"ปู 5" กับภาวะโลกร้อน

วันเสาร์ที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2556



สะบัดร้อนสะบัดหนาว : ณรงค์ ปานนอก

การปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เท่านั้น คือหนทางแก้ปมการเมืองให้ลดอุณหภูมิเดือดได้ระดับหนึ่ง

และแล้วนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยก็แสดงภาวะผู้นำออกมาอย่างรวดเร็ว ด้วยการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีแบบ "ยกกระบิ" ...เห็นหน้าตาแล้วดูจะดีกว่าเดิม แต่ก็ไม่วายยังเห็นลาย "เด็กเส้น" - "เด็กเจ๊" - "ต่างตอบแทน"

โดยแฝง "รัฐมนตรีไม้ประดับ" และประเภท "ไม้เลื้อย" ให้เห็นตะคุ่มๆ อยู่

ก็ยังดีที่ "รัฐมนตรีโนเนม" เริ่มจางหายไปกลายเป็น "เสนาบดีส่วนน้อย" อย่างไม่น่าเกลียดเกินไป โดยเพิ่มความเข้มของรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงหลักๆ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าให้หายเบื่อได้บ้าง

แม้กระทรวงการคลังยังคงเดิม "ไม่ใช่ซาร์เศรษฐกิจตัวจริง" แต่ก็มี "ลูกหม้อสายแม้ว" ที่มีความรอบรู้ทางการเงินการคลังช่วยเสริมทีม

แน่นอนกระทรวงพาณิชย์ที่ทำให้รัฐบาลปู 4 ต้องเดี้ยงไปคาตา รัฐมนตรีคนใหม่คงไม่ใช้สไตล์เดิมและดูจะดีขึ้นเมื่อมีรัฐมนตรีช่วยที่เป็นลูกหม้อเก่ามาเสริม แถมเคยมีลูกเล่นด้านวาทกรรมที่สร้างภาพให้ใครบางคนเป็น "ปลาบู่ชนเขื่อน" มาแล้ว กระทรวงนี้คง "เปลี่ยน Look" ไปสู่โลกการค้ามากขึ้น

กระทรวงศึกษาธิการที่เคย "ผิดฝาผิดตัว" มานาน เมื่อเปลี่ยนเจ้ากระทรวงที่ "ถูกฝา" กว่าเดิม ก็ย่อมดูดีกว่าแน่ แต่กระทรวงนี้ก็มี "ม้าพยศ" และ "เงาดำคราบกูรู" ที่มักจะทำให้กระทรวงหลงทิศหลงทาง ต้องคอยตบซ้ายตบขวาอย่าให้เป๋มากนัก

โดยภาพรวม คงจะมี "ยี้เล็กๆ" อยู่ในบางกระทรวง ยิ่งถ้าเจ้ากระทรวงคนใหม่ ยังหลบหน้าไม่กล้าสู้กล้องเพื่อชี้แจงแถลงความเคลื่อนไหวและข้อมูลที่ชาวบ้านควรเข้าใจอีกละก็ มันคงไม่พ้นอนาคตที่อาจเหมือน "บุญทรงก้าวลงเป็นบุญทรุด" ได้ไม่ยาก

โครงการจำนำข้าวที่ทำท่าจะทำให้รัฐบาลเข้าสู่ "คิลลิ่งโซน" อยู่รอมร่อ คงพลิกกลยุทธ์ทำความเข้าใจกับชาวนาได้ไม่ยาก แต่อาจยาวหน่อยกับเกมของฝ่ายค้าน

และรัฐบาลเตรียมตัวเตรียมใจได้เลยว่า พายุจะโหมกระหน่ำมาอีก 2 ลูกใหญ่ นั่นคือโครงการแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบ 3.5 แสนล้านล้าน กับโครงการรถไฟความเร็วสูง 2.2 ล้านล้านบาท ที่พรรคฝ่ายค้านต้องค้นเคาะเจาะลึกเอามา "เปิดแผล" ให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะชูการแก้ภาวะโลกร้อนเป็น "เกมใหม่" เพราะแผ่นดินไทย "ร้อนตับแลบ" อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก็ต้อง "กาหัว" ไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ไร้แผนปกปักรักษา ป่าและต้นน้ำให้ฟื้นขึ้นมาได้แม้แต่ผืนเดียว

เรายังไม่เคยเห็นการทำงานระหว่างกระทรวงที่มีผู้ดูแลเป็น "รัฐมนตรีต่างพรรค" ชัดนัก แต่ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกชาติได้รับผลกระทบรุนแรงจนเกิดความเสียหายทั้งชีวิต-ทรัพย์สินส่วนตัวและส่วนรวม จึงไม่ใช่เรื่องเกี่ยง หรือแยกกันชิงดีชิงเด่นของแต่ละพรรค

ภาวะ "ร้อนตับแลบ" และความวิกฤติของภัยธรรมชาติได้ย่างกรายมาสัมผัสแผ่นดินไทยให้ประชาชนต้องตระหนักมากขึ้นโดย 2 กระทรวงนี้ต้องบูรณาการตรง ต่อนายกฯ เป็นศูนย์ปฏิบัติการหนึ่งเดียว

ถึงขั้น "จุดกระแสปลูกป่า" ปลูกต้นไม้ในที่ดินว่างเพื่อลดความร้อนให้เกิดเป็นรูปธรรม ควรเสนอเป็น "วาระแห่งชาติ" และประกาศ "สงครามกับผู้ร้ายทำลายป่า" ด้วยมาตรการที่รุนแรง ก็ต้องทำ

คนเราอาจมองเรื่องอุณหภูมิร้อนผิดปกติเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้ว มนุษย์ต่างหากที่ทำลายอุณหภูมิปกติให้มีความร้อนเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่อดีตเมืองไทยมีอุณหภูมิสบายๆ แค่ 25-29 องศาเท่านั้น

กฎหมายธรรมดา และบุคลากรที่รักษาป่า ณ วันนี้คงไม่พอเพียงกับการปกป้อง ป่าและอุทยานแล้ว แต่ต้องเพิ่ม "กฎเหล็ก" มีบทลงโทษที่หนักกว่าเก่าอีกทวีคูณ พร้อมกับให้ความรู้เรื่องการลดความร้อนด้วยวิธีปลูกต้นไม้ง่ายๆ แต่เอาจริงเอาจัง

เหตุที่เสนอเรื่องนี้ต่อรัฐบาลปู 5 เพื่อจะได้ "ไม่ตก Trend" ที่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ได้ประกาศจะเพิ่มความเข้มเรื่องแก้ภาวะโลกร้อน และอยู่ในวิสัยที่รัฐบาลไทยจะลุยให้สอดรับกันได้

อย่าลืมว่า ภัยธรรมชาติและภัยจากอาชญากรรม มันกำลังชุกชุมอย่างน่าวิตก เพราะคนมีอารมณ์ร้อน นอกจากมีต้นเหตุมาจากสุรา และยาเสพติดแล้ว มันก็มา จากภาวะอุณหภูมิร้อนที่กดดันบั่นทอนจิตใจให้หุนหันตัดสินไม่รอบคอบนี่แหละ

แถม "เล่นเกมใหม่" เอา "ป๋าเติ้ง" มาร่วมวงด้วย นอกจากทำให้ผู้เฒ่ากระชุ่มกระชวยแล้ว ก็ยังเลี่ยงเกมเก่าที่น่าเบื่อได้อีกด้วย!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ