“เอปสัน” เปิดกลยุทธ์ “NEW 5” เน้นสร้างคุณค่าที่แตกต่างผ่าน Sustainability Marketing รุกต่อธุรกิจ B2B ยุคใหม่

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2566

“เอปสัน” เปิดกลยุทธ์ “NEW 5” เน้นสร้างคุณค่าที่แตกต่างผ่าน Sustainability Marketing รุกต่อธุรกิจ B2B ยุคใหม่


นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายและกลยุทธ์ธุรกิจของปี 2566 นายยรรยงได้กล่าวว่า “บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้รวมจากการขายผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มในปี 2565 เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10% ซึ่งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่บริษัทฯ สามารถทำได้ตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ภาคธุรกิจเอกชนและหน่วยงานราชการได้มีการลงทุนกับอุปกรณ์ไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถาบันการศึกษาจำนวนมากเริ่มนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปใช้ในกระบวนการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ และการที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ทำให้มีการจัดกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นเดียวกับการกลับมาให้บริการอีกครั้งของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศได้เป็นปกติ รวมไปถึงภาคการผลิตของไทยก็ยังใช้ระบบซัพพลายเชนภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ก็เริ่มคลี่คลาย ซึ่งตัวอย่างเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ตลาดไอทีในประเทศมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น”

สำหรับธุรกิจของเอปสันประเทศไทยในปีที่ผ่านมา กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าเครื่องพิมพ์อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงที่สุดถึง 170% ซึ่งเอปสันได้มีการทำกิจกรรมการตลาดเพื่อแนะนำสินค้าอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความมั่นใจของผู้บริโภคในแบรนด์เอปสันที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ ทำให้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด ถัดมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมโปรเจคเตอร์ที่มีการเติบโตอยู่ที่ 64% โดยเป็นผลมาจากจำนวนลูกค้าติดตั้งโฮมเธียเตอร์ระดับไฮเอนด์ภายในบ้านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากกระแสความสนใจชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในการดูภาพยนตร์แบบส่วนตัวภาย ในบ้านมากขึ้น และอันดับที่ 3 ได้แก่กลุ่มเครื่องพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัลที่เติบโต 52% โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจโดยรวม

ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีการเติบโตได้ดี ได้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ความสว่างสูง ที่มีการเติบโตอยู่ที่ 43% กลุ่มเครื่องพิมพ์มินิแล็บที่เติบโต 29% ขณะที่เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทขนาดใหญ่ที่ทางเอปสันได้นำเข้าไปทำตลาดแข่งขันกับกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารก็มีการเติบโตที่ดี โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 23% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดจากเครื่องถ่ายเอกสารตามสำนักงานที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์อยู่เดิม-

อย่างไรก็ตาม ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดไอทีต้องเผชิญกับบรรยากาศที่อึมครึม เริ่มตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 มาจนถึงผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เอปสันได้ดำเนินกลยุทธ์ในหลายมิติจนสามารถก้าวข้ามความท้าทายมาได้ ในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าที่จะสร้างการเติบโตให้ได้มากกว่า 10% เป็นปีที่สามติดต่อกัน โดยได้วางกลยุทธ์ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในช่วง Post COVID19 เช่นนี้ ที่จะเน้นสร้างความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ให้กับธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่ ผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า ‘New 5’ ซึ่งประกอบด้วย New S-curve, New Target, New Business Model, New Service และ New Experience โดยยึดหลักความยั่งยืน (Sustainability) เป็นสารสำคัญที่จะถ่ายทอดผ่านกลยุทธ์ทุกทาง” ประกอบด้วย

New S-curve มีเทคโนโลยี Heat-Free เป็นแกนหลัก ที่จะสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคตให้กับเอปสัน ร่วมด้วยเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อสร้างความความยั่งยืนให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาธุรกิจและการลงทุนสู่ความยั่งยืนของไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น โดยที่เห็นได้ชัดเจนคือการที่เอปสันประกาศยุติการจำหน่ายเครื่องพิมพ์เลเซอร์ พร้อมเปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นอิงเจ็ทในกลุ่ม WorkForce Enterprise รุ่น AM-Series ที่ใช้หัวพิมพ์ PrecisionCore Heat-Free Technology ที่กินไฟน้อย และถูกออกแบบให้มีชิ้นส่วนประกอบที่ต้องดูแลรักษาน้อย ทำให้บำรุงรักษาง่าย เพื่อมาแข่งขันในตลาดเดียวกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร

New Target จากการที่เราได้เปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่อย่าง WorkForce Enterprise AM-Series เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ที่จะมาช่วยเติมเต็มไลน์สินค้าและสร้างโอกาสในการเพิ่มการขาย ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดี สอดคล้องกับข้อมูลตลาดจาก IDC ที่เปิดเผยว่าประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีสินค้าในกลุ่มเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม รวมถึงเลเซอร์โปรเจคเตอร์ ทำให้สามารถครอบคลุมความต้องการใช้งานได้หลากหลาย สร้างโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมใหม่หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่

New Business Model เอปสัน ได้เริ่มทำธุรกิจเชิงการบริการ อย่างเช่นการนำเสนอรูปแบบบริการการพิมพ์แบบจ่ายรายเดือนอย่าง EasyCare ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนการพิมพ์ของตัวเองได้ ไม่ต้องสต๊อกหมึก ทั้งยังมีบริการ On-site service ส่งช่างซ่อมไปถึงออฟฟิศ และในครึ่งปีหลังของปี 2566 ยังมีแผนที่จะเปิดการให้บริการการพิมพ์ภายใต้คอนเซ็ป Epson iPrint AnyWhere เพื่อสนับสนุนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับตัวหลังการระบาดของโควิด-19 ที่มีรูปแบบการทำงานเป็นแบบ Hybrid มากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการในการพิมพ์งานเอกสารตามสถานที่ต่างๆ โดยบริการนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้และองค์กรในการพิมพ์เอกสารได้จากหลายสถานที่ ผ่านเครื่องพิพม์เอปสันในสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ในเครือข่าย

New Experience เราจะมีการลงทุนในการสร้างโซลูชั่นเซ็นเตอร์แห่งใหม่ ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 3 ของปี 2566 นี้ โดยจะรวบรวมผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่มาจัดแสดง พร้อมกับทำการสาธิตและจัดอบรมให้กับตัวแทนจำหน่ายและลูกค้าที่สนใจ ให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์การใช้งานเครื่องจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าองค์กร

New Service ในด้านการบริการ เอปสันได้ทำการเสริมศักยภาพการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย โดยก่อนการขาย เอปสันได้เพิ่มทีมงาน Pre-sales เพื่อให้สนับสนุนการทำโซลูชั่นต่างๆ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการสนับสนุนข้อมูลผ่านทาง digital platform ต่างๆ และที่สำคัญในปีใหม่นี้ เอปสันมีแผนขยายเครือข่ายการให้บริการหลังการขายของสินค้ากลุ่ม B2B จาก 122 แห่ง เป็น 130 แห่ง เพื่อตอบสนองการขยายตัวของสินค้าเอปสัน กลุ่ม B2B ที่ออกไปยังภูมิภาคมากขึ้น รองรับการขยายตัวของตลาด และลดระยะเวลาในการส่งเครื่องซ่อม

นายยรรยง กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับปี 2566 นี้ เช่นเดียวกับเอปสันในทุกตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ เอปสัน ประเทศไทยจะยกระดับความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะผลักดันประเด็นดังกล่าวเข้าไปสู่กลไกทางธุรกิจและกิจกรรมทางการตลาดมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการขานรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาวของไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น หรือที่เรียกว่า ‘Environmental Vision 2050’ รวมถึงการจัดกิจกรรมด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าร่วมกับ WWF ซึ่งลงนามสัญญาในฐานะ International Partnerships กับทางสำนักงานใหญ่เป็นระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ หลังจากที่ก่อนหน้า ได้ร่วมมือกันทำงานบนโปรเจ็คท์อนุรักษ์ปะการังมาแล้วทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ปี 2022



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ