Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
สแกนตำรวจไทยสุดวิสัยหรือเกียร์ว่างคุมม็อบ
สแกนตำรวจไทยสุดวิสัยหรือเกียร์ว่างคุมม็อบ
วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Tweet
จากกรณีที่หน้ากากขาวเชียงใหม่ เจอเสื้อแดงขนพวกปราศรัยขับไล่ จนเกิดการตะลุม บอนขึ้น แม้ทางตำรวจจะเข้าระงับ เหตุการณ์ได้ทัน แต่การที่มีการปาประทัดยักษ์ ขวด และถุงขยะ การเข้าไปแย่งป้ายผ้า และพยายามถอดหน้ากากขาวออก เพื่อนำมาเผาไฟทิ้ง ล้วนแต่เป็น ภาพสะท้อนซึ่งความรุนแรงทั้งสิ้น ถึงจะไม่เทียบเท่ายุคมิคสัญญีแต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้น ในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีความเอื้อ อาทรแบบเมืองพุทธศาสนา หรือแม้แต่กรณีที่กลุ่มมวลชน "หน้ากากขาว" ยึดลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ ถึงจะไม่มีการปะทะ กันเหมือนที่เชียงใหม่ เพราะฝ่ายเสื้อแดงมีน้อยกว่าแต่ก็ทำท่าเหมือน พายุตั้งเค้าเพียงแต่แค่ลดระดับความรุนแรงเท่านั้นเอง
อีกคำถามที่สะท้อนออกมาจากสังคมคือการทำงานของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ว่าปล่อยให้เกิดเรื่องดังกล่าวได้อย่างไร??..เป็นเหตุสุดวิสัย หรือไร้สมรรถภาพ!!..
เรื่องนี้พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ให้ความเห็น ว่า เรื่องที่น่าวิตกที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับ เมืองไทยทุกวันนี้ได้แก่เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของผู้รักษากฎหมาย โดยเฉพาะตำรวจ
หน้าที่ของตำรวจคือสอดส่องดูแลป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายและหากมีก็ต้องจับกุมเอาตัวผู้กระทำความผิดมาเพื่อฟ้องร้องให้ศาลลงโทษ
ที่ว่าน่าวิตกที่สุดก็เพราะว่าในระยะนี้มีกรณีตัวอย่างเกิดขึ้นติดๆ กันหลายครั้ง ที่แสดงว่า ตำรวจอาจจะกำลังไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยจงใจหรือไม่ก็ตาม
กรณีผู้สวมหน้ากากสีขาวชุมนุมในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันศุกร์ที่ 14 เดือนนี้ แล้วถูกคนสวมเสื้อแดงขัดขวางและกลุ้ม รุมทำร้ายจนบางคนได้รับบาดเจ็บเป็นกรณี ล่าสุด หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวที ปราศรัย "ผ่าหาความจริง" คนเสื้อแดงได้ยกพวกไปก่อกวนขัดขวางและใช้ของแข็งยิงและขว้างปาผู้ที่กำลังชุมนุมฟังการปราศรัย จนบางคนได้รับบาดเจ็บ
ในกรณีเดียวกันคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคุณชวน หลีกภัย ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ถูกคนเสื้อแดงขัดขวาง จนกระทั่ง ต้องล้มเลิกการเดินทางไปร่วมปราศรัย ที่จังหวัดลำพูน
ขณะเกิดเหตุทั้งที่ลำพูนและที่เชียงใหม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ เป็นที่อนุมานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเพื่อรักษาความสงบ แต่ครั้นเมื่อความ ไม่สงบเกิดขึ้นตำรวจก็ปฏิบัติหน้าที่อย่าง หละหลวมหรือเหลาะแหละ ที่สำคัญก็คือ ตำรวจมิได้เข้าป้องกันมิให้มีการทำร้ายร่างกายกัน
สาเหตุที่ตำรวจไม่กล้าทำหน้าที่อย่างเต็มภาคภูมิก็คงเป็นเพราะว่าคนเสื้อแดงที่ไปขัดขวางการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่ลำพูนและขัดขวาง การชุมนุมของคนสวมหน้ากากขาวที่ เชียงใหม่นั้นเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และสนับสนุน (พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
รัฐบาลคือผู้บังคับบัญชาของตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
ตำรวจลืมไปว่าหน้าที่ในการรักษา กฎหมายของตำรวจนั้นไม่มียกเว้นผู้ใด หากทำผิดกฎ หมายถึงจะเป็นนายเป็นผู้บังคับบัญชาของตนตำรวจก็จะต้องรักษากฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย ด้วยการจับกุม
ความบกพร่องของตำรวจจะเกิดขึ้นโดยเจตนาหรือลังเลใจก็ตามสมัยนี้สาธารณชนเห็น และมีการบันทึกไว้ทุก ขั้นตอน โดยกล้องถ่ายภาพวงจรปิด หรือโดยกล้องที่ติดอยู่กับโทรศัพท์มือถือ
อย่างเช่นเหตุการณ์ที่ลำพูนและเชียงใหม่นั้นได้รับการบันทึกและถ่ายทอดออนไลน์ และเผยแพร่ไปทั่วโลกในทันที
การไม่ปฏิบัติหน้าที่เป็นความผิดทางอาญาและมีอายุความ ในขณะนี้ผู้เสียหายอาจจะหวาดกลัวและไม่กล้าแจ้งความกล่าวโทษตำรวจฐานไม่ปฏิบัติ หน้าที่แต่ต่อไปเมื่อพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลชุดนี้หมดอำนาจ ก็ยังอาจมีผู้รื้อ ฟื้นกล่าวโทษตำรวจอาจตกเป็นจำเลย และถูกลงโทษตามกฎหมายได้
ที่สำคัญไม่น้อยกว่าโทษทางอาญา นั่นคือโทษทางสังคมเพราะการละเลยจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ย่อมทำให้ประชาชนเสื่อมคลายความเชื่อถือศรัทธาที่มีต่อตำรวจ และเมื่อหวังพึ่ง ตำรวจไม่ได้ในที่สุดบางคนบางพวกก็อาจตัดสินใจช่วยตัวเอง ด้วยการตอบ โต้ผู้ที่ขัดขวางรังแกหรือ ทำร้ายเขาตาม วิธีที่เขาเห็นสมควร
การจลาจลและสงครามกลางเมือง เกิดขึ้นเมื่อไม่มีผู้รักษากฎหมายครับ
สิ่งที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ควรปฏิบัติโดยเร็วที่สุดจึงได้แก่การกำชับ และสั่งการให้ตำรวจรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด เป็นธรรม และโดยไม่ต้องกลัวว่าผู้ละเมิดกฎหมายจะเป็นใคร สังกัดพรรคใด
ถ้าหากเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เพิก เฉย หรือลังเลใจไม่กล้าสั่งการ ปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องตัดสินใจเองเหตุการณ์อย่างที่เกิดขึ้นที่ลำพูนและที่เชียงใหม่ก็จะเกิดขึ้นอีก และอาจลุกลาม ไป จนกลายเป็นการใช้กำลังปะทะต่อสู้ กัน ถึงตอนนั้นตำรวจก็จะจำเป็นต้องใช้วิธีปราบจลาจล ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองอาจร้ายแรงกว้างขวางเกินคาด
สงสารบ้านเมืองเป็นห่วงบ้านเมือง ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการรักษากฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย อย่างฉับพลันและเคร่งครัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ