Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ปฏิบัติการยึด"กลาโหม"ประสานอำนาจ "ท็อปบูต"
ปฏิบัติการยึด"กลาโหม"ประสานอำนาจ "ท็อปบูต"
วันเสาร์ที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
Tweet
รุกคืบไปอีกขั้น!! สำหรับการปรับเปลี่ยน "กลยุทธ์" เพื่อรับมือ "ภาวะขาลง" ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังบริหารประเทศมาไกลจวน ครึ่งเทอมแล้ว..แต่ด้วยวิกฤติทาง การเมืองที่รุมเร้า ประชานิยมที่เคยเป็น "ใยเหล็ก" ก็เริ่มผุกร่อนไปทุกที
มันจึงกลายเป็นภาวะ "กลืนไม่เข้า.. คายไม่ออก" ที่ทำให้ "รัฐบาล" จำต้องรีบเคลียร์ทางแก้ปัญหาที่ประเดประดังเข้ามา
ส่งผลให้มีการ "กดปุ่ม" เดินหน้าปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ สอดรับจังหวะที่ "สภาผู้แทนราษฎร" เตรียมพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 และ "พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท" เพื่อปฏิรูป "ระบบราง" ซึ่งช่วงเวลาที่เหลืออยู่แค่เดือนเศษ การปรับ ครม.จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม?!..
ในพลัน "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" ได้กางบัญชี "ครม.ปู 1/5" ที่จะมีการผ่าตัดใหญ่ "เหล่าเสนาบดี" รวม 19 ตำแหน่ง พร้อมใส่ชื่อตัวเองเข้าไปนั่งควบ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม" เพื่อให้เป็นไปตามสูตร "กระชับอำนาจกองทัพ" ...หวังเอาความเยือกเย็นของ "นารีพิฆาต" เข้าสยบ "เหล่าท็อปบูต" ให้อ่อนยวบและเสริมใยเหล็กให้ "รัฐบาล" เอาตัวรอดไปได้จนสุดทาง
การเข้ามารั้งเก้าอี้ "สนามไชย 1" ของ "ยิ่งลักษณ์" ยังจะถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ทางการเมืองหน้าใหม่ ด้วย การเป็น "สุภาพสตรีหมายเลข 1" ที่ควบ ทั้งตำแหน่ง "ผู้นำประเทศ" และ "เจ้ากระทรวงกลาโหม" ในคราวเดียวกัน!!
โดยก่อนหน้านี้มี "นายกฯ พลเรือน" ที่นั่งควบกลาโหมมาแล้ว 3 คน คือ "ชวน หลีกภัย" ... "สมัคร สุนทรเวช" และ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" ซึ่งล้วนแต่มี "เหตุผลสำคัญ" ในการกระชับอำนาจทางการเมือง และสยบแรงกระเพื่อมจาก "ภายในมุ้ง" ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับกองทัพในยามนั้น
ทั้งนี้ "ยิ่งลักษณ์" เคยมีกระแสข่าวว่า จะมานั่งควบ "รมว.กระทรวงกลาโหม" ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงแรกๆ ยัง คงมีกระแสต่อต้าน เพราะ "กองทัพ" ไม่เห็นด้วยที่จะแต่งตั้ง "ผู้หญิง" ให้ขึ้นคุมกองทัพ และมองว่าการที่เป็นพลเรือนอาจ ไม่เข้าใจธรรมเนียม และปัญหาความต้องการ ของทหารดีพอ
ทว่าเมื่อ "ยิ่งลักษณ์" ก้าวขึ้นมาครองเก้าอี้ "รมว.กระทรวงกลาโหม" ในจังหวะเวลาที่สุกงอม กระแสต่อต้านคงแทบจะไม่มี เพราะตลอดการทำงานในรอบ เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา "นายกฯหญิง" สามารถทำงานสอดประสานกับกองทัพได้อย่างไม่ขัดเขิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่เคยแก้ปัญหาร่วม กันมาโดยตลอด
ทางด้าน "ผู้สันทัดกรณีด้านความมั่นคง" ได้ช่วย "ถอดรหัส" การเปลี่ยนตัว "บิ๊กโอ๋" พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต แล้วสลับ "ยิ่งลักษณ์" เข้ามากุมบังเหียน "กองทัพ" ไว้อย่างน่าสนใจว่า...อาจเป็นเพราะท่าทีประนีประนอมของ "นายกฯ หญิง" ที่มีต่อ "บิ๊กเหล่าทัพ" และที่ผ่านมาก็สามารถทำงานเข้าขากับกองทัพได้เป็นอย่างดี ขณะที่ "ขุนทหาร" ต่างก็พอใจกับท่าทีของ "รัฐบาล" ที่ไม่เข้ามาแทรก แซงการทำงานของกองทัพ โดยเฉพาะการ ไม่เข้ามาปรับแก้ "พ.ร.บ.กลาโหม" และอนุมัติงบประมาณตามที่กองทัพร้องขอ โดยแทบจะไม่มีการตัดทอนเลย
อีกเหตุผลหนึ่ง ก็มีความเป็นไปได้ว่า "ผู้มากบารมีในรัฐนาวา" ย่อมไม่อยากให้ "รมว.กระทรวงกลาโหม" ถูกกลืนโดย "กองทัพ" ซึ่งจะเห็นได้จากกรณีปลด "พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา" พ้นจากตำแหน่ง รมว.กระทรวงกลาโหม และให้เหลือเพียงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะมาจากเหตุผลในทำนองนี้ เพราะบุคลิก ของ "พล.อ.ยุทธศักดิ์" ถูกมองว่า "ยอมลง" ให้กองทัพมากจนเกินไป
นอกจากนี้ "ข้อดี" ของการที่ "ยิ่งลักษณ์" จะควบ รมว.กระทรวงกลาโหม เองนั้น ยังเป็นการ "สยบแรงกระเพื่อม" ของแคนดิเดตที่เป็น "ขุนทหาร" ในพรรคเพื่อไทย ที่แต่ละคนต่างมุ่งเข้าหา "นายใหญ่" อย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในระหว่างพำนักที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้สร้างความกระอักกระอ่วนใจให้ "คนไกลบ้าน" อยู่มิใช่น้อย
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านั้นเคยมีกระแสข่าวการทาบทามให้ "พล.อ.ประยุทธ์" สละเก้าอี้ "แม่ทัพบก" สลับมานั่งเป็น "รมว.กระทรวงกลาโหม" โดยสูตรนี้มีการพูดคุยกันในวงแคบๆ ของฝ่ายการเมือง เพื่อให้ "พล.อ.ประยุทธ์" เป็น "ตัวประสาน" ให้ประเทศชาติเกิด "ความปรองดอง" ซึ่งทั้ง "พี่ชาย-น้องสาว" ต่างเห็นพ้องกับสูตร "สมานฉันท์" ที่ว่านี้
แต่เอาเข้าจริงๆ กลับไม่ได้รับความ เห็นชอบด้วยจาก "พล.อ.ประยุทธ์" สูตรนี้จึงถูกพับเก็บลงลิ้นชัก!
จากนั้นก็เริ่มมี "แคนดิเดต" ในตำแหน่ง รมว.กระทรวงกลาโหม ที่หวังร่วม ขบวน "ปู 5" ได้ถูกเสนอชื่อขึ้นมาอย่างคับคั่ง เพราะในพรรคเพื่อไทยก็มีการดึง "อดีตขุนทหาร" เข้ามาร่วมชายคามากมาย แค่เฉพาะเพื่อนร่วมรุ่น "ตท.10" ของ "ทักษิณ" ก็มีอยู่นับสิบ นี่ยังไม่นับรวม "บริวารว่านเครือ" ของบรรดาขาใหญ่ในค่ายเพื่อไทยอีกไม่น้อยที่หวังรอ "เสียบ" ... ส่งผลให้ "ยิ่งลักษณ์" ต้องตัดสินใจต่อสายตรงถึง "พี่ชายใหญ่" เพื่อหาทางสยบแรงกระเพื่อมที่อาจกลายเป็น "คลื่นใต้น้ำ" ในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม การมานั่งเก้าอี้ รมว. กระทรวงกลาโหม ที่แวดล้อมไปด้วยเหล่า ขุนทหาร มันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ดังนั้น "นายกฯ หญิง" จึงต้องเล็งหา "ตัวช่วย" ในการแบ่งเบาภาระและให้คำปรึกษา พร้อมทั้งเชื่อมประสานกับขุนทหารในกองทัพ
ซึ่งคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม... ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก "บิ๊กอ๊อด" พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรองนายกฯ และ อดีต รมว.กระทรวงกลาโหม ที่จะกลับเข้า มาเป็น "รมช.กระทรวงกลาโหม" เพื่อเป็นท่อร้อยคอนเน็กชั่น..เชื่อมโยงระหว่าง รัฐบาล-กองทัพ ทอดยอดไปถึง "บ้านสี่เสาฯ" เพื่อลดแรงเสียดทานทางการเมืองที่อาจกระเพื่อมแรงขึ้นหลังการเมืองย้ายวิกไปสู่เวทีสภาฯ ราวต้นเดือนสิงหาคมนี้
นอกเหนือจากภารกิจ "โซ่ข้อกลาง" นี้แล้ว..การเพิ่มตำแหน่ง "รมช.กระทรวงกลาโหม" เข้ามาอีก 1 ตำแหน่งก็ถือว่า.. หวังผลได้สองเด้ง! เพราะยังเป็นการเพิ่ม "เสียงโหวต" สำหรับการแต่งตั้งนายทหารชั้น "นายพล" อีกขยักหนึ่ง
เพราะตามโครงสร้างแล้ว "เสียงโหวต" ในคณะกรรมการแต่งตั้ง "นายทหารชั้นนายพล" ตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 จะกอปรไปด้วย รมว.กระทรวงกลาโหม, รมช. กระทรวงกลาโหม, ปลัดกลาโหม, ผบ.สส. และผู้นำ 3 เหล่าทัพ ซึ่งในรัฐบาล "ปู 4" ไม่มีตำแหน่ง "รมช.กระทรวงกลาโหม" ทำให้แนวโน้มของเสียงยังก้ำกึ่ง แต่ถ้าเพิ่ม "รัฐมนตรีช่วย" เข้ามาก็มีแนวโน้มสูงที่ฝ่ายรัฐบาลจะมี "แต้มโหวต" เหนือกว่า
ด้วยจำนวนเสียงที่เพิ่มขึ้นนี้ ก็หมาย ความว่า ฝ่ายที่มีเสียงในมือมากกว่าย่อมสามารถ "กำหนดทิศทาง" ของกองทัพผ่าน "ตัวบุคคล" ที่คัดเลือกเข้ามาได้ ซึ่งแต่เดิมเสียงในกองทัพมีเอกภาพ และมีจำนวนมากกว่า "การเมือง" จึงไม่สามารถเข้ามาจัดวางคนของตัวเองเพื่อ "แทรกแซง" กองทัพได้...
นั่นจึงนำมาสู่แรงกดดันให้แก้ พ.ร.บ. กลาโหม แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะติดเงื่อนไขทางกฎหมายที่การแก้ไขต้องผ่านความเห็นชอบของ "สภากลาโหม" เสียก่อน และด้วยท่าที "ไม่สบอารมณ์" ของบิ๊กกองทัพ มันย่อมไม่เป็นผลดีต่อเสถียรภาพของรัฐบาลแน่นอน
ฉะนั้นแล้ว เมื่อมีเสียงโหวตของ "รมช.กระทรวงกลาโหม" เพิ่มขึ้นมาอีก 1 เสียง จึงเท่ากับเป็นการเพิ่ม "อำนาจต่อรอง" ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ซึ่งแม้ตามธรรมเนียมปกติจะมีการพูดคุยปรึกษากัน และไม่มีการ "ลงมติชี้ขาด" จนไปสร้างความแคลงใจระหว่างกัน แต่ถ้าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ และ ตกลงกันไม่ได้จริงๆ การโหวตก็เป็นวิธีการ สุดท้ายเพื่อหาข้อยุติ
แม้รัฐบาลจะพยายาม "หลีกเลี่ยง" ความขัดแย้งกับ "คนในกองทัพ" แต่ก็ไม่สามารถละทิ้งความเป็นไปได้ที่ว่า... "ฝ่ายการเมือง" ได้เล็งไปถึงการจัด "โผทหารกลางปี" ที่จะมีขึ้นในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า
เหนืออื่นใด จากบทเรียนอันแสนเจ็บปวด...เมื่อครั้งรัฐประหาร 19 กันยาฯ 49 มันย่อมทำให้ "คนในระบอบทักษิณ" ต้องเคลียร์ทาง เร่งเดินเกมเพื่อประสานอำนาจ ผ่านการ "จัดระเบียบกองทัพ" โดยหวังพึ่งความโอนอ่อนอยู่ในทีของ "ยิ่งลักษณ์" เป็นตัวนำ...เล็งสอดแทรก "คนที่ไว้วางใจ" เข้าไปเพื่อหาทางโซนนิ่ง "เหล่าขุนทหาร" โดยไม่ต้องแก้ พ.ร.บ.กลาโหมให้เสียเวลา
นี่จึงเป็น "ยุทธวิธีใหม่" ที่มีนัยยะ เพื่อสร้าง "สมดุลทางอำนาจ" ระหว่างทหารกับฝ่ายการเมือง มุ่งรักษาเสถียรภาพรัฐบาลให้ยาวนานที่สุด ท่ามกลางภาวะล่อแหลมทางการเมืองที่มักจะ มี "ขุนทหาร" เข้ามามีส่วนร่วมแทบทุกครั้ง?!!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ