โจทย์จำนำข้าวไม่จบแค่ 12,000 รัฐบาลต้องล้างทั้งระบบ!!

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โจทย์จำนำข้าวไม่จบแค่ 12,000 รัฐบาลต้องล้างทั้งระบบ!!


หากมองจากภาพมุมสูงชั่วโมงนี้จะเห็นภาพผืนนาข้าวเป็นแผ่นสีน้ำตาลกว้าง เนื่องจากข้าวส่วนใหญ่ถูกเร่งเก็บ เกี่ยวเพื่อให้ทันการรับจำนำข้าวในราคา 15,000 บาท/ตัน รอบสุดท้ายแม้จะทันบ้าง..ไม่ทันบ้าง..ข้าวจะได้คุณภาพบ้าง.. ไม่ได้บ้าง..!!

แต่ที่แน่ๆ บรรยากาศการเปิดรับจำนำข้าวแบบปรับราคาเหลือเพียง 12,000 บาท/ตัน พอเปิดม่านมาปุ๊บ ก็เงียบเหงาปั๊บ!!..

รัฐบาลยอมรับว่าการจำนำข้าวมีปัญหาการคลังอย่างรุนแรง นี่คือบทเรียนสำคัญว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนต้องใช้สติในการพิจารณาว่า "นโยบาย" ที่พรรคการเมืองต่างๆ นำเสนอนั้นจะมีผลเสียหายอย่างไร ไม่ใช่มองแต่ประโยชน์ที่ตนจะได้เพียงอย่างเดียว พรรค การเมืองเองก็ควรมีความรับผิดชอบที่จะต้องวิเคราะห์ผลดีผลเสียของนโยบายต่างๆ ก่อนที่นำนโยบายออกมาเสนอขายต่อประชาชน

การตัดสินใจลดราคาจำนำลงอย่างรวดเร็ว เป็นเหมือนการเฉือนรายได้ชาวนาเพื่อแก้ปัญหา การขาดทุนจากราคาจำนำที่สูงลิบลิ่วเท่านั้น แต่ ภาวะขาดทุนในโครงการจำนำข้าวมิได้เกิดจากราคาจำนำเพียงอย่างเดียว การขาดทุนยังเกิดจากการอุดหนุนผู้บริโภค ค่าใช้จ่ายของโครงการ ตลอดจนการขาดทุนที่เกิดจากการระบายข้าวไม่โปร่งใสและการทุจริตในโครงการ นอกจากนั้นการยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวอย่างกะทันหันอาจส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกลดลงอย่าง ฮวบฮาบ ทำให้ชาวนาที่อยู่นอกโครงการจำนำอาจประสบภาวะขาดทุนจากการขายข้าว คณะ- กรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องนำประเด็น เหล่านี้มาพิจารณาโดยเร่งด่วน

ประเด็นแรก ถ้ารัฐบาลต้องการลดภาระ การขาดทุนจากโครงการจำนำข้าว รัฐบาลควร ลดการขาดทุนจากการระบายข้าวและการอุด หนุนผู้บริโภคด้วย

การขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว นอก จากจะเกิดจากการตั้งราคารับจำนำข้าวเปลือก ที่สูงลิบลิ่วถึง 15,000 บาท/ตัน แล้วการขาด ทุนอีกส่วนหนึ่งคือการระบายข้าวในราคาต่ำกว่าราคาตลาด และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลไม่เคยยอมแถลงตัวเลขราคาข้าวที่รัฐบาลขายได้และปริมาณข้าวที่ขาย

โชคดีที่ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติเมื่อ 18 มิถุนายน 2556 นายวราเทพ รัตนากร ได้รายงานตัวเลขราย รับรายจ่ายของการจำนำข้าว 3 ฤดู (ตั้งแต่ตุลาคม 2554 ถึง 31 มกราคม 2556) ทำให้ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย สามารถคำนวณหาปริมาณ การระบายข้าว ปริมาณสต็อกที่เหลืออยู่ และที่สำคัญ คือ ราคาข้าวที่รัฐขาย จากการคำนวณ ดังกล่าว พบว่า รัฐบาลระบายข้าวจำนวน 4.99 ล้านตัน ในราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.21 บาท ขณะที่ต้นทุนของข้าวสารในโครงการสูงถึง กก.ละ 33.62 บาท แปลว่ารัฐบาลขาดทุนกก.ละ 23.41 บาท การขาดทุนนี้ประกอบด้วยการขาด ทุนจากการตั้งราคาจำนำสูงกว่าราคาตลาดกิโลกรัมละ 14.52 บาท ขาดทุนจากต้นทุนดำเนิน การ1 (เช่น ค่าจ้าง โรงสี ค่าเช่าโกดัง ฯลฯ) 0.74 บาทต่อกก. และที่เหลือคือขาดทุนจากการระบาย ข้าวในราคาต่ำกว่าราคาตลาด

ประเด็นที่สอง การขาดทุนจากการระบาย ข้าวเกิดจากการที่รัฐบาลขายข้าวแบบไม่โปร่ง ใสให้แก่พ่อค้าบางรายในราคาถูกเป็นพิเศษ คำอภิปรายของ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ระบุว่ารัฐบาลขายข้าวราคาถูกให้โรงสีแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร ในราคากิโลกรัมละ 5.7 บาท ทั้งๆ ที่ราคาขายส่งข้าวสารในตลาด คือ 16 บาท แสดงว่าโรงสีดังกล่าวฟันกำไรส่วนต่างถึงกิโลกรัม ละ 10.30 บาท ถ้าเราทราบปริมาณข้าวที่รัฐขายในราคาถูกๆ เราก็จะสามารถคำนวณจำนวน เงินภาษีประชาชนที่ถูกนำไปแจกให้พ่อค้าพรรค พวกได้

และรายงานการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีทำให้เจ้าหน้า ที่รัฐต้องออกมายอมรับว่ามีข้าวสารที่ยังไม่ได้ลงบัญชีอีก 2.5 ล้านตัน ทำให้ไม่สามารถปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวนาปีฤดู 2555/56 ได้ตัวเลขดังกล่าวช่วยให้เราทราบวิธีการลักลอบนำข้าวจำนวนมากในโครงการจำนำไปขายในตลาด เมื่อชาวนานำข้าวเปลือกไปจำนำที่โรงสีโรงสีจะต้องสีแปรสภาพใน 7 วัน แล้วนำข้าว สารส่งมอบให้โกดังกลางของรัฐบาลที่เช่าจากเอกชน ยังมีอีกหลายขั้นตอนในการทุจริตที่มากไปกว่านี้

แต่ประเด็นตอนนี้คือการลดราคารับจำนำ และจำกัดวงเงินรับจำนำต่อเกษตรกร เท่ากับการยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ด โดยปริยาย ผลที่จะตามมา คือ ราคาข้าวเปลือก ในตลาดจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้ว่ารัฐบาล มีข้าวในสต็อกจำนวนมาก สต็อกจำนวนนี้บวก กับผลผลิตข้าวในฤดูใหม่จะทำให้ราคาข้าว เปลือกในประเทศลดต่ำลง ทำให้ชาวนาเดือดร้อน โดยเฉพาะชาวนาจำนวน 3 ล้านครัวเรือน ที่ไม่ได้นำข้าวไปจำนำกับรัฐบาล แต่ดูเหมือนว่า รัฐบาลไม่เคยคิดถึงผลกระทบในด้านนี้เลย ข้อเสนอการเยียวยาเกษตรกรด้วยมาตรการช่วยลดต้นทุนการเพาะปลูกอาจไม่เพียงพอ และคงไม่ได้ผลมากนัก การนำนโยบายประกันรายได้เกษตรกรมาแทนการจำนำข้าวในช่วงนี้จะไม่สามารถประคองราคาข้าวไว้ได้ ดังนั้นในช่วงการ เปลี่ยนผ่านนโยบายจำนำข้าว รัฐบาลจะต้องพิจารณาหาหนทางป้องกันมิให้ราคาข้าวเปลือก ทรุดฮวบลงอย่างรวดเร็ว เช่น ทบทวนการยกเลิกโครงการแบบกะทันหันโดยหาวิธีการค่อยๆ ยกเลิกโครงการรับจำนำ พร้อมมาตร-การเสริม เช่น กลยุทธ์การระบายข้าวอย่างระมัดระวัง เป็นต้น

นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องรีบจัดการสะสาง ปัญหาการทุจริตและภาระขาดทุนโดยเร่งด่วน โดยเริ่มต้นจากการแถลงรายละเอียดของการระบายข้าว ตั้งแต่ราคาข้าวปริมาณข้าวที่ขาย วิธีขาย และชื่อผู้ซื้อ เป็นต้น รวมทั้งการประมูล ขายข้าวอย่างโปร่งใส


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ