สินค้าโภคภัณฑ์เป็นวัตถุดิบหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ตัวอย่างเช่น แร่เหล็ก น้ำมันดิบ และโลหะ ล้วนนับเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ต่างจากหุ้นและพันธบัตรซึ่งอยู่ในรูปของสัญญาทางการเงิน สินค้าโภคภัณฑ์นั้นเป็นสิ่งของที่มีอยู่จริงซึ่งมีการซื้อขายในตลาดการเงิน ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจโลก โดยมีหลักการพื้นฐานคือ อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น และหากมีการขาดแคลนสินค้าหรืออุปทานที่ลดลง ราคาก็จะสูงขึ้นเช่นกัน อุปสงค์ที่ลดลงจะทำให้ราคาลดลงด้วยเช่นเดียวกัน

นักลงทุนสามารถได้รับผลประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การรุกรานประเทศยูเครนได้ส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อการส่งออกสินค้าจากทะเลดำ ซึ่งเป็นภูมิภาคหลักในด้านการค้าข้าวสาลี (ร้อยละ 25-30) ข้าวโพด (ประมาณร้อยละ 20) และน้ำมันดอกทานตะวัน (มากกว่าร้อยละ 50) ในระดับโลก ผลจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์สามารถซื้อขายทำกำไรได้

การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์นั้นทำงานอย่างไร

การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์หมายถึงการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยปกติแล้วการแลกเปลี่ยนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือฟิวเจอร์ส จะขึ้นอยู่กับราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ที่จับต้องได้ ซึ่งการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สเหล่านี้คือการที่นักลงทุนทำการเดิมพันกับราคาที่คาดหวังในอนาคตของสินค้าโภคภัณฑ์ หากนักลงทุนคิดว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะเพิ่มขึ้น พวกเขาก็จะซื้อสัญญาฟิวเจอร์สของสินค้านั้น ๆ (Long Position) และหากนักลงทุนคิดว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะลดลง เขาก็จะขายสัญญาฟิวเจอร์ส (Short Position) ตัวอย่างเช่นในช่วงสงครามในประเทศยูเครน นักลงทุนที่คาดการณ์ว่าจะเกิดปัญหาในตลาดธัญพืชจะทำการ Long เพราะคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น

ในช่วงแรกนั้น การซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นเรื่องปกติในกลุ่มผู้ผลิต ผู้บริโภค และสถาบันการเงินอื่น ๆ เช่น ธนาคารเพื่อการลงทุนเพียงเท่านั้น แต่ในทุกวันนี้ นักลงทุนรายย่อยที่มีเงินทุนต่ำสามารถซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และเก็งกำไรในการเคลื่อนที่ของราคาโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินค้าตัวนั้น ๆ ผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ของสินค้าโภคภัณฑ์

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนประสบการณ์สูงหรือนักลงทุนมือใหม่ แวนเทจ มาร์เก็ตส์ มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการซื้อขาย ทรัพยากรด้านการศึกษาที่มีให้นั้นครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิค และการจัดการความเสี่ยง ช่วยให้นักลงทุนมีข้อมูลที่เพียงพอในการทำการตัดสินใจได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากนี้ แวนเทจ มาร์เก็ตส์ ยังมีเครื่องมือที่ช่วยในการเทรดอีกมากมายที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนทุกคน ทั้งนักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพ

CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นมีความคล้ายคลึงกับ CFD ของสินค้าอื่น ๆ

การซื้อขาย CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นอาจส่งผลให้เกิดได้ทั้งกำไรและขาดทุน นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่สูงกว่าสินทรัพย์ทั่วไป เช่น หุ้นและพันธบัตร ในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์มักใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มความสามารถในการลงทุนโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นทั้งหมดในทันที มีการใช้หลักประกัน (หรือ มาร์จิน) ในสองรูปแบบ คือมาร์จินขั้นต้นสำหรับการเปิดบัญชี และมาร์จินรักษาสภาพที่กันไว้สำหรับการเปิดการซื้อขาย หากเกิดการขาดทุนและเงินทุนไม่เพียงพอ มาร์จินรักษาสภาพจะถูกใช้เพื่อรักษาสถานะในการใช้งานของบัญชี หากมีมาร์จินรักษาสถานะในการใช้งานไม่เพียงพอ การซื้อขายจะถูกปิดและจะมีการเตือนให้เพิ่มเงินทุน

ขั้นตอนในการเปิดบัญชีใหม่เพื่อทำการซื้อขาย CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์

ในขั้นตอนแรก คุณสามารถเลือกโบรกเกอร์ CFD และทำตามขั้นตอนที่แนะนำเพื่อเปิดบัญชีบนเว็บไซต์ของโบรกเกอร์นั้น ๆ เมื่อคุณยืนยันบัญชีโดยใช้บัตรประชาชนและข้อมูลที่อยู่เรียบร้อยแล้ว โบรกเกอร์จะเปิดบัญชีของคุณให้สามารถเข้าถึงตลาด CFD ทั้งหมดได้ทันที

ขั้นตอนต่อมา เติมเงินในบัญชีของคุณผ่านการเชื่อมต่อบัตรเครดิต/เดบิต หรือเชื่อมต่อบัญชีธนาคาร เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายของคุณจากนั้น สร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการความเสี่ยงและเงินทุน กลยุทธ์การซื้อขายยังช่วยให้คุณสามารถกำหนดจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ การใช้เลเวอเรจในการซื้อขาย CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและการขาดทุนอย่างมหาศาล ผลกำไรและการขาดทุนนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณเงินทุนในการลงทุนเพียงอย่างเดียวแต่ยังขึ้นอยู่กับขนาดในการทำการซื้อขายอีกด้วย หากไม่มีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม คุณอาจสามารถขาดทุนได้เกินกว่างบที่ตั้งไว้ได้ การซื้อขายที่ประสบความสำเร็จนั้น คุณควรมีการวิเคราะห์ขั้นต้นและการวิเคราะห์เชิงเทคนิคเพื่อศึกษาตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก่อนเปิดการซื้อขาย CFD

เมื่อคุณเตรียมตัวซื้อขายเรียบร้อยแล้ว

เลือกสินค้าโภคภัณฑ์ที่คุณต้องการซื้อขายตามกลยุทธ์ของคุณในบัญชีจริง การเฝ้ามองแนวโน้มระดับโลกและข่าวด่วนต่าง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเลือกตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คุณสามารถเลือกสินค้าโภคภัณฑ์ชั้นนำ เช่น ทองคำ เงิน และน้ำมันดิบ หากคุณมีประสบการณ์ในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ที่มากขึ้นแล้ว คุณก็สามารถลองตลาดอื่น ๆ เช่น กาแฟ โกโก้ และน้ำตาล คุณสามารถเปิด Long และ Short ในสินค้าโภคภัณฑ์เพียงชนิดเดียวหรือหลายชนิดในเวลาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ

คุณควรใช้คำสั่ง Stop Loss เพื่อควบคุมการขาดทุน และใช้คำสั่ง Limit เพื่อกำหนดราคาซื้อขายสินทรัพย์ ในการเปิดการซื้อขายทุกครั้ง เพื่อช่วยลดการขาดทุนหากการซื้อขายไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

หลังจากคุณเปิดการซื้อขายครั้งแรก

คุณสามารถติดตามการเปิดการซื้อขายได้เท่าที่คุณต้องการ คุณสามารถเปิดแพลตฟอร์มซื้อขายบนคอมพิวเตอร์ หรือติดตามการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์ คุณสามารถเปิดการแจ้งเตือนการซื้อขายผ่านอีเมล SMS และการแจ้งเตือนแบบเด้งขึ้นมาในหน้าจอโทรศัพท์

หากตำแหน่งการซื้อขายเคลื่อนไหวไปในทางที่เป็นผลบวกต่อคุณ ให้ปิดการซื้อขายนั้นและรับผลกำไร แต่ถ้าราคาเคลื่อนไหวเป็นผลลบ คุณยังสามารถปิดการซื้อขายนั้นเพื่อลดการขาดทุนเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น

การซื้อขาย CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนมือใหม่ในการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์โดยไม่ต้องซื้อสินค้านั้นจริง ๆ อย่างไรก็ตาม คุณต้องทำความเข้าใจชาร์ตความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างรอบคอบ เพราะการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดการลงทุนอาจทำให้ได้ทั้งกำไรและขาดทุนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น คุณควรทำความเข้าใจความเสี่ยงให้ดี โดยทั่วไปแล้ว การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ควรเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนเท่านั้น

///////

Ref: อ้างอิง:

https://www.vantagemarkets.com/academy/cfd-commodities/

https://www.mckinsey.com/industries/electric-power-and-natural-gas/our-insights/the-future-of-commodity-trading

https://www.forbes.com/advisor/investing/commodities-trading/