ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ เรื่องธุรกิจประกันชีวิตไทย..ยังต้องเผชิญหลายปัจจัยท้าทายในการบุกตลาดประเทศกลุ่ม CLMV ท่ามกลางการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ระบุว่า ตลาดประกันชีวิตในกลุ่มประเทศ CLMV หรือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เป็นตลาดที่มีศักยภาพ และเป็นโอกาสของบริษัทประกันชีวิตไทยที่มีความพร้อมรุกเข้าไปขยายตลาด เพื่อ เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตให้บริษัทแม่ในระยะยาว เนื่องจากขนาดของตลาด และการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของประชากรยังอยู่ในระดับต่ำ หากเศรษฐกิจประเทศเหล่านี้พัฒนาก็จะ เป็นโอกาสธุรกิจประกันชีวิตจะเติบโตแบบก้าวกระโดด
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจประกันชีวิต ในประเทศกลุ่ม CLMV ส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันชีวิตต่างชาติรายใหญ่ที่มีความได้เปรียบด้านเงินทุน และเทคโน โลยี หรือไม่ก็เป็นการร่วมทุนกับรัฐบาล ของประเทศนั้นๆ เช่น ผู้ประกอบการของไทยเองมีเพียงรายเดียวเท่านั้นที่เข้า ไปร่วมทุนกับรัฐบาลกัมพูชา หรือการจัดตั้ง บริษัทย่อย รวมถึงกรณีของเวียดนามให้เข้าไปตั้งสาขา หรือสำนักงานตัวแทนได้ ซึ่ง เหตุที่ผู้ประกอบการธุรกิจประกันชีวิตในไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีนโยบายชัดเจนในการ บุกตลาด CLMV แม้จะเห็นโอกาส และประโยชน์ในอนาคต ก็น่าจะมาจากอุปสรรค และปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ ซึ่งไม่สามารถ แก้ไขได้ในระยะสั้น ดังนี้
1.สภาพแวดล้อมการแข่งขัน อาจจำกัดการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ การเข้าไปทำตลาดของบริษัทประกัน ต่างชาติที่ดำเนินการอยู่แล้ว เช่น ร่วมมือ กับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในท้องถิ่นเจาะตลาดแบงก์แอสชัวรันส์ อาจเป็นอีกโจทย์ สำคัญต้องขบคิดก่อนเข้าไปเจาะตลาด
2.โครงสร้างตลาดเงิน และตลาดทุน ยังไม่สามารถรองรับธุรกิจประกันชีวิต รวม ถึงประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินในระดับต่ำ เนื่องจากพันธบัตรของกลุ่มประเทศ CLMV เป็นตราสารที่มีความเสี่ยง สูง และปริมาณออกใหม่ก็ไม่มากพอที่จะสร้าง Benchmark ได้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ของพม่า และลาวที่ยังไม่มีการถูกจัดอันดับ เครดิต ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลของกัมพูชา และเวียดนาม ก็ถูกจัดอันดับเครดิตในประเภทเสี่ยงสูง เนื่องจากภาวะการคลังของประเทศยังไม่มีเสถียรภาพมากนัก อีกทั้งการหาผลตอบแทนจากการลงทุน อาจไม่ จูงใจหากเข้าไปลงทุนในประเทศที่อัตราเงินเฟ้อค่อนข้างสูงมาก เช่น เวียดนาม ดังนั้นหากจะเข้าไปลงทุนก็ต้องศึกษาเกณฑ์การลงทุนแต่ละประเทศ และเตรียม รับความเสี่ยงจากการลงทุนด้วย
นอกจากนี้ การที่ประชาชนไม่มีความ รู้และความเข้าใจเรื่องการออมและผลิต ภัณฑ์ทางการเงิน ก็เป็นอีกปัจจัยท้าทายการเติบโตของธุรกิจ โดยพิจารณาจากข้อมูลเงินฝากต่อจีดีพี จะเห็นว่ากัมพูชา ลาว และเวียดนาม ยังมีสัดส่วนเงินฝากต่อจีดีพีค่อนข้างต่ำมากเมื่อเทียบกับไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย
และ 3.ภาครัฐยังขาดนโยบายเฉพาะ เจาะจงที่จะจูงใจให้ประชาชนซื้อประกันชีวิต เช่น นำเบี้ยประกันชีวิตมาหักลดหย่อนภาษีได้เหมือนในไทย ซึ่งการขาดนโยบายลักษณะนี้ อาจทำให้ธุรกิจประกัน ชีวิตอาจต้องแข่งกับผลิตภัณฑ์การเงินอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอีกด้วย เนื่องจากโดยแผนและกลยุทธ์เพื่อพัฒนาระบบการเงินของประเทศเหล่านี้ เพื่อเตรียมรับการเปิดเออีซี ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การพัฒนาหลักเกณฑ์ต่างๆ ในภาพกว้าง
ดังนั้น บริษัทประกันชีวิตไทยคงต้องพิจารณาถึงประโยชน์ และต้นทุนของการลงทุนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV แม้การเข้าไปในตลาด เป็นรายแรกๆ จะมีโอกาสเหนือกว่าคู่แข่ง แต่ก็ต้องแลกกับต้นทุนดำเนินธุรกิจที่ค่อนข้างสูง ท่ามกลางอุปสรรค เชิงโครงสร้างที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์
แต่หากต้องการจะเข้าไป ต้อง เตรียมความพร้อม พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ติดตามความเคลื่อน ไหวของพัฒนาการต่างๆ ในประเทศเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ และชั่งน้ำหนักถึงโอกาสที่มีกับความท้าทายที่ต้องเผชิญ เพื่อหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่ จะเข้าไปขยายตลาดเพื่อต่อยอดการเติบโตของธุรกิจท่ามกลางการเปิดเสรี ภาคบริการทางการเงินในเออีซี