ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการซื้อขายพลังงาน

วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการซื้อขายพลังงาน


นักเทรดสายพลังงานที่ต้องการสร้างกำไรจากความผันผวนของราคาในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภท เช่น น้ำมัน ก๊าซ น้ำมันเบนซิน และน้ำมันเตา ตลาดกลุ่มพลังงานเป็นตลาดที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เนื่องจากตลาดพลังงานจะเป็นตัวกำหนดราคาสินค้าหลากหลายประเภทที่มีการใช้เชื้อเพลิง ในแต่ละวัน ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มพลังงานนั้นมักมีการผันผวนไปมาอยู่บ่อยครั้ง นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจึงให้ความสนใจกับตลาดกลุ่มนี้อยู่มาก

“สินค้าในกลุ่มพลังงานนั้นถือเป็นตัวที่สนับสนุนให้สังคมยุคใหม่ขับเคลื่อนต่อไปได้”

แหล่งพลังงานที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ไฟฟ้า ไปจนถึงอุตสาหกรรมการผลิตและการขนส่ง สินค้าทุกชนิดในตลาดต้องอาศัยพลังงานในการสร้างและเคลื่อนย้ายทั้งสิ้น ราคาของพลังงานจึงเป็นต้นทุนที่ส่งผลกระทบต่อราคาของสิ่งของทุกอย่าง รวมถึงของกินของใช้ เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และน้ำมันรถยนต์ นอกจากนี้ราคาพลังงานยังเป็นตัวกำหนดค่าใช้จ่ายสำหรับการทำความร้อนและทำความเย็นในบ้าน ทั้งที่ทำงาน โรงงาน โรงพยาบาล และโรงเรียน เป็นต้น

หากพูดถึงพลังงาน คนส่วนใหญ่จะนึกถึงแค่เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ยังมีแหล่งพลังงานด้านอื่น ๆ อีกมากมายนอกเหนือจากเชื้อเพลิงฟอสซิล อาทิเช่น ก๊าซธรรมชาติ พลังงานไฟฟ้า พลังงงานนิวเคลียร์ และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้มีการซื้อขายทั่วไปในทั่วทุกมุมโลกผ่านตลาดฟิวเจอร์ส และยังมีการซื้อขายสินค้าพลังงานในตลาดซื้อขายโดยตรง (OTC) ในรูปแบบของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอีกด้วย การซื้อขายพลังงานสามารถทำได้ผ่านการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ เช่น กองทุนรวมดัชนี (ETF) และหุ้นบริษัทพลังงาน คุณยังสามารถซื้อขายสินค้าพลังงานผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ผ่านโบรกเกอร์ CFD ออนไลน์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ การซื้อขาย CFD ของสินค้าพลังงานมักจะอิงกับราคาฟิวเจอร์ส ของสินค้ากลุ่มพลังงานนั้น ๆ

อุตสาหกรรมพลังงานนั้นมีความเสี่ยงในทางด้านผลกระทบจากการหยุดชะงักของอุปทานและการผันผวนของราคา ปัจจัยดังกล่าวทำให้เกิดโอกาสมากมายแก่นักลงทุน นอกจากนี้อุตสาหกรรมพลังงานยังมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าความต้องการพลังงานทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 ภายในปี 2583 อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้จะไม่กระจายตัวอย่างเท่าเทียมกันในแต่ละกลุ่ม คาดว่ากลุ่มพลังงานแต่ละกลุ่มจะมีรูปแบบการเติบโตที่แตกต่างกันในอนาคต

“ตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการเติบโตที่ต่ำกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา”

ประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนา มีความต้องการทางด้านพลังงานที่แตกต่างกัน ความต่างนี้เป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญของตลาดพลังงาน ตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการเติบโตที่ต่ำกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งโอกาสนี้อาจส่งผลกระทบที่สำคัญต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นักลงทุนควรเฝ้าสังเกตการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังพัฒนาเพื่อหาแนวโน้มของความต้องการทางด้านพลังงานในอนาคต นอกจากนี้ยังมีแหล่งพลังงานใหม่ ๆ ในประเทศที่กำลังพัฒนาที่นักลงทุนยังต้องให้ความสนใจด้วยเช่นเดียวกัน

เสถียรภาพในการใช้พลังงานของประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ประเทศที่พัฒนาแล้ว อาจจะมีโอกาสได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่มากขึ้น การปฏิวัติประสิทธิภาพการใช้พลังงานอาจทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี อาทิเช่น โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เทคโนโลยีสมาร์ทกริด และรถยนต์ที่ประหยัดเชื้อเพลิง เป็นต้น และอีกหนึ่งในคำถามที่เป็นประเด็นน่าสนใจก็คือ เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน และจะส่งผลต่อการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปอย่างไร ซึ่งนักลงทุนสามารถหากำไรจากการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวตามแนวโน้มโดยการซื้อขายสินทรัพย์ในภาคของประสิทธิภาพทางด้านพลังงานได้

“พลังงานที่ใช้แล้วหมดไปยังคงครองส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดกว่า 90%”

อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ แหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปยังคงครองส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดในตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์  เนื่องจากการใช้พลังงานทั้งหมดกว่า 90% จากทั่วโลกล้วนมาจากแหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปอย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตอันใกล้ เราเริ่มเห็นความก้าวหน้าในประเทศที่กำลังพัฒนาในประเด็นต่าง ๆ เช่น การผลิตเอทานอล การพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ และโรงไฟฟ้าถ่านหิน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจส่งผลกระทบที่สำคัญต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็เป็นได้

“จำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันครั้งใหม่ในการหาแหล่งพลังงาน”

คาดการณ์ว่าจำนวนประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9 พันล้านคน ภายในปี 2583 โดยจำนวน 3 ใน 4 ของประชากรโลกจะอยู่ในทวีปอินเดียและแอฟริกา  ในขณะที่ประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วกำลังหาวิธีจัดการกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นและการจัดหาพลังงานที่มีอยู่จำกัด นวัตกรรมด้านพลังงานจึงจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนพลังงานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ประเทศจีนและอินเดียอาจจะประสบปัญหาการขยายตัวของประชากรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะสูงขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อผู้คนเริ่มย้ายถิ่นฐานจากชนบทมาอยู่ในเขตเมือง ปัญหานี้อาจส่งผลต่อราคาพลังงานอย่างมากเช่นกัน

ก่อนช่วงระบาดของไวรัสโควิด-19 มีความตึงเครียดที่เป็นแรงกดดัน ส่งผลให้อุตสาหกรรมพลังงานเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนที่มีคาร์บอนต่ำแทนที่การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลตั้งแต่ช่วงก่อนการระบาดใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับวิกฤตพลังงานโลกที่เกิดจากการบุกรุกยูเครนของประเทศรัสเซีย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานและระยะยาวที่มีศักยภาพในการเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบพลังงานที่มีความยั่งยืนและปลอดภัยได้เร็วมากขึ้น วิกฤตครั้งนี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและความซับซ้อนที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยผลกระทบที่หนักที่สุดนั้นเกิดขึ้นในตลาดก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และตลาดไฟฟ้า รวมถึงเกิดความผันผวนอย่างมากในตลาดน้ำมันอีกด้วย จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจพลังงานที่ยั่งยืนที่มาจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

 

 

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบอุปสงค์และอุปทานพลังงานมาพร้อมกับโอกาสของการเทรดในกลุ่มตลาดพลังงาน นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายวิธีในการเทรดสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์อุปสงค์และอุปทาน การเปรียบเทียบสินค้าพลังงานหนึ่งกับอีกสินค้าพลังงานหนึ่ง และใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค นักลงทุนสามารถเฝ้าติดตามตลาดพลังงานในภาพรวมได้จากการสังเกตผลตอบแทนของดัชนีหลักที่อ้างอิงกับอุตสาหกรรมนั้น ๆ ดัชนีพลังงานเป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินการของกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากดัชนีเหล่านี้ถูกอ้างอิงกับผลตอบแทนจากหุ้นของบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อและขายพลังงาน บริษัทพลังงานส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงในการพัฒนาและสำรวจทรัพยากร แต่ต้นทุนส่วนมากของบริษัทพลังงานจะคงที่เมื่อผ่านช่วงแรกไปแล้ว ตัวอย่างเช่น เงินเดือน ค่าเช่า และงบชำระหนี้ เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น บริษัทเหล่านี้จึงจะสร้างกำไรจากรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

กลุ่มพลังงานเป็นส่วนประกอบหลักของการพาณิชย์ระดับโลก และมีแนวโน้มที่จะเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยทั่วไปกลุ่มพลังงานมักจะขยายตัวในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต และจะหดตัวในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะถดถอย เหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น วิกฤตในยูเครน ที่สามารถส่งผลให้ราคาพลังงานมีความผันผวน โดยพุ่งสูงขึ้นและจะฟื้นตัวในที่สุด หากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนจากการคาดการณ์อนาคตของการเติบโตของกลุ่มพลังงาน นักลงทุนควรเฝ้าระวังความผันผวนที่อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมนี้อยู่เสมอ



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ