Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ทางลัด "แดนอำนาจ" ลุยถั่ว..เมนูล้มรัฐ!
ทางลัด "แดนอำนาจ" ลุยถั่ว..เมนูล้มรัฐ!
วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Tweet
ตามโรดแมปเดิม "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" พยายามจะเดินไปจนสุดซอย ทั้งวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดันนิรโทษกรรม หรือกระทั่ง "เมนูปรองดอง" ที่หวังให้เป็น "เครื่องมือ" สลายความขัดแย้งในสังคมไทยที่กำลังร้าวหนัก!!
ทว่ายิ่งรัฐบาลขยับมากเท่าไหร่... สถานการณ์พลันตีกลับไปในทางตรงข้าม แถมยังดูเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ เพราะถูกแวด ล้อมไปด้วยสารพัดม็อบ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ที่เดินหน้ารุกไล่รัฐบาลอย่างเอาเป็นเอาตาย
หากเหลียวมองไปยัง "โซเชียล มีเดีย" หรือสังคมออนไลน์ ก็เริ่มจะปรากฏทั้งผู้เล่นหน้าใหม่และหน้าเก่า ค่อยๆ แสดง ตัวมาขึ้นเวที "ล้มรัฐบาล" ไม่ว่าจะเป็นตัวละครใหม่อย่าง "แก๊งหน้ากากขาว" หรือ "วี ฟอร์ เวนเดตต้า ที่เป็นการรวมตัวขึ้นมาจาก "ความเกลียดชังรัฐบาล" ของเหล่าคลิกเกอร์ในโลกเฟซบุ๊ก
โดยล่าสุดกลุ่มพลังใหม่อย่าง "หน้ากากขาว" ก็ได้สร้าง "น้ำหนัก" เปลี่ยนการเมืองบนโลกไซเบอร์ ลงมาสู่ท้องถนน เป็นครั้งแรก เมื่อนัดรวมพลที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ มีเป้าหมายคือการประกาศ จุดยืน "ไม่เอารัฐบาล"
ขณะที่ตัวละครหน้าเดิมก็ดูจะออกมาเขย่ารัฐบาลแรงขึ้นทุกวัน ซึ่งปฏิปักษ์เหล่านี้ได้ปรับขบวนใหม่โดยยึดเป้าหมายเก่าคือ "ระบอบทักษิณ" เป็นเป้ากระสุนตก แต่ก็ไม่ละทิ้ง "ตัวแทนอำนาจ" อย่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่จะเป็นเป้าระบายแค้น รองรับแผนการทำลายล้างอย่างเป็นระบบ
"ฝ่ายโค่นล้ม" ที่มากด้วยประสบ-การณ์และเคยประสบความสำเร็จใหญ่หลวงมาจากครั้งอดีต เมื่อคราวล้มอำนาจ รัฐบาล "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" พอผ่านไปกว่าครึ่งทศวรรษ..พลันได้นำกลยุทธ์เก่ามาปัดฝุ่นรีไซเคิลใหม่ เปลี่ยนไปแค่วิธีการจากตั้งเวทีสัญจรออกทีวี มาเป็นกลุ่มคนที่ใช้ "หน้ากากสีขาว" เป็นสัญลักษณ์ในการดึงดูดมวลชนผ่านโซเชียลมีเดีย
เขย่าไปพร้อมๆ กับ แก้วสรร อติโพธิ" และ "พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร" ที่ได้เปิดตัว "กลุ่มไทยสปริง" ในเวทีเสวนา "การกลับมาของระบอบทักษิณ กับอนาคตการเมืองไทย" โดยให้เหตุผลว่า... "สถานการณ์การเมืองกำลังย้อนกลับไปสู่ระบอบทักษิณ โดยการใช้เสียงข้างมากไม่ยอมรับในอำนาจการตรวจสอบ มีการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย อีกทั้งยังมีการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นรูปแบบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ ทำให้สถานการณ์การเมืองปีนี้เข้าสู่ขั้นวิกฤติและไม่อยากให้ประชาชนนิ่งเฉย"
แปลความได้ว่า "ไทยสปริง" มุ่งทำสงครามไซเบอร์กับ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" โดยมีจุดยืนที่ชัดเจนมาแต่เริ่มว่า "ไม่เอาระบอบทักษิณ" และพร้อมเรียกระดมมวลชนผ่านทาง "โซเชียลมีเดีย" เพื่อตอกย้ำวาทกรรม "จองกฐินรัฐบาล"
ซึ่งก็ไม่แน่ว่า...ในอนาคตอันใกล้นี้ "ม็อบออนไลน์" อาจจะขยายวงไปร่วมกับ "ม็อบสนามหลวง" ใต้ปีกการนำของ "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" ที่เป็น "ฟืนเปียกๆ.. จุดไม่ติด" และกำลังเฉาตายเพราะ "ขาดน้ำเลี้ยง" แต่นั่นก็ทำให้อารมณ์ของ "ฝ่ายต้าน" ดูฮึกเหิมมากขึ้น
เช่นเดียวกับการสะสมกำลังของ "ฝ่ายต้าน" ที่ยังดำเนินไปอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ "หน้ากากขาว" ที่ลามเลียไปในหลายม็อบ "เขย่านาวาปู" ซึ่งที่สุดอาจกลายเป็นจุดเริ่มในการ "หล่อเลี้ยงกระแส" เพื่อปลุกเร้าข้างมวลชน เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ "เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ที่ใช้เวทีเมืองไทยรายสัปดาห์เป็น "สารตั้งต้น" เรียกระดมมวล-ชนเพื่อรอจังหวะรุกฆาต "รัฐบาล" เมื่อถึงเวลาที่สุกงอม
"ผู้สันทัดกรณีทางการเมือง" ต่างประเมินได้เป็นสังเขป..สำหรับยุทธศาสตร์ ล้มรัฐ! โดยมี "บันไดขั้นแรก" ที่ซ้อนหมากเอาไว้ นั่นคือการสร้างกระแส "ปฏิเสธรัฐบาล" ในหมู่ชนชั้นกลาง ซึ่งขั้นต่อไปก็น่าจะใช้มุกเดิม โดยอ้างว่าประชาชนส่วน ใหญ่..ไม่ต้องการรัฐบาลชุดนี้
แม้มันจะเป็นมุกเก่าๆ แต่กลยุทธ์อ้าง คนส่วนใหญ่...ล้วนประสบความสำเร็จในการ "ล้มกระดานรัฐบาล" มาแล้ว
โมเดลสำเร็จรูปทางการเมืองในช็อต ต่อเนื่องไปจากนี้ น่าจะเป็นปฏิบัติการทาง จิตวิทยา สร้างความหวาดวิตกและพยา-ยามโน้มน้าวให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่า..รัฐบาล คงไปไม่รอดแล้ว
พลันให้ศึกหนนี้ ยิ่งมีเป็นไปได้สูง ว่าจะมีคนที่ไม่เลือกข้างส่วนหนึ่งเข้ามาสมทบกับ "ฝ่ายโค่นล้ม" โดยหวังว่าจะสามารถแก้ปัญหาความวุ่นวายได้ นั่นเท่า กับว่าเป็นความสำเร็จในฐานราก เพราะเมื่อใดก็ตามที่สังคมขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของรัฐบาล ก็แปลความได้ว่า คนเหล่านั้นยอมรับโดยปริยายว่า...รัฐบาล คือต้นเหตุของความวุ่นวาย ดังนั้น การเข้าร่วมขบวนล้มรัฐ! จะเป็นหนทางนำความสงบกลับคืนสังคมไทย
ทั้งหมดทั้งปวง ล้วนแต่เป็น "โมเดลสำเร็จรูป" ที่นำมาปัดฝุ่นกันใหม่ ปรับเปลี่ยนแค่วิธีการให้เข้ากระแสสังคม ซึ่งถ้ามองในแง่ความเป็นไปได้...ศักยภาพของ "ไทยสปริง" เวลานี้คงทำได้อย่างมากแค่นำมวลชนออกมาเคลื่อนไหว "กดดันรัฐบาล" เท่านั้น ยังมิอาจล้มล้างรัฐให้อัปปางลงได้ เพราะรัฐบาลยังคงมี "กลไกอำนาจ" หลายอย่างอยู่ในมือ รวมทั้งยังคงมี "มวลชนเสื้อแดง" คอยเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่เป็น "ด่านปะทะแรก" ฉะนั้นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองได้ นั่นคือ ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง หรือสร้างความ หวาดระแวงให้ปะทุขึ้นในทางสังคม จนกระทั่งคาดหมายไปถึงการปะทะเดือดระหว่างมวลชนสองฝ่าย
ฉะนั้นการที่สถานการณ์จะพัฒนาไปถึงขั้นนั้นได้ ย่อมหมายถึงชัยชนะของ "ไทยสปริง" และแนวร่วมฝ่ายต้าน ขอเพียงหาทางเปิดประตูให้ทหารเดินเข้ามา ระงับเหตุ ถึงตอนนั้นจะเรียกว่า "แทรกแซง" หรือ "ปฏิวัติ" ก็มิใช่เรื่องสำคัญแล้ว เพราะตามธงของฝ่ายต้าน เวลานั้นรัฐบาลหรือ "มวลชนเสื้อแดง" ย่อมต้องถูกกวาดล้างไปในคราวเดียวกัน
ขณะที่ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแล่เนื้อเถือหนัง "กลุ่มทุนใหญ่" ที่อิงแอบอยู่เบื้องหลังสารพัดม็อบเขย่ารัฐบาล... "ถ้าบริษัทน้ำเมา บริษัทขายไก่ขายเป็ด ธนาคาร ไม่สนับสนุน การเคลื่อนไหวก็จะไม่รุนแรง และเตือนไปยังนักธุรกิจสื่อสารราย ใหญ่ที่พยายามจะไปสนับสนุนคนในแวดวงที่คิดล้มรัฐบาลด้วย"
"สิงห์เหลิม" เตือนแกมขู่! นักธุรกิจรายนี้ว่า...เงินก็มีแล้ว เมียก็สวยเป็นข่าวทั้งประเทศ แล้วคุณมายุ่งกับเขาทำไม อย่าเอาเงินส่งมาให้ไอ้ "ส."
พอถามถึงการที่กลุ่มธุรกิจใหญ่ ไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรจึงออกมาเคลื่อนไหวนั้น "สิงห์เหลิม" สบถด่าใส่กลุ่มทุนใหญ่ไปชนิดที่ว่า... "ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ" เลยทีเดียว
"เป็นการแทงกั๊ก เพราะรู้ว่าถ้ารัฐบาลอยู่มันก็แอบอิง พออิงเสร็จมีการ ขยับก็เหมือนตอนปี 48 และ 49 ก็เลี้ยว กลับไปแทงกั๊ก...ไอ้พวกนี้ต้องจับมาตีก้น ทำให้บ้านเมืองมันยุ่งยากทำไม เวลาเลือกตั้งคุณรักชอบใครก็เอาตังค์ไปให้เขาสิ บ้านเมืองกำลังไปด้วยดีมาแทงกั๊ก บางคนมาพูดก็ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ หาว่าเข้าใจผิดไปบ้าง แล้วจะผิดอย่างไร ก็หน่วยข่าวเขารายงาน แล้วมาวิเคราะห์ ว่า..มันใช่ นอกจากนี้ไอ้หน้ากากขาวอย่าเลิก ควรทำต่อเพราะเป็นสัญลักษณ์ ในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่เครียดไม่ซีเรียส หน้ากากขาวอย่าเลิก...ส่วนคน ที่สนับสนุนม็อบที่มาชุมนุม ที่สนามหลวง นั้นคิดว่าเป็นไอ้ขายเป็ดขายไก่"
แม้ว่าหัวหมู่ทะลองฟันอย่าง "สิงห์เหลิม" จะชิงตอกฝาโลง "ขบวนการล้มรัฐ" แต่อีกด้านก็ยังไร้ซึ่งความชัดเจนในท่าทีของ "นายใหญ่คนไกล" จะมีก็แต่ในส่วนของรัฐบาลที่ส่ง "หมวดเจี๊ยบ" ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ออกมาฉะกลางวง!! พร้อมแจงบทสรุปของรัฐบาลที่ว่า "สังคมยังมีการปะทะกันระหว่างความคิด 2 ขั้ว คือเหล่านักประชาธิปไตยที่สนับสนุนรัฐบาลกับตัวแทนกลุ่มอำนาจเก่าที่กลัว จะเสียอำนาจและเคยออกมาขับไล่รัฐบาลทักษิณมาแล้ว"
"น่าแปลกว่าสังคมบ้านเรายังมีคนที่ตั้งข้อรังเกียจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่เคยรังเกียจการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งที่เป็นวงจรอุบาทว์ ขอถามว่าประเทศไทยยังบอบช้ำไม่พออีกหรือ..."
ถึงแม้ว่ายังจับความรู้สึกของ "ทักษิณ" ไม่ได้ แต่ในส่วนของรัฐบาลนั้น ชัดเจนว่า..กำลังรู้สึกหวาดระแวงกับการเคลื่อนไหวของ "แก๊งหน้ากากขาว" และอาจรวมไปถึง "ไทยสปริง"
เมื่อความขัดแย้งใกล้สุกงอม การ รุกไล่เพื่อแตกหักใน "สงครามแดนอำนาจ" ย่อมเป็นไปได้?!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ