Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
"วรชัย เหมะ" ตอบโจทย์ "นิรโทษกรรม"
"วรชัย เหมะ" ตอบโจทย์ "นิรโทษกรรม"
วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Tweet
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังจะเข้า สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศไทยมีความพร้อมขนาดไหน โดยเฉพาะ ด้านการเมือง ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 เสาหลักของกรอบความร่วมมือ อันประกอบด้วย การเมือง สังคม เศรษฐกิจ เพราะในขณะที่ประเทศอื่นพยายามลดความขัดแย้ง แต่ประเทศไทยยังคงมีกระแสที่ร้อนแรงเหมือนถ่านไฟที่ไร้เปลว ทว่ากลับร้อนระอุ และพร้อมจะเผาไหม้ทุกสิ่งให้วอดวายได้เสมอ หลาย ฝ่ายมีความพยายามลดความร้อนแรงลงโดยการปรองดอง แต่ก็เป็นที่กังขาของสังคมว่าปรองดองเพื่อใคร??..
"สยามธุรกิจ" จึงถือโอกาสพูดคุยกับ "วรชัย เหมะ" ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย หนึ่งในแกนนำความคิดเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม อันเป็นตัวเลือกที่เชื่อว่า...จะเป็นสิ่งที่ผ่าทางตันของสังคม
{gt}{gt} ที่มาของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
"ที่มาของแนวคิดที่ต้องการจะยก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาก่อนนั้น เริ่มมาจาก ส.ส.กลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี, น.พ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และตัวผมเอง โดยเราได้ปรึกษากันว่า อำนาจ หน้าที่ของพวกเราที่มีอยู่นั้นคือการออกกฎหมาย การแก้กฎหมายนี่เป็นหน้าที่ โดยชอบของสมาชิกผู้แทนราษฎร"
และในขณะนี้เราได้เป็นรัฐบาล หลังจากที่พี่น้องเราได้ร่วมต่อสู้กันมา มีทั้ง บาดเจ็บ ล้มตาย หรือถูกคุมขังอยู่อีกหลาย พันคน เราจำต้องช่วยเหลือพี่น้องผู้ร่วมต่อสู้ร่วมอุดมการณ์กันมา เพราะนักโทษแต่ละคนล้วนแล้วแต่ถูกยัดข้อหาด้วยความ ไม่เป็นธรรม ทั้งที่พวกเขาชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 63 ระบุว่า "บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยตามอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก"
แต่การกระทำของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนั้น กลับนำกฎที่กำหนด ขึ้นมาเองโดยเรียกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาใช้.. เท่ากับเป็นการโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์เพราะฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังจากนั้นได้มีความพยายามขอพื้นที่คืน โดยการส่ง ทหารเข้าปราบปรามสลายการชุมนุมจนท้ายที่สุด มีพี่น้องประชาชนต้องบาดเจ็บถึง 2 พันกว่าและตายอีกร่วมร้อยศพ ที่เหลือ ถูกคุมขัง "..ฉะนั้น พ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับนี้จึงไม่ต่างจากกฎโจรที่ใช้เข่นฆ่าพี่น้องประชาชน"
เมื่อสถานการณ์มาถึงตรงนี้แล้ว เรา เห็นว่าหลายคดีพี่น้องประชาชนไม่มีความ ผิด อย่างกรณีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ศาลก็มีความเห็นว่าหลักฐานไม่ชัด เพราะคนที่โดนจับนั้นไม่มีหลักฐานที่จะชี้ไปในทางความผิดของผู้ต้องหา ฉะนั้นเขาสมควรที่จะต้องได้รับอิสรภาพ เพราะการเผาเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ทหารสามารถเข้าไปสลายการชุมนุม 12.00 ของวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 และยึดพื้นที่ทั้งหมด แล้วจะว่าคนเสื้อแดงเผาได้อย่างไร พี่น้องคนเสื้อแดงถูกทหารกันเข้าไปอยู่ในวัดบ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติบ้าง ไม่มีหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อยในบริเวณที่เกิดเหตุ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าพี่น้องคนเสื้อแดงไม่ได้ทำ และคนที่ทำคือใคร??..แม้แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเซ็นทรัลเวิลด์จะเข้า ไปทำงานก็ถูกกันออกมาไม่ยอมให้ดับไฟ!!..
ในขณะที่เข้าไปสลายการชุมนุมวันนั้นมีพี่น้องประชาชนตายหลายศพ..แล้วความชอบธรรมอยู่ที่ไหน ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีวาทกรรม "ผู้ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง" เพื่อเป็นการป้ายสีให้คนเสื้อแดง เพื่อเป็นเหตุผลรองรับในการสลายการชุมนุมและฆ่าคนเสื้อแดง..
เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องนิรโทษกรรมให้กับพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงที่ถูกจองจำอย่างไม่เป็นธรรม
{gt}{gt} เนื้อหาของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
สำหรับการเสนอกฎหมายนั้นเป็นความคิดของพวกเรา ไม่ได้เป็นมติของพรรคแต่ได้มีการปรึกษาเพื่อน ส.ส.ด้วยกันว่าควรจะดำเนินไปในทิศทางไหน และได้มีการนัดทีมงานมานั่งคุยกันว่า พ.ร.บ. นิรโทษกรรมนั้น เราจะระบุข้อกำหนด และบุคคลว่า ควรจะเป็นกลุ่มไหนบ้างที่ควรได้รับการนิรโทษกรรมรวมถึงกรอบเนื้อหาต่างๆ ในตัว พ.ร.บ.ฉบับนี้ จากนั้นเราก็ร่างกันออกมาได้ 7 มาตรา ดังนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทาง การเมือง การแสดงออกทางการเมืองของ ประชาชน พ.ศ. ..."
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทาง การเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทาง การเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยว ข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทาง การเมือง โดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้ มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็นการ กระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ไม่เป็นความผิดต่อไปและให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำใดๆ ของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจใน การตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อน ไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว
มาตรา 4 เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผล ใช้บังคับแล้ว ถ้าผู้กระทำการตามมาตรา 3 วรรคหนึ่งยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาลหรืออยู่ในระหว่างการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวน ผู้ซึ่งมีอำนาจสอบสวน หรือพนักงานอัยการ ระงับการสอบสวนหรือการฟ้องร้อง หากถูกฟ้องต่อศาลแล้วให้พนักงานอัยการ หรือ องค์กรที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้องหรือให้ถอนฟ้อง ถ้าผู้นั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณา คดีไม่ว่าจำเลยร้องขอหรือศาลเห็นเอง ให้ศาลพิพากษายกฟ้องหรือมีคำสั่งจำหน่ายคดี ในกรณีที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษบุคคลใดก่อนวันที่พระ-ราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคล นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด ถ้าผู้นั้นอยู่ระหว่างการรับโทษให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลงและปล่อยตัว ผู้นั้น
มาตรา 5 การนิรโทษกรรมตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ ผู้ได้รับนิรโทษกรรมในอันที่จะเรียกร้องสิทธิ หรือประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
มาตรา 6 การดำเนินการใดๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิของบุคคลซึ่งไม่ใช่องค์กรหรือหน่วยงานของรัฐในการเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่ง จากการกระทำของบุคคลใดซึ่งพ้นจากความรับผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และทำให้ตนต้องได้รับความเสียหาย
มาตรา 7 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
จะเห็นได้ว่ากรอบ พ.ร.บ.ของเราเลือกที่จะช่วยเหลือเฉพาะพี่น้องประชาชน ที่ถูกดำเนินคดีเท่านั้น และก็ไม่ได้เลือกช่วย เฉพาะคนเสื้อแดง แต่เป็นพี่น้องประชาชน ทั้งหมดตั้งแต่ปี 2549 มาจนถึงปี 2553 และเป็นคดีที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ทั้งหมดทุกขั้นตอน แต่พระราชบัญญัติฉบับนี้จะยกเว้นแกนนำ และผู้มีอำนาจสั่งการ
{gt}{gt} ความแตกต่างระหว่าง พ.ร.บ.ปรองดองกับนิรโทษกรรม
ส่วนใน พ.ร.บ.ปรองดอง จะมีลักษณะที่ต่างออกไป เพราะจะเป็นการนิรโทษกรรมแบบเหมายกเข่ง ทุกคนที่เกี่ยวข้องตั้งแต่มีการยึดอำนาจ ทุกคดีมีผล ตั้งแต่ผู้มีอำนาจ แกนนำกลุ่มต่างๆ ไปจนถึง เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ และประชาชน ทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ การเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง นั่นคือส่วนที่แตกต่างกันคือ พ.ร.บ.ของท่านเฉลิมจะนิรโทษกรรมให้หมดทุกคนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่มีการยึดอำนาจจนถึงวันนี้
{gt}{gt} ทราบว่าลงชื่อสนับสนุนพ.ร.บ.ปรองดองด้วย
คือการเสนอพระราชบัญญัตินั้น พี่น้องประชาชนสามารถเข้าชื่อได้ 10,000 คน ก็สามารถเสนอแก้หรือออกกฎหมายได้ หรือถ้าเป็น ส.ส.ก็ต้อง 20 คนขึ้นไปตามระเบียบข้อบังคับของสภาฯ เพราะฉะนั้นการเสนอกฎหมายบางฉบับเมื่อเสนอเข้า ไปแล้วอยู่ในระเบียบวาระแต่ไม่ได้พิจารณา เป็นปีก็มีหลายฉบับ ฉะนั้นการเสนอกฎหมาย ไม่ใช่การพิจารณากฎหมาย และพิจารณากฎหมายเราจะพิจารณาในระเบียบ ตามที่ ส.ส.เป็นผู้โหวตขึ้นมาว่าจะรับหลักการ หรือไม่ และต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ สภา แล้วทีนี้มันก็มีเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ที่จะ เสนอกฎหมายได้ คนพรรคเดียวกันเวลาเราเสนอเขาก็เซ็นให้เรา เวลาเขาเสนอเราก็ต้องเซ็นให้ก็ไม่มีอะไร..รับรองได้ว่าไม่ได้มีการสับขาหลอกเหมือนที่บางคนพูด เรามีความคิดเป็นของตัวเองและกฎหมาย 2 ฉบับนี้ก็คนละหลักการกันอย่างไรก็รวม กันไม่ได้อยู่แล้ว
{gt}{gt} ดำเนินการถึงขั้นไหน
พ.ร.บ.นิรโทษกรรมตอนนี้อยู่ในระเบียบวาระแล้วสามารถหยิบมาพิจารณา ได้เลย เพราะเลื่อนเป็นวาระแรก เป็นสภาฯ ก็จะหยิบขึ้นมาพิจารณาทันทีเป็นวาระเร่งด่วน เปิดสภาฯ อีกครั้งก็ภายในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
{gt}{gt} ผลตอบรับจากสังคม
ตอนนี้เราก็เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เราได้ขับเคลื่อนมานาน พอสมควร ประชาชนก็ไม่ได้ค้าน แม้แต่คนเสื้อเหลืองเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้เราออกมาเพื่อประชาชนทุกสี เสื้อไม่ว่าจะเป็นพี่น้องเสื้อแดงหรือพันธมิตร ที่ชุมนุมได้รับผลประโยชน์ทุกคนไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเพื่อสีใด
มิตรที่ร่วมรบมากับพรรคประชาธิปัตย์คือคนเสื้อเหลือง ถ้าเรานิรโทษกรรม ให้เขาเขาก็ต้องตีห่าง เพราะตอนประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเขาก็ไม่เคยคิดจะช่วยคน เสื้อเหลือง ถ้าวันนี้เราช่วยคนเสื้อเหลืองประชาธิปัตย์ก็ถูกโดดเดี่ยวเขาจึงคัดค้านเรื่องนี้ ไม่ยอมให้นิรโทษกรรมเขาเลยมีข้ออ้างออกมาตลอดเพื่อไม่ให้เกิดความชอบธรรมในตัวกฎหมาย และไม่ให้ออกกฎหมายฉบับนี้
"ประเทศเราตอนนี้ต้องการความสงบเพื่อที่จะให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้ประเทศ หลายประเทศเขาต้องการปรองดอง ต้องการความสงบเพื่อให้พัฒนาประเทศได้..ปี 58 ไทยเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศอื่นเขาสงบแล้ว แต่เรายังขัดแย้งมันทำให้เราเสียโอกาส ประเทศที่เดินไปข้างหน้าได้ต้องมีความมั่นคงทางการเมืองต้องมีเสถียรภาพ การ แก้ปัญหาถ้ายังมีความขัดแย้งมันก็ไม่จบ"
นี่คือสิ่งที่ "ตอบโจทย์" ว่าทำไมจึงต้องนิรโทษกรรมลดความขัดแย้งทุกกลุ่ม ทุกสีเสื้อ โดยการนิรโทษกรรมแล้วหันหน้ามาคุยกันว่า ใครต้องการอะไร หรือถ้าพันธมิตรต้องการเข้ามาดูเรื่องนี้ก็ส่งคนมาเป็นกรรมาธิการร่วมได้ หรือเสื้อแดงจะมาเป็นกรรมาธิการร่วม ก็ไม่มีปัญหา เรายินดีรับทุกฝ่าย..
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ