ความพ่ายแพ้ของ "พรรคเพื่อไทย" ในสนามเลือกตั้ง "เขตดอนเมือง" ที่แม้ใน "เชิงปริมาณ" คงจะไม่กระเทือน ซางมากเท่าไหร่ เพราะข้างรัฐบาลเวลา นี้ยังมีเหลืออยู่ "เกินสามร้อยแต้ม" ในสภาผู้แทนราษฎร...ทว่าการเสียพื้นที่ "ดอนเมือง" ที่เคยแข็งแกร่งให้กับคู่ปรับอย่าง "พรรคประชาธิปัตย์" ย่อม ส่งผล "สะเทือน" อย่างมี "นัยทางการเมือง" ทั้งชี้ให้เห็นถึง "ความเสื่อมถอย" ของกระแสนิยมของ "เพื่อไทย" ได้เป็นอย่างดี

เหนืออื่นใด คือเขตดอนเมืองยังเป็น "พื้นที่ยุทธศาสตร์" ที่เข้มแข็งที่สุดเขตหนึ่งของ "เพื่อไทย" ซึ่งแม้ตัวผู้สมัครจะมีภาพลักษณ์ย่ำแย่แค่ไหน ก็ยังสามารถโหนกระแสกลับมาได้ทุกครั้ง ขณะที่ "ประชาธิปัตย์" แม้จะส่งตัวกลั่นลงชิงชัยก็แทบผูกปีแพ้ใน "เขตดอนเมือง" มายาว นานกว่า 37 ปี

จนกระทั่ง "แทนคุณ จิตต์อิสระ" เบียดเอาชนะ "ยุรนันท์ ภมรมนตรี" แบบหายใจรดต้นคอแค่ 2 พันคะแนนเศษ หากเทียบกับ "ตัวเลข" ในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2556 ที่แม้ "พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ" จะพ่ายให้กับ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ไปแสนกว่าคะแนน แต่ปรากฏว่า "ดอนเมือง" ยังเป็นพื้นที่แต้มไหลของ "เพื่อไทย" เพราะชนะขาดเกิน 2 หมื่นคะแนน

เมื่อต้องพ่ายแพ้ให้แก่ "ประชาธิปัตย์" ก็ย่อมมีเหตุชี้ชวนได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้เพื่อไทยเสียรังวัดในพื้นที่ของตัวเอง มิใช่แค่การส่งผู้สมัครแบบผิดฝาผิดตัว

แต่น่าเป็นผลมาจาก "วิกฤติศรัทธา" ที่มีต่อการบริหารงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะในคาบที่รัฐบาลกำลังโดนฝ่ายตรงข้ามรุกไล่อย่างรุนแรงทั้งในสภาและนอกสภา

เหมาเข่งรวมกับ "ประชานิยม" หลายเรื่องที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ทั้งร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่เตรียมไปผุดโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ มัดรวมเข้ากับ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2557 วงเงิน 2.5 ล้าน ล้านบาท ไปจนถึงอภิโปรเจกต์น้ำ 3.5 แสน ล้านบาท รวมๆ กันแล้วต้องใช้เม็ดเงินลงทุนเกือบ 5 ล้านล้านบาท

ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็น "เส้นเลือดใหญ่" ที่รัฐบาลต้องผลักดันอย่างเต็มแรงเพื่อให้ผ่านสภา

แน่นอนว่า "จำนำข้าว" ก็ยังเป็นเงื่อนไขแห่งการ "สันดาปรัฐบาล" !!!

ซึ่งเรื่องนี้ได้ส่งผลให้ "ยิ่งลักษณ์" มีอาการเหมือนกินข้าวบูด เพราะโดน "ฝ่ายค้าน" ไล่ต้อนแทบจนมุม โดยเฉพาะการเชื่อมโยงให้เห็นภาพว่า...นี่ไม่ใช่แค่การบริหารผิดพลาด แต่เป็นปมทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาล

ที่เป็นเช่นนี้เพราะโครงการรับจำนำ ข้าวของรัฐบาล ถูกตั้งคำถามว่า..ขาดทุน ถึง 2.6 แสนล้านบาท ตามรายงานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตรของกระทรวงการคลัง ซึ่งไปสอดรับกับสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำระดับโลก "มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส" ที่ออกมาระบุว่า ตัวเลขการขาดทุนน่าจะมีสูงถึง 2 แสนล้านบาท สูงกว่าที่ธนาคารโลกประเมินไว้ที่ 1.15 แสนล้าน และสูงกว่าที่กระทรวงการคลัง ประเมินไว้ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 1.7% ของจีดีพี หรือคิดเป็น 7.8% ของรายจ่ายทั้งหมดในปี 2555

นั่นยิ่งทำให้ "ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล" ดาหน้าออกมาถล่มแบบรายวัน เนื่องด้วยเจ้ากระทรวงพาณิชย์อย่าง "บุญทรง เตริยาภิรมย์" ยังคงบื้อ-บอด-ใบ้ ไม่สามารถชี้แจงตัวเลขขาดทุนให้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน จนตกอยู่ในสภาพตั้งรับอย่างต่อเนื่อง

แม้รัฐบาลจะพยายามแก้เกม โต้กลับด้วยการแพ็กห่อ "บุญทรง" ... "ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย" รมช.คลัง ไปเปิดโต๊ะแถลงข่าวชี้แจง พร้อมด้วย "เดอะเต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.กระทรวงพาณิชย์ หวังใช้ฝีปากดาวไฮด์ปาร์กมาช่วยไขสารพันปัญหา "จำนำข้าว"

แต่สุดท้ายกลับเหลวไม่เป็นท่า เพราะเหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งมัดตัวเอง!

ซึ่งจากการตั้งโต๊ะ "ไขปัญหาจำนำข้าว" ทุกคำถามยังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากเหล่าเสนาบดี ทั้ง "บุญทรง-ณัฐวุฒิ-ทนุศักดิ์" ต่างยืนยันว่า..ไม่ได้ขาดทุนถึง 2.6 แสนล้านบาท แต่ไม่ยอมบอกว่าขาด ทุนไปเท่าไหร่เพราะเป็นตัวเลขที่ "ปิดลับ"

ทำให้ชวนกังขาว่าโครงการรับจำนำ ข้าวที่ว่า "เจ๊ง!" เป็นความจริงหรือไม่...

ด้วยเพราะ "ปัจจัย" และ "เหตุการณ์" ที่รุมเร้ารัฐบาลมาถี่ยิบ ก็ยิ่งทำให้กระแสข่าวปรับ "ครม.ปู 5" ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง

โดยมีการ "กะเก็ง" เอาไว้แล้วว่า น่าจะขยับคิว "ปรับ ครม." มาเป็นปลายเดือนมิถุนายนนี้ ด้วยสูตร "ปรับใหญ่" เพื่อตั้งลำอยู่ครบเทอม

แต่อีกด้านหนึ่งยังมีข่าวมาจากทำเนียบไทยคู่ฟ้า ซึ่งระบุ วัน น. เวลา น. ไว้ไม่ห่างกัน คือนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจที่จะปรับ ครม.แล้ว ซึ่งในเบื้องต้น "ล็อกคิว" เอาไว้วันที่ 10 สิงหาคม...

ในภาวะขี่หลังเสือของ "ยิ่งลักษณ์" ส่งผลให้การปรับโฉมเสนาบดี "ชุด 5" มีแนวโน้มว่า "รัฐมนตรีสายล่อฟ้า" คงต้องไปเป็นลำดับแรก

"บุญทรง" ที่ถูกกลุ้มรุมอย่างหนักในปมทุจริต "จำนำข้าว" ก็มีความเสี่ยงสูงว่าจะโดนปรับออก เพราะแม้แต่ในมุ้งเพื่อไทยเอง ก็ยังมีการจี้ให้ทบทวนการทำงานของ "บุญทรง" อย่างหนาหู โดยเฉพาะความผิดพลาดในการบริหารโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งยังมีข้อกังขาอยู่อีกมาก ทั้งเรื่องการระบายสต็อกข้าวที่ไม่โปร่งใส และตัวเลขขาดทุนที่ไปแตะระดับที่สูงลิ่ว ตลอดจนการแก้เกมด้วยความอ่อนด้อยของ "บุญทรง" ก็ยิ่งทำให้กลายเป็น "จุดอ่อนของรัฐบาล" มากขึ้นไปอีก

เท่าที่เห็นและเป็นไป ยังมีคนใกล้ชิด "ยิ่งลักษณ์" คอยกระซิบอยู่ไม่เว้นแต่ละวันว่า "บุญทรง" ไม่มีความเหมาะสมจึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนตัว เพราะมิฉะนั้น อาจส่งผลเสียต่อรัฐบาลไปมากกว่านี้

แน่นอนผู้ที่จะเข้ามารับเผือกร้อนนี้แทน จำเป็นต้องพูดเก่ง มีความน่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือ...ต้องสามารถให้ข่าว ได้ทันท่วงทีเมื่อฝ่ายตรงข้ามหยิบยกประเด็นร้อนเอามาโจมตีรัฐบาล ซึ่งตาม "เครดิต" ของคนที่จะมารับช่วงต่อแล้ว คงไม่มีใครเนื้อหอมเท่า "วราเทพ รัตนากร" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก "นายกฯหญิง" เป็นอย่างมาก ทั้งยังมีความเชี่ยวกรากด้านกฎหมาย หากเข้ามารับ "เซ้งต่อ" ก็ย่อมทำให้สานงานต่อไปได้

สอดรับกับเหตุผลที่ผู้นำหญิงมอบหมายให้ "วราเทพ" รับหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานเพื่อชี้แจง "จำนำข้าว" ซึ่งนั่นอาจเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนลงสนามจริง... ขณะที่รายของ "เดอะโต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ "ขุนคลัง" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่ถูกคาดหมายว่าจะถูกโยก กลับมานั่งคุมพาณิชย์นั้น ดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะใน "ครม. ยิ่งลักษณ์ 1" ... "กิตติรัตน์" ก็เคยเป็น "ว่าการพาณิชย์" มาแล้ว แต่เนื่องด้วยมีความถนัดงานด้านการคลังมากกว่า จึงถูกปรับเปลี่ยนมา และผลงานตอนที่อยู่กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่มีความเด่นชัดเท่าที่ควร จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ "กิตติรัตน์" จะข้ามห้วยกลับมา

แต่ที่เป็นการสร้างน้ำหนักให้ดูน่าเชื่อถือนั้น เพราะถ้า "ยิ่งลักษณ์" คิดจะเปลี่ยนตัว "บุญทรง" ตามที่มีกระแสข่าว นั่นย่อมสั่นสะเทือนไปถึง "เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" แน่นอน...เพราะ "บุญทรง" ถือเป็นเด็กในคาถาที่ใกล้ชิดกับ "เจ้าแม่วังบัวบาน" เป็นอย่างยิ่ง

และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย เรื่อง "จับปูใส่กระด้ง" เพราะเกลี่ยโควตารัฐมนตรีกันไม่ลงตัว การดัน "วราเทพ" ซึ่งเป็นคนจาก "วังบัวบาน" เช่นเดียวกันมาแทนที่ ย่อมเป็นอะไรที่พูดกันง่ายกว่า

นับจากนี้ไปจังหวะการก้าวของรัฐบาล รวมไปถึงการปรับหมาก หวังสลับจากตั้งรับ..เป็นรุก! คงจะปรากฏในเร็ววันนี้ โดยเฉพาะการปรับทัพเสนาบดีเพื่อรอรับศึกใหญ่ ทั้งสารพัดปัญหาที่กลุ้ม รุมรัฐบาล กฎหมายสำคัญหลายฉบับที่ต้องผลักดันให้ฉลุยผ่านในสภาและการเดินหน้าแก้ปม "จำนำข้าว" ที่สามารถชี้เป็นชี้ตายต่อรัฐบาลได้

ทั้งหมดทั้งปวง เหมือนเป็น "แรงเสียดทาน" ที่รัฐบาลเองต้องหาหนทาง ประคับประคอง "นาวาลำเขื่อง" ให้ฝ่าพายุใหญ่ที่เริ่มตั้งเค้า...เพื่อให้ตัวเอง อยู่รอดจนครบเทอม?!!