เมื่อจีนคิดว่าตัวเองใหญ่คับโลก

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566

เมื่อจีนคิดว่าตัวเองใหญ่คับโลก


โดย...108-1009  กับแสนไชย เค้าภูไทย

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมาเจ๋อตง ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ตอนนั้นคนไทยเรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า "จีนคอมมิวนิสต์" หรือ "จีนแดง" เพราะมีพรรคคอมมิวนิสต์บริหารประเทศ 

จีนยุคใหม่เป็นประเทศที่เกิดจากล้างราชวงศ์ชิง มี ดร.ซุน ยัดเซน เป็นแกนหลักของ "พันธมิตรปฏิวัติประชาธิปไตยจีน" เมื่อล้มราชวงศ์ได้แล้วในปี ค.ศ. 2454 ก็ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐจีนบนแผ่นดินใหญ่  ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งแรก ดร.ซุน ยัดเซ็น ได้เป็นประธานาธิบดี แต่เกมการเมืองของกลุ่มอำนาจเมื่อครั้งเป็นราชวงศ์รุนแรงจนเขาต้องสละตำแหน่งให้กับ ยฺเหวียน ชื่อไข่ หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ หยวน ซื่อไข่ อดีตขุนศึกราชวงศ์ ผลที่เกิดตามมาคือความแตกแยกในแนวคิด เจียง ไคเช็ค ก็ตั้งพรรคก๊กมิ่นตั๋ง เหมา เจ๋อ ตง ก็ไปตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ 

เจียง ไค เช็ค นำกองกำลังพรรคก๊กมิ่นตั๋งไล่ล้มล้างบรรดาขุนศึกจนรวมประเทศจีนใหม่ได้และปกครองประเทศ  แต่ด้วยพื้นฐานทางสังคมที่เหนือกว่าชาวไร่ชาวนาทั่วประเทศ สมาชิกพรรคก๊กมิ่นตั๋งจึงถูกชาวบ้านที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อต้าน ในที่สุดก็เกิดสงครามกลางเมือง ผลปรากฏว่า พรรคคอมมิวนิสต์สามารถขับไล่จนกองทัพพรรคก๊กมิ่นตั๋งแยกพ่าย  หนีไปตั้งหลักกันที่เกาะไต้หวันและในอีกหลายประเทศ ในบ้านเราก็มีกองพล 93 ที่ดอยแม่สลอง

เล่าคร่าว ๆ เพื่อท้าวความให้เข้าใจว่า จีนเมื่อกว่า 100 ปีก่อนตั้งแต่ตอนปลายราชวงศ์ชิงจนต่อถึงต้นการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นมีการต่อสู้แย่งชิงกันทุกหย่อมหญ้า ประชาชนอดอยากล้มตายกันมากมาย ทำให้ชาวจีนส่วนหนึ่งทิ้งแผ่นดินเกิดหนีออกมานอกประเทศ ส่วนหนึ่งหนีความอดอยาก ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งหนีภัยการกวาดล้างของพรรคคอมมิวนิสต์

ในช่วงย้อนหลังไป 60 กว่าปี  จีนเริ่มบูรณาการประเทศของตนเองในทุกมิติจนค่อย ๆ เติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและเมื่อสิ้น เหมา เจ๋อ ตง หลักการคอมมิวนิสต์ของจีนก็เปลี่ยนไป มุมมองการพัฒนาเศรษฐกิจของ เติ้ง เสี่ยว ผิง ที่กลับมาเรืองอำนาจทำให้จีนพัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดดจนทำให้จีนวันนี้กลายเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของโลกในทุกมิติ  กลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากกว่า 9 แสนล้านล้านดอลลาร์และเคยถือครองสูงสุดกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์  มากเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น และทำให้จีนไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมอีกต่อไป

จีนกระจายการลงทุนเป็นเจ้าบุญนายคุณของนานาประเทศทุกทวีปทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง “โครงการเส้นทางสายเศรษฐกิจ” หรือ “แถบเศรษฐกิจ” หรือ “วันเบลต์ วันโรด” ที่จีนย้อนรอยประวัติศาสตร์เส้นทางสายใหม่ทั้งทางบกและทางทะเลในอดีตที่จีนโน้มน้าวนานาประเทศให้เห็นดีเห็นงาม โดยจีนพร้อมที่จะลงทุนในรูปแบบใดก็ได้ตามที่เจ้าของประเทศในเส้นทางผ่านเห็นดีเห็นงาม โดยมี “ตลาดจีน” เป็นเหยื่อล่อ กำลังเป็นรูปเป็นร่าง เป็นโครงสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่ที่สุดท้ายผลประโยชน์จะย้อนกลับเข้ากระเป๋าจีนเอง ทำให้จีนเกิดความรู้สึกฮึกเหิมว่าตนเองเหนือกว่าใครในโลกนี้

ใครทำไม่ถูกใจจีน จีนก็จะประกาศว่า ตนเองพร้อมจะใช้มาตรการแข็งกราวตอบโต้ ดังจะเห็นได้จากยุคที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีจนมาถึงยุคของ โจ ไบเดน ที่จีน โดยประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ผู้ยิ่งใหญ่ กร้าวใส่กลับมาโดยตลอดเมื่อโดนแหย่ จีนแสดงให้เห็นว่า จีนยุคใหม่ไม่กลัวใครในโลกนี้

แม้กระทั่งการรุกคืบในอวกาศที่จีนก็ประกาศให้โลกรู้ว่า ถึงจีนจะเริ่มโครงการอวกาศทีหลัง สหรัฐและรัสเซีย  แต่โครงการส่งยานฉางเอ๋อลงดวงจันทร์ของจีนที่เกิดช้ากว่าโครงการอพอลโลของสหรัฐถึง 50 ปี แต่จีนก็มีความคืบหน้ากว่าและข่มสหรัฐด้วยการส่งยานฉางเอ๋อ 4 ไปลงด้านที่เป็นเงามืดของด้วงจันทร์ที่ไม่เคยมีใครไปจอดยานลงที่นั่น  นอกจากนั้นจีนยังประกาศที่จะเดินหน้าบุกเบิกดวงจันทร์อย่างต่อเนื่อง  โดยมีเป้าหมายที่จะไปตั้งสถานีที่ดวงจันทร์

กลับมาเรื่องที่ใกล้ตัว ล่าสุดเมื่อ 5 มกราคมที่ผ่านมา เมื่อนานาประเทศเตรียมพร้อมจัดมาตรการรับมือกับการเปิดประเทศของจีนหลังจีนผ่อนคลายมาตรการ “ซีโร่ โควิด” อย่างค่อนข้างเข้มงวดหลังจากที่หลายประเทศแทบจะปลดล็อกเป็น “ฟรี โควิด”กันแล้ว กระทรวงการต่างประเทศของจีน ก็ประกาศกร้าวออกมาว่า ประเทศใดทำเช่นนั้น จีนก็จะตอบโต้เช่นเดียวกัน

จีนคงลืมตัวไปว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงที่โควิดระบาดไปทั่วโลกนั้น  จีนเองนั่นแหละที่หลงตัวเองว่า เมื่อใช้มาตรการ “ซีโร่  โควิด”คุมเข้ม คน สัตว์ สิ่งของจากต่างประเทศอย่างเข้มงวดมาก่อนคนอื่นเขา คุมเข้มกันจนกระทั่งคนในชาติทนไม่ได้และต้องออกมาชุมนุมประท้วงกันในหลายหัวเมืองและในที่สุดก็นำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการ

อยากเสนอแนะให้จับตานักท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือน “แขกแก้ว” จากจีนกันไว้ให้มาก ๆ หน่อย  เพราะนักท่องเที่ยวจีนที่เราอยากได้เงินเขานักหนานั้น  มีหลายระดับเป็นพวก “ร้อยพ่อพันแม่” ส่วนหนึ่งนั้นถึงกับที่ได้ชื่อว่าเป็น “พวกเอาสะดวกเขาว่า”  คนกลุ่ม “เอาสะดวกเขาว่า” นี่แหละที่จะเป็นปัญหายากป้องกันการแพร่ระบาด

หวังว่า เมื่อ “แขกแก้ว” มาเยือนแล้ว พวกเราจะยังคงปลอดภัยกันดีนะทุกท่าน!!!!!

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ