เป็นไปอย่างเฉียบพลัน สำหรับการ "ผ่าตัดใหญ่" ปรับทัพเสนาบดีชุดที่ 5 ในรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ตามจังหวะที่ต้องรีบแก้เกมให้หลุดพ้นจากสถานการณ์กลุ้มรุมรอบด้าน เพื่อ เบรกกระแสขาลงของรัฐบาล!!

โดยที่โฉมหน้า "19 รัฐมนตรีใหม่" ในริ้วขบวน "ยิ่งลักษณ์ 1/5" ก็ล้วนแต่คัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี ด้วยคาแร็กเตอร์ "ดี-เด่น-ดัง" เป็นตัวชูโรง หวังเป็นตัวช่วยเสริมใยเหล็ก ให้แก่รัฐบาลเมื่อเข้าสู่โหมดครึ่งเทอมหลัง

เนื่องด้วย "ยิ่งลักษณ์" เน้นจัดวาง "เสนาบดี" ชุดใหม่ โดยใช้ภาพความเป็นอดีตข้าราชการประจำ และดึงภาพนักการเมืองที่มีประสบการณ์ แต่คงไว้ซึ่งภาพประนีประนอม เพื่อเป็นกุญแจในการประคับประคองรัฐบาลในอีกครึ่งทางที่เหลืออยู่

แน่นอนว่า การจัดทัพ "เสนาบดีปู 5" ยังเป็นการจัดคนได้ตรงกับงาน และเป็นไปตามอารมณ์ของคนในสังคมที่สะท้อนผ่านกระแสโพลที่ให้โจทย์รัฐบาลไปแก้ปัญหา

ทั้งเรื่องปมทุจริต รับจำนำข้าวของรัฐบาลที่กลายเป็นแผลเหวอะหวะ.. โปรเจกต์น้ำที่กำลังถูกไล่ต้อนอย่างหนักจากฝ่ายตรงข้าม รวมไปถึงแคมเปญประชานิยม และการปฏิรูปโครงร้างระบบรางทั่วประเทศ ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินลงทุนมหาศาลในภาวะที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤติทางด้านการเงินคงคลัง

ทั้งหมดทั้งปวง นับเป็นปัญหารุมเร้า รัฐบาลมาตลอดช่วง 2 ขวบปีแรก ฉะนั้นเมื่อดูจาก "บัญชีรัฐมนตรี" ชุดล่าสุดนี้ จึงมองได้ว่าเป็นการเปลี่ยน "กลยุทธ์ใหม่" ที่รัฐบาลพยายามให้น้ำหนักงานบริหารมากกว่างานการเมือง

แต่ก็น่าสังเกตอยู่ว่า เสนาบดีใหม่หลายต่อหลายคน แม้จะมีภาพลักษณ์ดีหรือมีต้นทุนเป็นที่ยอมรับของสังคมในระดับหนึ่ง แต่ทั้งหมดต่างมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาในการร่วมวง "ปู 5" เพราะเป็นสายตรงทั้งในสายชินวัตร และบ้านจันทร์ส่องหล้าเสียเป็นส่วนใหญ่

ไม่ว่าจะเป็น "วิเชษฐ์ เกษมทองศรี" อดีตประธานบอร์ด ปตท. รัฐมนตรีในโควตา "บ้าน 111" ที่ขึ้นรั้งเก้าอี้ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงคนใกล้ชิดในสาย "เทคโนแครต" อย่าง "ชัยเกษม นิติสิริ" อดีตอัยการสูงสุด ที่เข้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม ซึ่งรายนี้คือ สายตรงดูไบ

รัฐมนตรีใหม่อีกรายอย่าง เบญจา หลุยเจริญ อดีตอธิบดีกรมศุลกากร ก็ถูกวางตัวให้มาเป็นรมช.คลัง เพื่ออาศัยความเก๋าเกมเรื่องการคลังและการเก็บภาษีเสริมรัฐ มาช่วยงาน "เดอะโต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และขุนคลังผู้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ถนัดเฉพาะด้านตลาดเงินตลาดทุน และกำลังหัวหมุนอยู่กับภาวะถังแตกจากโครงการจำนำข้าวและแคมเปญประชานิยมของรัฐบาล

แต่ถ้ามองในอีกด้านหนึ่ง "เบญจา" ยังถือเป็นสายเทคโนแครตที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบ้านจันทร์ส่องหล้า นับแต่ครั้งที่รับราชการกรมสรรพากร โดย เฉพาะดีลซื้อ-ขายหุ้น "ชินคอร์ปฯ" ที่เคยชี้ว่า..ไม่ต้องเสียภาษี นั่นอาจทำให้สังคมมี ข้อกังขาว่าเป็นการต่างตอบแทนหรือไม่..?!!

เช่นเดียวกับ "ยรรยง พวงราช" ที่มาเป็น รมช.พาณิชย์ ในฐานะลูกหม้อเก่าที่เคยสวมหัวโขนปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวเป็นพิเศษ นั่น ย่อมสามารถเป็น "ตัวช่วย" ให้เจ้ากระทรวงคนใหม่อย่าง "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" ทำงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น โดยเฉพาะการหาจังหวะเหมาะเพื่อไป "เคลียร์ทาง" ทั้งข้างมวลชนและจัดการ "กระแสสื่อ" ที่กลุ้มรุมเรื่อง "ทุจริตข้าว" อย่างหนัก

ขณะที่นักการเมืองน้ำดี-ภาพลักษณ์ เยี่ยมอย่าง "เดอะอ๋อย" จาตุรนต์ ฉายแสง เจ้ากระทรวงศึกษาธิการคนล่าสุด ก็ได้รับการ "ขานรับ" จากคนในแวดวงการศึกษาเป็นอย่างดี ส่วน "เจ๊ปิ๊ก-ปวีณา หงสกุล" รมว.พัฒนาสังคมฯ ก็ตรงคามคอนเซปต์ จากที่เคยทำภารกิจด้านการช่วยเหลือเด็กและสตรีที่ทำให้สังคมเห็นผลงานมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปรากฏการณ์แปลกใหม่ อย่างการตั้ง "วราเทพ รัตนากร" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มือทำงานคนสำคัญของ "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" ให้มาควบเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ อีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อการแก้ปัญหาโครงการจำนำข้าวอย่างเป็นระบบของ "รัฐบาลพรรคเพื่อไทย" ก็ถือว่า...จัดคนได้ตรงกับภารกิจขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล

ยังน่าสนใจด้วยว่า "เด็กในคาถา" ของเจ้าแม่วังบัวบานอย่าง "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กลับโดนเขย่าหลุดทีม เสนาบดีไปหลายคน ทั้ง "บุญทรง เตริยาภิรมย์" ที่ถูกเซ่นสังเวยในปมทุจริต "รับจำนำข้าว" จนหลุดเก้าอี้รมว.พาณิชย์ ไป ในที่สุด รวมไปถึง "วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล" รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ถูกเอฟเฟ็กต์ เด้งตามไปเป็นลูกระนาด

สะท้อน "ภาวะขาลง" ของ "เจ๊แดง" ส่งผลให้ "อำนาจต่อรอง" ที่เคยมีอยู่อ่อนพลังลงจากเดิม

ขณะที่อำนาจในมือของ "ยิ่งลักษณ์" ที่มีต่อการ "ผ่าตัดใหญ่ ครม." เที่ยวล่าสุดนี้ ก็ยังสามารถ "ประคับประคอง" เหล่าบริวารใกล้ชิดและกลุ่มอำนาจใหม่แห่ง "ไทยคู่ฟ้า" ให้อยู่ต่อได้อย่างราบรื่น

ในเรื่องของสไตล์การปรับ ครม.ของ "ผู้นำหญิง" ก็ทำในลักษณะคล้ายคลึงกับพี่ชายอย่าง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" คือปรับเร็วและเงียบ เพื่อสกัดคลื่นใต้น้ำภาย ในมุ้งค่าย..มิให้กระเพื่อม?!!

ครั้งนี้แม้จะมีกระแสข่าวมาตลอดว่า "ทักษิณ" ส่งสัญญาณให้ "ยิ่งลักษณ์" ปรับ ครม.มาแล้วกว่าเดือนเศษ ทว่ายังหาโอกาสเหมาะสมไม่ได้ เพราะติดเงื่อนไขหลายอย่าง รวมถึง "ความไม่ลงตัว" ในเก้าอี้รัฐมนตรีบางตำแหน่ง ที่มีความเห็นต่างกันของ "คนตระกูลชิน" ทั้ง "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" และ "เยาวภา" จนมีข่าวต้องคุยกันหลายตลบกว่าจะได้ข้อยุติ

จะว่าไปแล้ว ในบางตำแหน่งกว่าจะลงตัว "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ก็มากรองอีกหลายรอบเหมือนกัน เพื่อให้เป็นการปรับครม.ที่ออกมาแล้วเรียกกระแสในทาง บวกกับโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่ อีกทั้งต้องทำให้ "กลุ่ม-ก๊วนการเมือง" ภายในพรรคมีความพึงพอใจ แม้จะมีบางกลุ่มต้องผิดหวังไปบ้าง เช่นที่มีกระแสข่าวว่า การเปลี่ยนตัวเสนาบดีคราวนี้ยังคงเป็นการ ปรับ ครม.ที่สร้างความผิดหวังให้กับคนเสื้อ แดงเป็นอันมาก เพราะเป็นไปตาม "สคริปต์ เดิมๆ" ที่ "เดอะตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ยังคงลุ้นไม่ขึ้นเหมือนทุกครั้ง จนโอกาสที่จะได้เป็นรัฐมนตรีของ "จตุพร" คงริบหรี่เสียแล้ว

แม้ว่าปัจจัยหลักในการปรับ ครม. หนนี้ ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คือต้องปรับเพื่อหวังผลการเมืองเชิงบวกกับนายก รัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นสำคัญ เพื่อต่ออายุรัฐบาลออกไปจนสุดทาง ซึ่งหมาย ความถึงการปรับ "รัฐมนตรี" บางคนที่กระแสประชาชนไม่ปลื้ม! และมองว่าไร้ผลงานออกจากตำแหน่ง เพื่อลดความไม่พึงพอใจ และทำให้ "กระแสนิยมรัฐบาล" ยังคงดีอยู่ในความรู้สึกของประชาชน

พลันให้ "แคนดิเดต" ในมุ้งค่ายเพื่อไทยอีกหลายคน ต้องผิดหวังซ้ำซากในการจัดโผเสนาบดีชุดใหม่ เพื่อมิให้กลายเป็น "จุดอ่อน" ในคาบนี้

สรุปแล้วตามรูปการณ์ ในการปรับโฉม "ครม.ปู 5" ที่ได้ทำคลอดมานั้น ด้วยคาแรกเตอร์ "มืออาชีพ-ภาพดี-เก๋าเกม" ...สังคมย่อมพอรับได้ระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..ย่อมขึ้นอยู่กับ "ผลงาน" ว่าคณะเสนาบดี "ปู 5" จะสามารถตอบได้ตรงโจทย์ ไปพร้อมๆ การเชื่อมประสาน "รอยร้าว" ทั้งทางสังคม การเมือง และในเชิงอำนาจได้หรือไม่?!!

เหล่านี้อาจเป็นการ "ยื้อ..ภาวะขาลง" ของรัฐบาลให้ชะลอไว้ เพื่อประคับประคองมิให้ "อับปาง" ลงก่อน ถึงเวลาอันสมควร...ก็เป็นได้?!!