นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีเอฟจี เซอร์วิส จำกัด หรือ “เงินติดล้อ” เปิดเผยว่า บริษัทเพิ่งขยายธุรกิจบริการด้านนายหน้าประกันภัยภายใต้ชื่อ “โบรกเกอร์เงินติดล้อ”เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกถือว่าน่าพอใจ มีลูกค้าถึง 20,000 กรมธรรม์ เป็นเบี้ยประมาณ 70 ล้านบาท เป็นประกันอุบัติเหตุ (พีเอ) 10 ล้านบาท และประกันภัยรถยนต์ 60 ล้านบาท เกินเป้าที่วางไว้ ดังนั้น ถึงสิ้นปีคาดว่าจะมีลูกค้าถึง 50,000 กรมธรรม์ คิดเป็นเบี้ยประกันประมาณ 250 ล้านบาท เป็นพีเอ 60% หรือประมาณ 30,000 กรมธรรม์ และรถยนต์ 40% หรือประมาณ 20,000 กรมธรรม์ โดยมีภาพยนตร์โฆษณา คือ ชุด “ซื้อง่าย คุ้มครองไว” ที่กำลังออกอากาศผ่านทีวีในขณะนี้เป็นตัวกระตุ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทวางเป้าหมาย ใน 3 ปีข้างหน้า หรือสิ้นปี 2560 จะต้องมีเบี้ยประกันรวม 1,000 ล้านบาท และเป็นโบรกเกอร์ประกันภัยที่มีเครือข่ายสาขาบริการมากที่สุด เพราะเงินติดล้อมีจุดแข็งด้านเครือข่ายสาขาในปัจจุบันที่มากถึง 300 สาขาทั่วประเทศ และมีพนักงานที่มีใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยมากถึง 1,000 คน ซึ่งสิ้นปีนี้คาดว่าจะขยายสาขาเป็น 330 สาขา
“แบบประกันที่เราจะนำมาขาย จะเน้นที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าหลักของเรา ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้ไม่สม่ำเสมอหรืออาชีพอิสระ ที่ไม่มีสเตตเมนต์การเงินถึง 70% อีก 30% เป็นกลุ่มมีเงินเดือนประจำ ดังนั้นจึงเน้นแบบประกันที่ง่าย เร็วและเบี้ยไม่สูง ซึ่งขณะนี้เราขายประกันพีเอและประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และ 2 พลัส ซึ่งร่วมกับบมจ.ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย”
สำหรับแผนประกันพีเอมี 2 แบบให้เลือก คือ แบบเบี้ยประกัน 399 บาทต่อปี คุ้มครองเสียชีวิต หรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ วงเงิน 300,000 บาท และแบบเบี้ยประกัน 799 บาทต่อปี คุ้มครองวงเงินเท่ากัน แต่มีค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 10,000 บาทต่อครั้งด้วย ซึ่งแบบนี้มีบัตรพีเอ การ์ด ให้ด้วย สามารถแสดงบัตรเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองเงินจ่าย จึงเป็นแบบประกันที่ขายดีมาก เพราะตั้งบูธขายในตลาดสด ซึ่งเป็นกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าที่ใช้บริการเงินติดล้ออยู่แล้ว อีกทั้งล่าสุดเปิดขายผ่านแท็บเล็ต เมื่อจ่ายค่าเบี้ยประกันแล้วจะได้รับใบเสร็จทันทีสามารถนำไปยื่นแสดงแทนบัตร พีเอ การ์ด ได้ระหว่างที่รอบริษัทออกกรมธรรม์และบัตรตัวจริงส่งมาให้อีกด้วย
“ตอนแรกที่ออกพีเอ 799 บาทมาขายไม่แน่ใจว่าจะขายได้หรือไม่ แต่กลับขายได้ดี เพราะมีพีเอการ์ดไม่ต้องสำรองจ่าย ส่วนขายผ่านแท็บเล็ตทดลองขาย 2 สัปดาห์ปรากฏว่าขายได้ 161 กรมธรรม์ เป็นเบี้ยประมาณ 114,000 บาท”
ส่วนประกันภัยรถยนต์นั้น นอกจากศรีอยุธยาเจนเนอรัลประกันภัยแล้ว ยังมีพันธมิตรบริษัทประกันภัยชั้นนำของไทยรายอื่นๆ อีก อาทิ บมจ.วิริยะประกันภัย, บมจ.สินมั่นคงประกันภัย, บมจ.ทิพยประกันภัย, บมจ.สยามซิตี้ประกันภัย, บมจ.นำสินประกันภัย, บ.เอ็มเอสไอจีประกันภัย, บมจ.อาคเนย์ประกันภัย และบมจ.เจ้าพระยาประกันภัย เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกซื้อประกันรถได้หลากหลายขึ้น
“ในอนาคตเราจะมีแบบประ-กันอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น แผนประกันชดเชยรายได้ ส่วนแผนประกันชีวิต เราก็มองไว้น่าจะเป็นปีหน้า เพราะมีความคุ้มครองที่แผนประกันพีเอไม่ครอบคลุม แต่การที่เขาจะขยายบริการ จะเน้นคอนเซปต์เดิม คือ ง่าย เร็ว เบี้ยไม่สูง รวมถึงความพร้อมของพนักงานขายที่ต้องใช้เวลาอบรม เพราะอย่างขายประกันวินาศภัยยังต้องใช้เวลาเทรนถึง 9 เดือน และระบบงานของเราที่ต้องเพิ่มเข้ามารองรับประกันชีวิต และแบบประกันก็ต้องให้ผลประโยชน์ที่ดีกับลูกค้าของเรา”