นับเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ที่ในเดือนสิงหาคมนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ ในฐานะ "ผู้นำรัฐบาล" ผ่านมาไกลครึ่งทางแรกแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าใน 2 ขวบปีแรก เจ้าของสมญา "ปูกรรเชียง" ต้องเผชิญทั้ง "แรงเสียดทาน" ที่ประเดประดัง เข้ามารอบด้าน มีทั้งเสียงชื่นชมและกระแส วิพากษ์อย่างหนักหน่วง จนบางครั้งถึงกับ หลุดคิว..ระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจ! ที่ ตัวเองถูกโจมตี ทั้งเรื่องงาน-เรื่องส่วนตัว ไปจนถึงข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ

แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีการกล่าวถึง "ความเป็นตัวตน" ของ "ยิ่งลักษณ์" ที่เหล่ากูรูการเมืองต่างประเมินไปว่า...ยิ่งอยู่นาน "ปู" ยิ่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเพราะท่าทีประนีประนอม ใช้กลยุทธ์ "อ่อนสยบแข็ง" มาเป็น "ท่อร้อยคอนเน็กชั่น" เชื่อมสัมพันธภาพกับ "กองทัพ" จนสามารถสร้างเสถียรภาพให้ "นาวาปู" ฉลุยผ่านมาได้อย่างราบรื่นตลอดสองปีเต็ม ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่.. พี่ชายใหญ่แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า อย่าง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ก็ยังทำไม่ได้?!!

ทว่าเมื่อผ่านมาครึ่งเทอมของรัฐบาล ท่าทีที่เคย "อ่อนนอก..นุ่มนวล" ของ "ยิ่งลักษณ์" มาถึงตอนนี้เริ่มปรากฏความแข็งกร้าว และไม่ยอมอ่อนข้อให้ฝ่ายโค่นล้มที่เคยรุมสกรัม "รัฐบาล" มาโดยย่ามใจตลอด 2 ปี ส่งผลให้แนวร่วมฝ่ายต่อต้าน เริ่มมองผู้นำหญิงด้วยท่าทีที่เปลี่ยน ไปอย่างสิ้นเชิง กระทั่งมีการถอดสลักระเบิดเวลา ชี้ว่าคนระดับผู้นำประเทศ "มีเจตนา" ที่จะนำเอาประเด็นร้อนทางการเมือง มาเป็นชนวนกระพือความขัดแย้ง ยิ่งขึ้นไปทุกขณะ

ขณะเดียวกัน หลายต่อหลายฝ่ายก็มองไปว่า นี่คือ "ขาลง" ของรัฐบาล เพราะผ่านมากว่า 2 ปี นโยบายประชานิยมเริ่มผลิดอกออกผลมาให้เห็นกันบ้างแล้ว แม้ต้องยอมรับว่าบางนโยบายส่งผลทางบวก แต่บางนโยบายก็ส่งผลทางลบ เช่นกัน...

โดยเฉพาะนโยบายรับจำนำข้าว ที่ไปเข้าทางพรรคประชาธิปัตย์ จนได้ทีออกมาถล่มแบบไม่ไว้หน้า ปั่นตัวเลขขาดทุนจนสูงปรี๊ด! ตีแผ่ขบวนการ "โกงจำนำข้าว" ส่งผลให้ประชาชนตั้งข้อกังขาต่อการบริหารงานของรัฐบาล

กลายเป็นปฏิบัติการ "สุมขอนรัฐบาล" ที่ฝ่ายโค่นล้มดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ด้วยทีมรัฐมนตรีเท่าที่เห็นกึ๋น..เห็นฝีมือกันมาเกือบครึ่งเทอม ก็ยิ่งทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ จนถึงขั้น...เอาไม่อยู่!!

ฉะนั้นจึงปรากฏ "สูตร..ปรับใหญ่" เพื่อตั้งลำให้อยู่ครบเทอม โดยล่าสุดมีกระแส ข่าวจากทำเนียบไทยคู่ฟ้า ระบุ วัน น. เวลา น. ที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจที่จะปรับ ครม. ซึ่งในเบื้องต้นล็อกคิวเอาไว้ราวต้นเดือนสิงหาคมนี้ แต่หากมีเหตุก็อาจขยับร่นเวลาเข้ามาอีก

ซึ่งรัฐมนตรีสายล่อฟ้าที่สุ่มเสี่ยงไปก่อนคนอื่น ย่อมมีชื่อของ "บุญทรง เตยาภิรมย์" รมว.กระทรวงพาณิชย์ ที่ตอนนี้ตกอยู่ในอาการโคม่า เจียนอยู่เจียนไปเต็มที ด้วยผลพวงจากพิษจำนำข้าว ที่กำลังโดนฝ่ายค้านกลุ้มรุมอย่างหนัก! ถ้ามีการปรับเปลี่ยนเจ้ากระทรวงพาณิชย์ แน่นอนชื่อของ "วราเทพ รัตนากร" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ย่อมหอมฟุ้งกำจรจายกว่าใคร เพราะถือเป็นผู้ที่เข้ามาไขข้อกังขาในปมปริศนา "จำนำข้าว" จนกู้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลปู กลับคืนมาได้บ้าง อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากนายกฯ หญิง เป็นอย่างมาก

ที่สำคัญคือ การที่เขาเป็นเนื้อเดียวกัน กับเจ้าแม่วังบัวบาน อย่าง "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้เป็นพี่สาว "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" ...ฉะนั้นหากคิดจะเปลี่ยนตัวคนมุ้งเดียวกัน ย่อมพูดกันง่ายกว่า ลงตัวกว่า และไม่สั่นสะเทือนไปถึงเงื่อนไขการเกลี่ยโควตารัฐมนตรี

แต่ที่แน่ๆ ในบรรดา "บิ๊กเนม" ที่สลัดหลุดพันธนาการ "บ้าน 111" ได้เตรียมแต่งเนื้อแต่งตัวรอคืนสังเวียนการเมืองหลายต่อหลายคน ซึ่งเป็นไปตามคอนเซปต์ เดิมที่ว่า "สมบัติผลัดกันชม"

ขณะที่คนระดับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่าง "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ" รมว. กระทรวงมหาดไทย ก็มีแนวโน้มสูงว่า น่าจะ โดนปรับเปลี่ยนไปดำรงตำแหน่งอื่น หรือโดน ปรับออก เพราะมีข้อร้องเรียนหลายเรื่องจาก ส.ส.ในมุ้ง และเขาก็เคยบอกไว้แล้วว่า.. อยากขอไปเอง!

ส่วนตัวเก็งที่ส่อโดนเด้งจนหลุดเก้าอี้! มีทั้ง มท.2-มท.3 อย่าง พล.ต.ท. ชัจจ์ กุลดิลก และประชา ประสพดี รวมไปถึงพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.กระทรวงยุติธรรม... "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" รมช.กระทรวงพาณิชย์... "วรวัจน์ เอื้อ อภิญญกุล" รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี...และในรายของ "ศันสนีย์ นาคพงศ์" รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะถูกปรับออกไปเลย

ด้าน "สิงห์เหลิม" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ก็มีคิวย้ายไปเป็นรมว. กระทรวงยุติธรรม โดยเตรียมดึงพล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกฯ กลับมาเป็นรองนายกฯ คุมสถานการณ์ไฟใต้ ขณะที่ "แคนดิเดต" ที่จ่อคิวรอร่วมขบวน "ปู 5" ก็มีชื่อที่น่าสนใจโผล่เข้ามาเป็นกระบุง ทั้ง เสธ.เปีย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส. บัญชีรายชื่อในโควตาเสื้อแดง ที่คาดว่าจะ ทะยานขึ้นเป็น "มท.1" แต่ตำแหน่งนี้ยังมี ชื่อ "โภคิน พลกุล" ที่ปรึกษานายกฯ และ "พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิต" เข้ามามีชื่อคั่วในตำแหน่งนี้เช่นกัน ส่วน "สิริกร มณีรินทร์" สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะมาเป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แทน "ศันสนีย์" และ "วิสาร เตชะธีราวัฒน์" บิดา "หนูยิ้ม- วิสาระดี" ส.ส.เชียงราย ลุ้นเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในโควตา "เจ้าแม่วังบัวบาน"

ทั้งนี้ ล่าสุดยังมีความเคลื่อนไหวของ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" นายใหญ่กลุ่มมัชฌิมา ที่มีสถานะใหม่เป็นงูเห่าฝ่ายค้าน ซึ่งตอนนี้เริ่มดึงตัวเข้าหา "ยิ่งลักษณ์" อยู่บ่อยครั้ง จนมีกระแสข่าวว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วมีคนระดับ "บิ๊กเนม" ในค่ายเพื่อไทย ดอดเข้าหาคนไกลบ้าน ถึงแดนมะกัน... เพื่อเจรจาปรับสูตร ตั้งลำทีมเสนาบดีปู "ชุด 5" โดยแว่วมาว่า "เจ๊ใหญ่" เตรียมปัน 1 เก้าอี้แลก 8 เสียงในมือของ "มัชฌิมา" ซึ่งโควตาที่ว่านี้ ก็เป็นไปได้มากว่า "สมศักดิ์" พร้อมจะดัน "อนุชา นาคาศัย" สามีของ "พรทิวา นาคาศัย" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาสวมหัวโขนแทนตัวเอง

ส่วนในรายของ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" หัวขบวนพรรคชาติพัฒนา ยังคงสงวนท่าที แต่ลึกๆ แล้วก็รู้กันดีว่า ต่อสายตรงถึงดูไบ อยู่ตลอดเวลา ล่าสุดยังมีมุกตกร่องของ "สิงห์เหลิม" ที่ได้ประกาศบนเวทีปราศรัยที่โคราชว่า พรรคเพื่อไทยต้องการดึง "สุวัจน์" กลับมาช่วยงาน ซึ่ง เมื่อจับทิศทางลมดูแล้ว...ข้าเก่าเต่าเลี้ยง อย่าง "สมศักดิ์" และ "สุวัจน์" ก็พร้อมหวนคืนยุทธจักรการเมือง รอแค่จังหวะเหมาะๆ เท่านั้นเอง?!!