วเสร็จ 21 กรกฎาคม 2565
   

วัตถุประสงค์ : เพื่อวางแผนแม่บท ศึกษาความเหมาะสม สำรวจออกแบบ และประมาณราคาเบื้องต้น พร้อมศึกษาวิเคราะห์ตามหลักเกณฑ์การให้เอกชนร่วมลงทุนกับรัฐ และจัดทำรายงานความเหมาะสมและแบบเบื้องต้นของท่าเรือครูสต้นทางประกอบการเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน
     
ความก้าวหน้าของงาน ผลงานร้อยละ 70.00 โดยได้ข้อสรุปที่เหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ท่าเรือเป็นลักษณะผสมผสาน (Hybrid) คือเป็นท่าเรือต้นทาง (Home port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 1,500 คน และเป็นท่าเรือแวะพัก (Port of call) สำหรับรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500 - 4,000 คน ปัจจุบันอยู่ระหว่างที่ปรึกษาแก้ไขร่างรายงานการสำรวจออกแบบ ร่างรายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร ร่างแบบรายละเอียดเบื้องต้น และร่างการประมาณราคา รายงานการวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และหลักการของโครงการร่วมลงทุนฉบับสมบูรณ์ เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาให้ความเห็นชอบ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาต่อไป ผลงานล่าช้าเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการ ลงพื้นที่เก็บข้อมูล และการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น

เมื่อรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการการให้เอกชนร่วมลงทุนได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ทั้ง 3 โครงการมีขั้นตอนการดำเนินงาน ได้แก่ ตั้งงบประมาณ พ.ศ. 2567-2568 จัดทำรายงาน EHIA (ระยะเวลา 540 วัน) ตั้งงบประมาณ พ.ศ.2568-2569 คัดเลือกผู้ร่วมทุน (ระยะเวลา 360 วัน) ตั้งงบประมาณ พ.ศ.2569-2571 เริ่มก่อสร้าง (ระยะเวลา 900 วัน) แผนเปิดให้บริการท่าเรือภายในปี พ.ศ.2571
  
การพัฒนาท่าเรือรองรับเรือครูส จะช่วยสนับสนุนธุรกิจเรือครูสในประเทศไทยได้อย่างครอบคลุมเส้นทางทั้งสองฝั่งทะเล เป็นการสร้างความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสัดส่วนรายได้ด้านการท่องเที่ยว เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศ กระตุ้นรายได้การท่องเที่ยวเรือสำราญทางน้ำ เพิ่มการจดทะเบียนเรือท่องเที่ยวทางน้ำ อีกทั้งเพิ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ผ่านด่านทางน้ำอีกด้วย โดยในแง่เศรษฐกิจเรือครูส 1 ลำ มีนักท่องเที่ยวประมาณ 3,000 คน จากผลการสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวใช้จ่ายประมาณ 7,000 บาท/คน/วัน หมายความว่า เรือครูส 1 ลำ นำเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจ ประมาณ 21 ล้านบาท/วัน/ลำ หากเรือครูสแวะเข้าเทียบท่าจำนวนมากขึ้น และจอดท่องเที่ยวในเมืองไทยนานขึ้น จะสร้างเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวมากขึ้นไปด้วย อีกทั้งในกรณีที่ท่าเทียบเรือได้รับการพัฒนาให้เป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) มูลค่าทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นจากที่ได้กล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 - 8 เท่า



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ